เชิญท่านขุน ฯ เริ่มเรื่องได้ทันที
ขุนวนกิจบำรุงขยับตัวเล็กน้อย ก่อนที่จะพูดขึ้นอย่างช้า ๆ และชัดถ้อยชัดคำว่า
ผมมีเรื่องที่จะต้องรบกวนคุณ คุณพราน มันเป็นเรื่องที่ออกจะลำบากสักหน่อยสำหรับคุณ ลูกสาวของผมกำลังจะติดตะรางในคดีฆ่าคนตาย ฆ่าผัวของเขาเอง
พรานดึงบุหรี่ออกจากปาก เขาหันไปมองกัลยาอีกครั้งหนึ่ง และกลับมามองแขกของเขาอย่างสงสัย
กำลังจะติดตะราง ท่านขุนฯ หมายความว่า เวลานี้กำลังถูกควบคุมตัวอยู่อย่างนั้นหรือครับ
ขุนวนกิจบำรุงส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ
ไม่ใช่ เวลานี้เขาอยู่ในเรือนจำ เรื่องมันเกิดขึ้นหลายเดือนมาแล้ว คุณก็คงจะเคยได้ข่าว เรื่อง นาย วิกรม อนันตพันธ์ ถูกยิงตายในห้องนอนของเขาเอง ที่ตลาดหัวรอ เจ้าหน้าที่ได้จับตัวนางอรัญญา เมียผู้ตาย ลูกสาวของผม โดยสงสัยว่าจะเป็นคนฆ่าสามี เพราะหวังทรัพย์มรดกและเงินประกันชีวิต เวลานี้ คดีกำลังดำเนินการพิจารณาอยู่ที่ศาลจังหวัดอยุธยา โจทก์ได้สืบพยานไปหลายปากแล้ว ยังเหลืออยู่แต่พยานที่ไม่สำคัญและพยานจำเลย ที่ยังต้องสืบอยู่อีก ผมคิดว่ามันคงไปไม่รอด เพราะพยานโจทก์ปรับปรำจำเลยเหลือเกิน
ผมคิดว่า พรานชิงพูดขึ้น ท่านขุน ฯ คงจะเข้าสำนักงานผิด เราเป็นนักสืบ ไม่ใช่ทนายความ ท่านขุน ฯ ควรจะไปหาทนายความ มากกว่าที่จะมาหาผม
ทนายความ ผมมีแล้วถึงสองคน เป็นทนายที่มีชื่อเสียงที่สุดในจังหวัดอยุธยา แต่ทั้งคู่ก็ช่วยอะไรไม่ได้
ขุนวนกิจบำรุงพูด พร้อมกับส่ายศีรษะช้า ๆ อย่างคนสิ้นหวัง
ผมพบกับทนายทั้งสองคนเมื่อวานนี้ เขาบอกว่า ถ้ามันจะลำบาก เพราะทนายหลักฐานฝ่ายโจทก์แน่นหนามาก ผมมั่นใจว่า ลูกสาวของผมไม่ได้เป็นคนฆ่านาย วิกรม ผมมั่นใจเช่นนั้น คุณพราน ผมรู้จักจิตใจของมันดี นังคนนี้ไม่กล้าฆ่าคน มันไม่กล้าแม้แต่เพียงจะตบยุงสักตัวหนึ่ง ปืน มันก็ยิงไม่เป็น มันจะฆ่าคนด้วยปืนอย่างไรได้
พรานนิ่งฟัง เขามองหน้า ขุนวนกิจบำรุง อย่างใช้ความคิด มือทั้งสองข้างวางอยู่บนโต๊ะ และกระดิกนิ้วไปมา
ขุนวนกิจบำรุงพูดต่อไป
ผมต้องการให้คุณช่วยสืบสวนเรื่องนี้ว่า ใครเป็นคนฆ่านาย วิกรม กันแน่ มันต้องไม่ใช่ลูกสาวของผม เป็นหนทางเดียวที่จะช่วยมันได้ ถ้ามิฉะนั้น มันคงไม่พ้นตะแลงแกงแน่นอน
