เขียนระหว่างปี พ.ศ. 2526 - 2528
อเมริกันส่งกำลังบำรุงด้านนี้มาให้อย่างไม่อั้น นอกเหนือจากงบประมาณที่ได้รับจากรัฐบาล ตำรวจตระเวนชายแดนนั้นก็มีรถเกราะทั้งเล็กและใหญ่ ไปประจำอยู่ด้วยทั่วทุกภาค เรียกกันว่าเป็นกองทัพตำรวจได้ทีเดียว นอกจากจะต้องมีหน้าที่ปราบปรามอาชญากรรม ทั้งในกรุงเทพ ฯ และต่างจังหวัดเป็นหน้าที่หลักแล้ว กรมตำรวจสมัยนั้นยังต้องมีหน้าที่ระวังป้องกันศัตรูทางชายแดนที่กำลังฝ่ายทหารเข้าไปไม่ได้อีกด้วย มีกำลังพลเป็นหมื่นเป็นแสนทั่วประเทศ เรียกว่ากองทัพตำรวจได้เต็มปาก
ผมเขียนถึงความเป็นมาของกำลังฝ่ายตำรวจให้ทราบ ก็เพื่อจะให้ท่านผู้อ่านได้มีความเข้าใจก่อนที่จะอ่านต่อไป เพราะผมจะต้องใช้อาวุธและหน่วยรถเกราะออกทำงานในการปราบปรามกบฏแมนฮัตตันครั้งนั้น เดี๋ยวจะไม่เข้าใจว่า อยู่ ๆ ไปเอารถเกราะมาจากไหน ตอนกบฏวังหลวงยังไม่เห็นมี
เอาละ เริ่มเข้าเหตุการณ์กันได้เสียทีครับ
วันเกิดเรื่อง ผมกำลังเล่นกอล์ฟอยู่ที่สโมสรกอล์ฟดุสิตกับพรรคพวกหลายคน ผมไปเล่นกอล์ฟที่นั่นเป็นประจำยามว่างงาน ห่างเหินสโมสรสหมิตรไปเลย ไอ้เกมกอล์ฟนี่ใครเล่นเป็นแล้วมักจะติดมัน ถึงเวลาแล้วไม่ได้เล่นมันจะลงแดงเอาจริง ๆครับ ไม่เชื่อลองไปถามบรรดานักกอล์ฟดู จะได้คำตอบตรงกัน ยิ่งสมัยนี้เขาเล่นกันเป็นการพนันได้เสียกันรอบละเป็นหมื่นๆ บาทด้วยแล้ว ลูกติดพันมันยิ่งมีมากขึ้น สมัยผมเล่นนั้น รอบละร้อยสองร้อยก็แพงแล้ว
ผมกำลังอยู่ในลูกติดพัน และวันนั้นผมตีดีเป็นพิเศษ
หลุมที่ ๑ ตีเข้ามาได้พาร์
หลุมที่ ๒สมัยนั้นเป็นหลุมสั้นข้ามน้ำ
หลุมที่ ๓ ผมทำเบอร์ดี้ ขึ้นทีออฟหลุมที่ ๓
ผมไดรฟ์มาไกล ขึ้นกรีนด้วยไม้เหล็กอย่างสวยงาม ขึ้นมายิงเบอร์ดี้ระยะไม่ถึงคันธง เป็นวันที่ผมเองก็แปลกใจตัวเองว่า ทำไมวันนี้มันถึงได้ฟิตนัก
ผมกำลังเดินขึ้นบนกรีน ดึงไม้พัดออกจากถุง ไอ้ช่วย คนรถของผมวิ่งหน้าตาตื่นข้ามสะพานข้ามคูมาที่กรีน ผมกำลังตั้งท่าจะพัดลูกอยู่พอดี ผมไม่ได้เงยหน้าดูมัน รอว่าพัดเสร็จถึงจะฟังมันพูด
สารวัตรครับ มันขึ้นมาอยู่ข้าง ๆผมแล้ว พูดเสียงตื่นเต้น จอมพล ป. ถูกจับแล้วครับ
ผมเงยหน้าขึ้นมองดูมัน
ท่านจอมพล ป. ถูกทหารเรือจับไปแล้วครับ มันย้ำเสียงตื่น ๆ อีก
ผมก้มลงพัดลูกต่อ มันลงเบอร์ดี้ไปอย่างสวยงาม ผมส่งพัตเตอร์ให้เด็กแคดดี้ หันไปพูดกับพรรคพวกร่วมก๊วน
