นักสืบพราน - เรื่องที่ 6 พินัยกรรมมรณะ (ตอนที่ 1)
โดย 4411
เรื่องนี้ สืบเนื่องต่อจาก เรื่อง สลัดถนนหลวง จะย้อนไปอ่านก่อน หรือจะอ่านเรื่องใหม่นี้ต่อไปเลย ก็ไม่ว่ากัน
ตอนที่ 1
กัลยา ชาญวิทยา เลขานุการสาวสวยของสำนักงาน นักสืบพรานและสหาย ทำธุระอยู่กับเครื่องพิมพ์ดีดตรงหน้าของหล่อน ขณะที่ พราน เจนเชิง กำลังยืนอยู่ตรงหน้าต่างของสำนักงาน เขาหันหลังให้เลขานุการของเขา มือทั้งสองข้างซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกง สายตาจับอยู่ที่ยวดยานพาหนะต่าง ๆ ซึ่งกำลังวิ่งขวักไขว่ไปมาอยู่บนถนน
อากาศข้างนอกออกจะอบอ้าวสักหน่อยนะ กัลยา เขาพูดขึ้นโดยไม่ได้เปลี่ยนอิริยาบท ผมคิดว่า เราควรจะหาโอกาสไปตากอากาศกันที่ไหนสักแห่งหนึ่ง ในวัน-สองวันนี้ คุณยังไม่มีเวลาที่จะได้พักผ่อนสมองของคุณในปีนี้เลย ไม่ใช่หรือ เขาหันกลับมามองดูกัลยา เมื่อพูดประโยคหลังจบลง
กัลยา เงยหน้าขึ้นมองนายจ้างของหล่อน ยิ้มอย่างหวาน พลางพูดว่า หัวหน้าคงจะลืมไปกระมังว่า พรุ่งนี้จะถึงวันครบกำหนดโทษของนายปรีชากับพวก หัวหน้าสั่งให้ดิฉันเตือนเรื่องนี้
จริงซิ พรานพูดขึ้น เดินอบ่างช้า ๆ มายังโต๊ะทำงานของกัลยา หยุดคิดเล็กน้อย แล้วจึงพูด แต่ผมคิดว่า นิพนธ์ คงจะจัดการเรื่องนี้ได้เรียบร้อยด้วยตัวของเขาเอง
คุณนิพนธ์ เป็นอาว์แท้ ๆ ของนายปรีชา ดิฉันก็คิดว่าควรจะเป็นเช่นนั้น แต่ใครจะคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่า เงินจำนวนแสนจะไม่ทำให้ นายปรีชา แผลงฤทธิ์ขึ้นมาอีก
ความจริง เรื่องมรดกของเจ้าคุณธรรมนิตินี้ ไม่ควรจะมาเกี่ยวกับงานของเราเลย มันควรจะเป็นเรื่องของทนายความเขามากกว่า และผมก็ได้แนะนำ คุณนิพนธ์ ให้รู้จักกับ เกริก ทนายความประจำสำนักงานของเราแล้ว เขาหยุดพูดชั่วขณะ หล่อนกายลงนั่งตรงมุมโต๊ะของกัลยา เพียงแต่ให้ นายปรีชา รับรู้ข้อความในพินัยกรรม ซึ่งท่านเจ้าคุณได้ทำไว้ก่อนตายว่า ท่านตัดสิทธิ์เขาออกจากมรดกของท่าน และมอบทรัพย์สินทั้งหมดให้กับคุณนัยนา พี่สาวของเขาแต่ผู้เดียว
เขาหยุดพูดอีก ในขณะที่กัลยากำลังเผยอปากจะพูด เขาก็ชิงพูดต่อเสียก่อนว่า แต่ดูมันออกจะทารุณเกินไป สำหรับเด็กหนุ่ม ๆ อย่าง นายปรีชา แกจะเอาอะไรกิน มันเป็นความประสงค์ของท่านเจ้าคุณเช่นนั้น ไม่มีใครจะขัดได้ ซ้ำท่านยังประกาศไม่ให้ใช้นามสกุลของท่านเสียอีก
ลงท้ายก็เห็นจะต้องเข้าพวกเดิมของตัว กัลยาพูดเบา ๆ
เราอยู่ในฐานะที่จะช่วยอะไรไม่ได้ พรานพูดต่อไป ผมได้แนะนำ คุณนิพนธ์ ซึ่งได้ถูกระบุให้เป็นผู้จัดการมรดกรายนี้ จนกว่าคุณนัยนาจะได้ทำการสมรสไปแล้ว ว่าควรจะจัดเงินสักก้อนหนึ่งให้ตาปรีชาไปทำเป็นทุน ค้าขายอะไรสักอย่างหนึ่งให้เป็นหลักเป็นฐาน และผมเชื่อว่า คุณนัยนาคงจะไม่ใจไม้ใส้ระกำ กับน้องชายแท้ ๆ ของตัวจนเกินไป ถึงกับจะไม่ยอมให้อะไรเสียเลย