เรื่องนี้ ดูเหมือนจะเกิดขึ้น ๓ - ๔ เดือนมาแล้ว ใช่ไหมครับ พรานพูดขึ้น และดูเหมือนผมจะจำได้ว่าทางพนักงานสอบสวนได้พบปืนที่ใช้กระทำความผิดอยู่ในที่เกิดเหตุ มีรอยนิ้วมือของภรรยาผู้ตาย ปรากฏอยู่ที่ปืนกระบอกนั้น มีพยานแวดล้อมในกรณีที่ผู้ตายกับภรรยาได้เป็นปากเสียงกันก่อนวันเกิดเหตุ และภรรยาผู้ตายได้หนีออกจากบ้านไปก่อนเกิดเหตุหลายวัน
ถูกแล้ว ขุนวนกิจบำรุงรับคำ ผมถึงได้ว่า หลักฐานต่าง ๆ มันแน่นแฟ้นมาก ผมได้พบกับ อรัญญา มันปฏิเสธว่า มันไม่ได้ฆ่า มันไม่รู้ว่าใครฆ่าผัวมัน ขณะเกิดเหตุ มันไม่ได้อยู่บ้าน ไม่มีใครอยู่บ้าน นาย วิกรมอยู่บ้านคนเดียว อรัญญาหนีออกไปจากบ้านตั้งแต่เขาเกิดเรื่องทะเลาะกันหลายวันก่อนหน้านั้น ในวันนั้น อรัญญา กลับมาบ้านโดยต้องการจะพบกับผัวของมัน เพื่อตกลงอะไรกันบางอย่าง มันมาพบผัวของมันถูกฆ่าตาย มีปืนกระบอกหนึ่งตกอยู่ข้าง ๆ ตัว มันหยิบปืนกระบอกนั้นขึ้นมา จึงได้มีรอยนิ้วมือของมันติดอยู่ - มันโง่ อีเด็กคนนี้ มันโง่มาก ท่านขุน ฯ ย้ำคำ พร้อมทั้งใช้มือตบหัวเข่า ๒ ๓ ครั้ง
พรานใช้มือขวาลูบริมฝีปากไปมาอย่างใช้ความคิด
อืม์ เขาครางในลำคอเบา ๆ ฟังดูไม่ค่อยจะดี ออกจะลำบากอยู่สำหรับผม ว่าแต่ท่านขุน ฯ แน่ใจรึว่า ลูกสาวของท่านขุนฯไม่ได้เป็นคนฆ่า ?
ขุนวนกิจบำรุงผงกศีรษะอย่างมั่นใจ
ครับ ผมเชื่อมันจริง ๆ มันไม่ได้เป็นคนฆ่าแน่
ใครเป็นคนสอบสวนคดีนี้ ท่านขุน ฯ ทราบไหมครับ และในชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาให้การว่าอย่างไร
นายร้อยตำรวจเอก ผจญ แห่งกองปราบปราม เป็นผู้สอบสวนคดีนี้ ขุนวนกิจบำรุงพูดพร้อมชะโงกหน้าเข้ามา ทางการเขาส่งนายตำรวจปราบปรามขึ้นไปสอบสวนเรื่องนี้โดยเฉพาะ คุณผจญ ได้เข้าไปดำเนินการด้วยตัวเอง แกหาพยานแวดล้อมต่าง ๆ มาสอบสวน แม้กระทั่งคนที่เห็นลูกสาวของผมเข้าไปในบ้านที่เกิดเหตุ ในระยะเวลาที่เกิดเสียงปืนดังขึ้น และไม่ได้กลับออกมา จนกระทั่งคนที่อยู่ใกล้เคียงได้รีบไปแจ้งตำรวจ เมื่อเขาได้ยินเสียงปืน และตำรวจได้มาพบ อรัญญา ในบ้าน ในขณะที่เขาพากันมายังที่เกิดเหตุ สำหรับตัว อรัญญา เอง มันไม่ยอมให้การในชั้นสอบสวน เพราะทนายเขาแนะนำอย่างนั้น
