จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
เมษายน 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
20 เมษายน 2555
 
All Blogs
 
เงื่อนไขการปฏิวัติ - บทที่ 7 ปฏิบัติการผิดจังหวะ (ตอนที่ 2)

โดย พ.ต.อ.  พุฒ  บูรณสมภพ

เขียนระหว่างปี พ.ศ. 2526 - 2528

บทที่ 7 ปฏิบัติการผิดจังหวะ
ตอนที่ 2

ผมเผ่นกลับเข้ามาในห้อง รีบแต่งตัวคว้าปืนเหน็บเอว ลงลิฟต์มาข้างล่างทันที ขึ้นรถที่จอดอยู่หน้าโรงแรม บึ่งไปที่กอง สั่งกำลังเตรียมพร้อม และให้คอยฟังคำสั่งผมอยู่ ณ ที่ตั้ง แล้วผมก็บึ่งรถไปที่นัดพบซึ่งรู้กัน คือบริเวณ ร. พัน ๗ ที่พี่ม้าย – พันโท ละม้าย อุทยานานนท์ เป็นผู้บังคับการกรม ๑๑ หรือผู้บังคับกองพันอยู่ตอนนั้น ผมจำไม่ได้

ผมไปถึงที่นั่นก็พบว่า พรรคพวกอยู่กันครบแล้วหลายคนบริเวณหน้ากองพัน กำลังสั่งการรวมพลอยู่ เจ้านาย ผู้ช่วย อตร. เผ่า ฯ ของผมก็อยู่ด้วย ผมเข้าไปรายงานตัวกับท่าน

เจ้านายหันมาเห็นผมก็ถามทันที

“ เฮ้ย ไอ้ม้ายมันอยู่ที่ไหนวะ ยังไม่เห็นมา ”

ผมก็ยืนงง ไม่รู้เรื่อง

“เฮ้ย ไอ้พุฒ ” ท่านสั่งการกับผม “ มึงไปตามตัวไอ้ม้ายมาให้ได้ มันคงอยู่ที่บ้านวัดธาตุทอง ”

ผมรู้จักบ้านวัดธาตุทองดี เพราะที่บริเวณหลังวัดนั้น พวกผู้ใหญ่ในคณะมีบ้านพักผ่อนอยู่ที่นั่น สำหรับใช้ในกิจกรรมนอกระบบ บ้านหลังนั้นเป็นบ้านของคหบดีชั้นเศรษฐีท่านหนึ่งที่ผมก็รู้จักดีอีก มีเอาไว้ให้ท่านผู้ใหญ่พวกนี้ใช้

ผมบึ่งรถกลับไปที่กองอีกที ผมรู้ว่า ถ้าผมจะไปวัดธาตุทอง ผมจะต้องผ่านหน่วยงานของฝ่ายปฏิวัติ ที่จะยืนรักษาการณ์อยู่แถว ๆ สี่แยกราชประสงค์แน่ ๆ

ผมแวะที่แถวเยาวราชก่อน  เรียกเอาแท็กซี่คันหนึ่งที่เคยใช้กันประจำให้ตามมาที่กอง   กองตรวจของผมอยู่ที่ชั้น 4  บนสถานีตำรวจพลับพลาไชย  ซึ่งเป็นสถานีตำรวจนครบาลกลางเดี๋ยวนี้

ผมพาแท็กซี่คันนั้นมาที่กอง เรียกคนขับรถประจำตัวผมมาแล้วล้วงเอาบัตรประจำตัวและหลักฐานเอกสารต่าง ๆ ในตัวของผมออกหมด ให้สิบตำรวจโท คนรถของผม เก็บไว้ให้ดี เดี๋ยวจะกลับมา

ส่วนกำลังนั้น ให้รอฟังคำสั่งอยู่ก่อน ไม่ต้องเคลื่อนไหวไปไหน สั่งเสร็จผมก็ขึ้นรถแท็กซี่คันนั้น สั่งให้ไปวัดธาตุทองเร็วจี๋

แท็กซี่บึ่งออกจากที่นั่นทันที พอมาถึงบริเวณสี่แยกราชประสงค์ รถก็ติดกันยาวเหยียด ผมชะโงกหน้าออกดู ก็เห็นมีการตรวจตั้งด่านอยู่ตรงสี่แยก แสงสว่างพอมองเห็นว่าเป็นพวกทหารเรือ กำลังหยุดรถ ฉายไฟตรวจรถอยู่เป็นแถว

ปืนพกประจำตัวของผมยังอยู่ที่เอว ผมทิ้งมันไม่ได้ ผมสะกิดคนขับรถ บอกเขาว่า ถ้ารถเรามาถึงที่ตรวจ ก็ให้เขาบอกว่า เขาไม่รู้จักว่าผมเป็นใคร เขารับมาแถว ๆ เยาวราช ผมบอกให้ไปส่งที่ซอยประสานมิตร ผมขึ้นรถแล้วก็เมาหลับเขลงอยู่ เขาจะปลุกตอนเข้าซอย ให้เขาพูดเท่านั้น ไม่ต้องพูดอะไรอีก

