ขัดลำ ตอนที่ ๑๔
นิยายสืบสวนสอบสวนคดีอาชญกรรมไทย โดย4411 เล่ม 2 เรื่องที่ 1 - ขัดลำ ตอนที่ ๑๔ พรานกัดริมฝีปาก เขาอื้อมมือไปหยิบบุหรี่มาจุดสูบ พ่นควันออกไปเป็นทางยาว พูดว่า คุณออกจากบ้านเวลาเท่าไร ในวันที่คุณมาพบผม ที่สำนักงานครั้งแรก ดิฉันออกไปแต่เช้า ก่อน ๘.๐๐น. เพราะต้องแวะไปซื้อของบางอย่างให้คุณลุงก่อน ขณะที่คุณออกจากบ้านนั้น แสงโสม ยังอยู่ที่บ้านหรือเปล่า ดิฉันไม่ทราบ เข้าใจว่า ยังอยู่ เพราะไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลงภายในบ้าน อะไรที่คุณว่า ไม่เห็นเปลี่ยนแปลง ก็ ... ง่า ...ทุก ๆ อย่างที่เคยชินน่ะซิคะ เช่น วิทยุที่เริ่มเปิดตั้งแต่เช้า ๗.๐๐ น. ก็เปิดดังอยู่เช่นทุกวัน อาหารที่เคยตั้งไว้ สามที่ ก็มีตั้งอยู่อย่างเคย แต่ดิฉันไม่ได้รับอาหารเช้าวันนั้น ตั้งใจจะออกจากบ้านโดยไม่ให้คุณลุงรู้ด้วย ก็หมายความว่า คุณไม่ได้พบ แสงโสม เลย วันนั้น ค่ะ ก่อนหน้าวันนั้นล่ะ ตอนกลางคืน ยังพบกัน ก่อนดิฉันเข้านอน คุณเข้านอนกี่ทุ่มในคืนที่ว่านั้น เพ็ญทิพย์ ก้มหน้าคิดชั่วขณะ ราว ๆ สี่ทุ่ม เห็นจะได้ค่ะ หมายความว่า หลังจากสี่ทุ่ม ในคืนวันนั้น ตลอดมาจนบัดนี้ คุณไม่ได้พบกับ แสงโสม อีกเลย เพ็ญทิพย์ พยักหน้า ค่ะ คุณโกหก พราน พูดขึ้นทันที เพ็ญทิพย์บิดผ้าเช็ดหน้าที่ถืออยู่ในมือ ครั้นแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมองดู พราน ด้วยสายตาอันแข็งกร้าว โปรดอย่าหยาบคายกับดิฉันดิฉันไม่ได้โกหก พราน เอนหลังลงพิงพนักเก้าอี้ ถ้าเช่นนั้น คุณกลับไปได้ ผมจะไม่พูดอะไรกับคุณอีก เพ็ญทิพย์ ยังคงจ้องหน้า พรานอยู่ พูดว่า ดิฉันได้เล่าความจริงทุกอย่างให้คุณฟัง คุณยังหาว่า ดิฉันโกหก มันเป็นความกล่าวหาที่ค่อนข้างจะรุนแรงสักหน่อย พราน หัวเราะ ไม่รุนแรงอะไรเลย สำหรับการเสียเวลาของผม คุณได้เล่าความที่คุณว่าเป็นความจริงมาทั้งหมด แล้วผมจะเชื่อได้อย่างไรว่า มันเป็นความจริง เมื่อคุณยังปิดบังความสำคัญอันนี้อยู่ ... คุณออกจากบ้านไปพร้อมกับอากมลของคุณ คุณไปพาหุรัด คุณไปซื้อของหลายอย่าง และกลับไปที่บ้านนั้นอีก ... คุณซื้อของไปให้ใคร เพราะคุณกลับออกมาโดยไม่ได้มีห่อของเหล่านั้นออกมาด้วย เพ็ญทิพย์มีกิริยากระสับกระส่าย หล่อนหลบสายตาของพราน ที่มองดูหล่อนอย่างเขม็ง นับน์ตาของหล่อนเชื่อมซึมลง พรานพูดต่อไปว่า แสงโสม อยู่ที่บ้านกมล ใช่ไหมตอนนั้น และคุณซื้อของเหล่านั้นไปให้แสงโสม โดย กมล เป็นคนให้คุณซื้อ จริงไหมจริง เพ็ญทิพย์ ซบหน้าลงกับฝ่ามืออีกครั้ง มีความรู้สึกเหมือนคนตกอยู่ในที่บังคับอย่างช่วยไม่ได้ น้ำตาของคุณจะทำให้เราเสียเวลาไปเปล่า พราน พูดขึ้น ผมอยากรู้ว่ากมลเขาพูดกับคุณว่าอย่างไร เขาให้คุณซื้อของมาให้ แสงโสม ทำไม และ แสงโสมไปที่บ้านนั้นทำไม ตอบผมเร็ว ๆ ถ้าไม่อยากตอบ ก็เชิญไปตัดสินใจช่วยตัวคุณเอง หรือ ให้ผมโทรศัพท์ไปบอก คุณผจญ ให้มารับตัวคุณไปก็ได้ พราน เอื้อมมือไปที่โทรศัพท์ เพ็ญทิพย์รีบเงยหน้าขึ้น สายตามองอยู่ที่มือของพราน ซึ่งจับอยู่ที่เครื่องโทรศัพท์และพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า เขาบอกว่า แสงโสม จะต้องรีบหนีไปที่อื่น เพราะถูก พงษ์ตามไปรังควานที่บ้านคุณลุงเมื่อตอนเช้า ระหว่างที่ดิฉันออกจากบ้านมา และไม่ให้ดิฉันบอกใครว่า ได้พบแสงโสม ที่บ้านเขา คุณรู้ตัวหรือเปล่าว่า จะได้พบกับ แสงโสมที่นั่น เปล่าเลยค่ะ ...เป็นความจริง พราน หัวเราะ แล้วคุณกลับมาบ้าน ได้พบว่าคุณลุงของคุณถูกฆ่าตาย คุณไม่สงสัยเลยหรือที่ แสงโสม หนีไปที่บ้าน กมล ดิฉันเข้าใจว่า เป็นการกระทำของ พงษ์ เพราะเขาได้ไปที่บ้านในขณะที่ดิฉันไม่อยู่ เขาคงไปรังควานแสงโสม แล้วก็มีปากเสียงกับคุณลุง แล้วเลยฆ่าคุณลุงเสีย แสงโสม จึงหนีไป แสงโสมแต่งตัวอย่างไร ในขณะที่คุณพบเขาที่บ้านกมล แต่งตัวอย่างออกจากบ้านค่ะ พรานยิ้ม เขาพยักหน้าช้า ๆ คุณพบกับ กมล อีกบ้างหรือเปล่า เปล่าเลยค่ะ อากมลกลับไปเชียงใหม่ในวันรุ่งขึ้น ดิฉันไม่ได้พบแกอีกเลย พราน หรี่ตามองดูเพ็ญทิพย์ ซึ่งจ้องตาเขานิ่งอยู่ สักครู่เขาก็หัวเราะ แล้วพูดว่า ดีแล้ว ... ผมพอใจแล้วเท่านี้ ต่อไปนี้ คุณก็เซ็นชื่อของคุณลงในบันทึกที่กัลยา ได้แล้ว เพ็ญทิพย์ หันไปทางกัลยา ซึ่งเงยหน้าขึ้นจากบันทึกพอดี พูดว่า ดิฉันต้องเซ็นชื่อด้วยหรือคะ พราน พยักหน้า ถูกแล้ว คุณต้องเซ็น คุณจะเอาไปทำไม พราน หัวเราะในลำคอ เรื่องของผม คุณต้องการให้ผมช่วยเหลือคุณ ใช่ไหม ทำตามคำสั่งของผมก็พอแล้ว ดิฉันไม่ต้องเดือดร้อนอะไรอีกนะคะ พราน ไม่ตอบ เขาส่งปากกาให้ เพ็ญทิพย์ คุณเซ็นเสีย ทุก ๆแผ่น เพ็ญทิพย์รับปากกามาลงชื่อในกระดาษที่ กัลยา ส่งมาให้ พราน พูดว่า คุณจะต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ คนที่คุณจะพึ่งได้ โดยไม่ต้องเกรงกลัวอันตรายอะไรเลย คือ คุณพงษ์ ไม่ใช่ อากมล ของคุณหรือใครอื่น คุณได้หลงทางมานานแล้ว ทำให้หูตาสว่างขึ้นเสียบ้าง เพ็ญทิพย์ส่งกระดาษที่เซ็นชื่อให้กับ กัลยา แล้วยื่นปากกาส่งคืนให้ พราน พรานรับปากกามาวางไว้ที่เดิม ต่อไปนี้ คุณสบายใจได้ อยู่กับบ้านเฉย ๆ ผมจะส่งคนไปอยู่เป็นเพื่อนคุณคนหนึ่ง และไม่ต้องฟังคำพูดของใครทั้งนั้น นอกจากปฏิบัติตามคำสั่งของผม เข้าใจไหม