ฝากไว้ก่อนนะ วันหลังค่อยมาต่อ
ต่อเต่ออะไร เสียงดังออกมาพร้อม ๆกันหลายปาก
เล่นไม่จบ จะมาคิดได้ยังไง
ผมไม่หยุดเถียงกับพวกนั้น เวรจริง ๆ พอจะตีดี รับทรัพย์สักวันก็มามีเรื่องจนได้
ผมออกจากสโมสรด่วนจี๋ กลับไปบ้านก่อน เพราะจะต้องไปแต่งเครื่องแบบ วันนั้นผมก็ไม่ได้เอาเครื่องแบบใส่รถมาด้วยเสียอีก บ้านพักของผมตอนนั้นอยู่ในบริเวณกองปราบสามยอด บึ่งรถไปเดี๋ยวเดียวผมก็กลับมาถึงวังปารุสกวัน อันเป็นที่ทำงานของเจ้านายได้ทันการ
รถผมมาถึงหน้าวังปารุสก์ฯ ก็เห็นเจ้านายยืนหน้าไม่ดีอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าแล้ว ผมยัดแขนเข้าไปในเสื้อเครื่องแบบพลางเดินก้าวยาว ๆ เข้าไปหา ก็พอดีรถคันหนึ่งปาดหน้าผมไปจอดตรงหน้านาย อรรณพซึ่งเป็นสารวัตรอยู่โรงพักบางรัก โดดลงจากรถแต่งเครื่องแบบครบ วิ่งเข้าไปหาเจ้านาย ยกมือตะเบ๊ะจะรายงาน
มือขวาของเจ้านายสลัดพั้วะ เข้าที่หน้าอรรณพ เจ้าตัวเซไป
ไอ้บ้า มาทำไม กลับไปรักษาโรงพักของมึงไว้ให้ดี
พ่ออรรณพเลยไม่ทันได้รายงาน ยืนเซ่ออยู่ตรงนั้น มาดี ๆ แท้ ๆ
ไปซี เสียงคำรามดังลั่นมาอีก นัยน์ตาถลน
ผมหยุดชะงักอยู่กับที่ ยืนแต่งตัวให้เรียบร้อยอยู่ห่าง ๆ พ่ออรรณพหันกลับขึ้นรถ เลี้ยวรถออกไปจากที่นั่น คงกลับไปโรงพัก
ผมเฮงไป ถ้าเข้าไปถึงก่อนก็คงจะโดนลูกตบลูกนั้น
เฮ้ย เป็นยังไงมั่งวะ ท่านตะโกนถามมาที่ผมซึ่งยังยืนอยู่ห่าง ๆ
ทางกองมึงเตรียมกำลังพร้อมหรือยัง
ผมก้าวเข้าไปใกล้อีกหน่อย แต่ให้พ้นระยะมือ
พร้อมครับ ผมมารับคำสั่งปฏิบัติ ผมบอก ไม่เข้าใกล้
เออ ดี มึงอยู่กับกู ไม่ต้องไปไหน ไอ้อ้วน กูให้ไปยึดโรงไฟฟ้าคืนแล้ว ท่านพูด เสียงดีขึ้น
ไอ้อ้วน ก็คือ ร.ต.อ. พันศักดิ์วิเศษภักดี เพื่อนร่วมรุ่นผมคนนั้น
ผมมารู้ที่นั่นว่า ทางทหารเรือได้ส่งกำลังไปยึดโรงไฟฟ้าที่วัดเลียบไว้ เป็นกำลังอีกส่วนหนึ่งที่เป็นของใครก็ยังไม่รู้ ทหารเรือที่เข้ามาทำงานครั้งนั้นคงจะเป็นกำลังนาวิกโยธินทางฝั่งธนบุรี เพราะทางฝั่งธนบุรีนั้นมีกำลังนาวิกโยธินอยู่สองกองพัน คือกองพันนาวิกโยธินที่ ๓ และที่ ๔ อยู่แถว ๆ บางยี่เรือ และที่โรงพักบางยี่เรือก็ถูกทหารเรือเข้ายึดไว้แล้ว ไม่ต้องสงสัยว่าสถานีตำรวจทางด้านฝั่งธน ฯอีกหลายสถานีต้องถูกยึดด้วย
นายทหารเรือที่เข้าจับจอมพลป. นั้น มียศ นาวาตรี เขาชื่อ มนัส จารุภา