พอรถใกล้จุดตรวจเข้าไป ผมก็ล้มตัวลงนอน ปืนของผม ผมชักออกมานอนทับมันไว้ใต้ขา มือสอดไปกุมเอาไว้ ไม่แน่ใจง่าจะต้องใช้มันหรือเปล่า แล้วผมก็ขยี้ผมให้ยุ่ง ๆ นอนตะแคงหลับ หรี่ตามอง

พอรถมาหยุดที่จุดตรวจ ก็มีแสงไฟฉายกราดเข้ามาในรถ

“จะไปไหน ” เสียงถาม

“ไปซอยประสานมิตรครับ ” เสียงคนขับรถผมตอบ

“หลับเรอะ ” เสียงถามต่อมาอีก

“คงยังงั้นมั้งครับ ขึ้นรถได้ก็หลับคงจะเมามาก ” เสียงแท็กซี่ของผมตอบ

ผมทำขย้อนอ๊อกๆ

“ไป ๆ รีบไป ” เสียงนอกรถพูด “ ขย้อนแล้ว เดี๋ยวก็เลอะเทอะรถ – ไป ”

รถพุ่งปราดออกไปทันที ผมลุกขึ้นตบไหล่คนรถ

“ขอบใจมาก เดี๋ยวจะต้องกลับมาอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ อั๊วมีรางวัลให้ลื้อแน่ ”

ผมมาถึงวัดธาตุทอง ลัดเลาะเข้าไปหลังวัด มีถนนแคบ ๆตัดเข้าไปที่บ้านรับรองหลังนั้น เมื่อเข้ามาถึง ผมลงจากรถเข้าไปตามตัวพี่ม้าย ก็ได้ความจากเด็กที่นั่นว่า พี่ม้ายออกจากบ้านไปแล้วกับไอ้จิ๋ว ไอ้จิ๋วมารับลงเรือไป บ้านรับรองนี้อยู่ริมคลองพระโขนง

สมัยนั้น วัดธาตุทองยังไม่ใหญ่โตหรูหราอย่างทุกวันนี้ สภาพยังเป็นป่ารก หลังวัด มีคลองพระโขนงตัดผ่านออกไปทางแม่น้ำได้ ไอ้จิ๋วก็คือ พันโท โกศล อ่อนสุวรรณ มันแอบมารับพี่ม้ายไปก่อนหน้าผมแล้ว

ผมออกจากที่นั่นก็บึ่งมาที่บ้านซอยประสานมิตร ผมมาเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวที่นั่น เพราะจะเข้าสนามรบก็ต้องอยู่ในเครื่องแบบ ผมเอาเครื่องแบบซุกไว้ใต้เบาะที่นั่นที่ผมจะนั่ง ด้านหลัง ทั้งหมวก แล้วผมก็ออกจากบ้านด้วยแท็กซี่คันนั้นอีก ก็จะต้องผ่านด่านตรวจที่สี่แยกราชประสงค์อีกเที่ยวหนึ่ง

ยอดแท็กซี่คนนั้น พาผมผ่านด่านอันเดิม กลับมาได้อีกโดยอ้างง่าย ๆ ว่า รับผมมาจากซ่องในซอยนานาใต้ เมาหลับมาไม่รู้เรื่อง ก็ไม่ทราบว่าผ่านมาได้ยังไง ด่านทหารเรือตรงนั้น ทำไมถึงไม่สงสัยว่า ชั่วระยะเวลาไม่ถึงชั่วโมง มีแท็กซี่พาคนเมาไม่ได้สติผ่านเข้าผ่านออกได้สองหน

หรืออาจจะเป็นเพราะผู้รักษาด่านไม่เป็นคนช่างสังเกต หรือไม่ยังงั้นก็คงจะเปลี่ยนคนประจำด่านในระยะนั้น แต่ยังไง ๆ ก็ต้องเรียกว่าเป็นความเฮงของผม ถ้าโดนจับได้และค้นพบปืนที่ผมซุกไว้ใต้ขา ทั้งเครื่องแบบที่ใต้เบาะด้วยแล้ว ก็ไม่ทราบว่า ชะตากรรมของผมจะเป็นยังไง

ผมรอดมาถึงบ้านพี่ม้ายอีกที ก็พบพี่ม้ายแต่งตัวโก้อยู่ในเครื่องแบบแล้ว  เสธ. จิ๋ว นั่งอยู่ข้าง ๆ  เขารู้ว่าเขาตัดหน้าผมไปชั่วเดี๋ยวเดียว  คณะทั้งหมดซึ่งมีอยู่ไม่กี่คน  ฝ่ายคุมกำลังส่วนใหญ่ไม่มีในที่นั้น  มีแต่ตัวผู้บังคับกองพันสอง-สามคน  มีข่าวจากฝ่ายหาข่าวบอกมาว่า  ฝ่ายรัฐบาลยึดกรมโฆษณาการคืนได้แล้ว กรมโฆษณาการก็คือกรมประชาสัมพันธ์เดี๋ยวนี้  อยู่ที่เดียวกันนั่นแหละ  พวกกบฏถอยร่นเข้าไปในวังหลวง  จับได้สอง-สามคนที่นั่น




Create Date : 20 เมษายน 2555
Last Update : 23 เมษายน 2555 1:04:59 น. 1 comments
Counter : 976 Pageviews.

 
ขอบคุณมาก..


โดย: ก้นกะลา วันที่: 23 เมษายน 2555 เวลา:17:45:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.