ไม่ว่าใครทั้งนั้น เพ็ญทิพย์พยักหน้าช้า ๆ พรานยิ้มอย่างพึงพอใจ อีกอย่างหนึ่งที่ผมอยากจะถามคุณ ก็คือ คุณมีเด็กคนใช้ผู้ชายที่เป่าขลุ่ยเป็นบ้างไหม เพ็ญทิพย์ขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่ ดิฉันไม่เคยมีเด็กคนใช้ผู้ชาย และไม่มีใครเล่นดนตรีอะไรในบ้าน ทำไมหรือคะ พราน หัวเราะ เปล่า ผมสนใจเสียงดนตรี ก็เลยถามดูยังงั้นเอง อย่าไปสนใจอะไรกับคำถามนี้เลย คุณกลับได้แล้ว เพ็ญทิพย์มองดูเขาด้วยแววตาประหลาดอยู่ครู่หนึ่ง หล่อน หันไปมอง กัลยา ซึ่งกำลังลุกขึ้นถือกระดาษบันทึกเดินออกไปจากห้อง พรานลุกขึ้นยืน เขาเดินไปที่บังตา เพ็ญทิพย์ ลุกขึ้นเดินตาม และหยุดยืนตรงหน้า พราน ขณะที่เขาเอื้อมมือข้างหนึ่งไปเกาะที่บังตา ทำท่าจะเปิด เพ็ญทิพย์ พนมมือกราบลงที่อกของ พราน พูดว่า ขอบคุณเหลือเกินค่ะ หล่อนเงยหน้าขึ้นขณะที่ พราน ชะงักมืออยู่ที่บังตา และพูดขึ้นว่า คุณเป็นผู้ชายที่แปลกที่สุดที่ดิฉันเคยพบ ทั้งดุดัน และอ่อนหวาน อย่างไม่น่าเชื่อ ขออนุญาตนะคะ ก่อนที่ พรานจะพูดอะไรออกมา มือทั้งสองข้างของเพ็ญทิพย์ ตระหวัดไปรอบคอของเขา หล่อนเขย่งตัวแหงนหน้าขึ้นจูบเขาที่ริมฝีปากโดยรวดเร็ว แล้วผละออกมา ผลักบังตาออกไป หันหน้ามากล่าวว่า สวัสดีค่ะ พรานมองตามหล่อนไปอย่างงง ๆ เขาสั่นศีรษะช้าๆ ยกมือขึ้นแตะริมฝีปากเร็ว ๆพลางหัวเราะกับตัวเอง เดินไปที่แขวนเสื้อ หยิบเสื้อชั้นนอกมาสวม ผลักบังตาออกไป และหยุดอยู่ที่โต๊ะทำงานของกัลยา พูดว่า ขอกระดาษบันทึกเมื่อกี้นี้ให้ผมเถอะ กัลยา กัลยาเปิดลิ้นชักโต๊ะ หยิบกระดาษบันทึกส่งให้พราน จ้องมองดูใบหน้าของเขาอย่างสงสัย พลางยิ้ม แล้วพูดว่า หัวหน้า จะไปไหนคะ ผมจะไปพบ สารวัตรพจน์ กัลยา หัวเราะเบาๆ หล่อนส่งผ้าเช็ดหน้าให้เขา เช็ดรอยลิปสติกที่ปากเสียก่อนเถอะค่ะ ประเดี๋ยว สารวัตร พจน์ จะเข้าใจผิด พรานรับผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดที่ริมฝีปาก และยกขึ้นดูรอยลิปสติกที่เปื้อนผ้าเช็ดหน้าติดออกมา เขาหัวเราะเบา ๆ ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดริมฝีปากอีก ๒-๓ ครั้ง ส่งคืนให้ กัลยา หลิ่วตา และพูดว่า ไม่เป็นไร มันคนละสีกับที่คุณใช้ แล้วก็หันหลังกลับ เดินตรงไปที่บันได โดยมีสายตาของ กัลยา ค้อนตามเขาไป
Create Date : 30 สิงหาคม 2557 |
Last Update : 6 กันยายน 2557 17:47:00 น. |
|
1 comments
|
Counter : 628 Pageviews. |
|
|
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
ร่มไม้เย็น Dharma Blog ดู Blog
ธารน้อย Literature Blog ดู Blog
ติดตามอ่าน และโหวตจ้า..