แต่หัวหน้าอย่าลืมนะคะว่า นายปรีชา เป็นลูกผู้ชายคนเดียวของท่านเจ้าคุณ ย่อมเสมือนเป็นทายาทของท่าน กัลยาพูดยิ้ม ๆ ถ้าแกเกิดฮึดขึ้นมา เงินจำนวนเล็กน้อยที่จะมอบให้แก คงจะไม่ทำให้แกพอใจนัก
ที่คุณพูดก็ถูกอยู่ พรานพูด สายตาของเขาจับอยู่ที่ใบหน้าของเลขานุการสาว มันเป็นเรื่องที่เราจะต้องคอยดูกันต่อไป ผมก็ออกจะวิตกอยู่เช่นนั้นเหมือนกัน แต่ เกริก ก็เป็นนักพูดชั้นหนึ่ง นอกเหนือไปจากความชำนาญในทางกฏหมายของเขา เขาคงจะเป็นประโยชน์มากสำหรับ คุณนิพนธ์ ในทางที่จะพูดกับตาปรีชา
ถ้าเช่นนั้น เราก็ไม่ควรจะไปยุ่งอะไรกับเรื่องของเขา ใช่ไหมคะหัวหน้า กัลยาเอียงคอพูดเป็นเชิงถาม
ผมมีความรู้สึกอย่างหนึ่งว่า เราควรจะเตือนสารวัตรพจน์ไว้สักเล็กน้อยวันนี้ว่า พรุ่งนี้จะถึงวันกำหนดโทษของนายปรีชาและพวกแล้ว ถ้าเขาไม่เห็นเป็นของสำคัญอะไร ก็เป็นเรื่องของเขา เราย่อมไม่เกี่ยว ความจริงผมก็อยากจะพักผ่อนบ้าง ในปีนี้ ดูงานของเราไม่ใคร่จะเร่งมือเลย และคุณกับผมก็ยังไม่เคยได้ไปใช้เวลาพักผ่อนหย่อนใจด้วยกันเลย ปีหนึ่งเต็ม ๆ มานี้
กัลยาก้มหน้าลงมองเครื่องพิมพ์ดีดตรงหน้าของหล่อน เมื่อสบกับสายตาของนายจ้างของหล่อนที่มองมา ขณะที่เขาพูดจบลง พลางพูดเบา ๆ ว่า ดิฉันเห็นจะต้องปรึกษาคุณแม่ดูก่อน และอยากจะให้ท่านไปกับเราด้วย
ดีทีเดียว คุณแม่ของคุณ ท่านรักผมยังกับอะไรดี พวกเราจะไปกันทั้งหมดไหมคะ ดิฉันไม่อยากให้ตาเกรียงไปด้วยเลย เกลียด - ยั่วรู้จักหยุด
พรานหัวเราะ เขาพูดทั้งเสียงหัวเราะว่า เกรียง เป็นคนชอบสนุกอย่างนั้นเอง คุณจะไปถือแกทำไม สำนักงานของเรา ถ้าขาด เกรียง เสียคนหนึ่ง ก็เท่ากับผมขาดมือไปข้างหนึ่ง
กัลยาลอบค้อนนายจ้างของหล่อนครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะพูดว่า หัวหน้าตกลงจะปิดสำนักงานเมื่อใด และกี่วันคะ
พรุ่งนี้ และสักเจ็ดวัน เราควรจะบอกไปให้ เกริก นิพนธ์ และสารวัตรพจน์ ทราบเสียด้วย และพรุ่งนี้ให้พวกเราทุก ๆ คน ไปพบผมที่บ้านก่อนเที่ยง คุณควรจะหิ้วอะไรสักอย่าง-สองอย่างไปด้วย สำหรับอาหารกลางวันของพวกเรา อย่าลืมของโปรดของผมเสียล่ะ
ลูกตาลลอยแก้ว ใชไหมคะ กัลยาเอียงคอถาม
พรานยักคิ้วเป็นเชิงรับคำ และต้องฝีมือคุณแม่ด้วย เขาลุกขึ้นยืนสลัดขาทั้งสองข้างด้วยความเมื่อยขบ ตกลง พรุ่งนี้ผมจะส่งเจ้าช่วยไปรับคุณเวลา ๑๑.๐๐ น. และ อ้อ... ช่วยบอกให้นิพนธ์ กับ เกริก ไปพบผมที่บ้านด้วยคืนนี้ เวลาสองทุ่มตรง บอกเขาว่า ผมเชิญรับประทานอาหาร และจะปรึกษาอะไรบางอย่าง
ค่ะ แล้วก็ดิฉัน...
ไม่ต้อง พรานพูด ยิ้มเล็กน้อย เราจะคุยกันเท่านั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องบันทึกอะไร พบกับผมพรุ้งนี้ก็แล้วกัน
Create Date : 26 กันยายน 2555 |
Last Update : 26 กันยายน 2555 1:58:24 น. |
|
3 comments
|
Counter : 1342 Pageviews. |
|
|
|