พรานผงกศีรษะ ๒ ๓ ครั้ง
หมายความว่า เขาต้องการให้ไปแถลงชั้นศาล ? และโดยไม่ได้รอคำตอบ เขาพูดต่อไป ปืนกระบอกนั้นเป็นของใคร
ก๊อ เป็นของนัง อรัญญา มันน่าซี เพราะผัวของมัน ซื้อให้มันก่อนเกิดเรื่อง และเป็นปืนที่มีทะเบียนเสียด้วย ขุนวนกิจบำรุงพูด พร้อมกับเอนหลังลงพิงพนักเก้าอี้ แต่ อรัญญา มันบอกว่า ปืนกระบอกนี้ ผัวของมันได้แย่งคืนไปจากมัน ก่อนวันเกิดเหตุนานมาแล้ว ตั้งแต่มีเรื่องระหองระแหงกัน เพราะมันเคยขู่ว่ามันจะฆ่า นาย วิกรม ก็เลยแย่งเอาไปเก็บไว้ และตัว อรัญญาเอง มันลืมไปนานแล้วว่ามันมีปืน
พรานเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เขาจ้องมองหน้าขุนวนกิจบำรุง อย่างใช้ความคิด
ท่านขุน ฯ คิดว่า ผมจะช่วยท่านขุน ฯ ได้แน่หรือ เรื่องนี้
ขุนวนกิจบำรุงเม้มริมฝีปาก นิ่งอยู่สักครู่แล้วจึงพูดว่า
เป็นหนทางสุดท้ายของผม ผมเคยได้ยินชื่อเสียงของคุณว่าเป็น นักสืบเอก แห่งยุค ผมก็ยังไม่แน่ใจนักว่า คุณจะช่วยได้ แต่เมื่อมันยังมีความหวังอยู่ ผมก็ต้องมาหาคุณ บางที คุณอาจจะช่วยนังลูกสาวของผมได้ มันเป็นประตูสุดท้ายของมัน
พรานเปลี่ยนสายตาจากขุนวนกิจบำรุง มาที่กัลยา ซึ่งกำลังทำหน้าที่บันทึกถ้อยคำโต้ตอบอยู่ กัลยา เหลือบตาขึ้นมองหัวหน้าของหล่อนเมื่อจบบันทึก ยักไหล่ แล้วกลับหันไปมองขุนวนกิจบำรุง
ผมจะให้ค่าตอบแทนคุณอย่างเต็มที่สำหรับเรื่องนี้
ขุนวนกิจบำรุงพูด พร้อมกับล้วงมือลงไปในกระเป๋าเสื้อด้านขวา หยิบเอาธนบัตรออกมาปึกหนึ่ง วางลงบนโต๊ะ
นี่เป็นเงินหนึ่งหมื่นบาทล่วงหน้าสำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของคุณ ถ้าเรื่องนี้ คุณทำสำเร็จ ผมจะให้คุณอีกสองหมื่นบาท กรุณารับปากหน่อยเถอะครับ ผมจะได้สบายใจ
พรานมองดูธนบัตรปึกนั้นชั่วครู่ เขาเหลือบสายตาขึ้นมอง ขุนวนกิจบำรุง พบสายตาที่เต็มไปด้วยความวิงวอน เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ ซุกมือทั้งสองข้างลงในกระเป๋ากางเกงก้มศีรษะมองดูพื้นอย่างใช้ความคิดอยู่ชั่วขณะ ครั้นแล้วจึงเงยหน้าขึ้นพูดว่า
ผมยังรับรองอะไรไม่ได้ แต่ถ้าท่านขุน ฯมั่นใจอย่างนั้นจริง ๆ ผมก็จะพยายามหาความจริงดู แต่ก่อนอื่น ท่านขุน ฯ ต้องเข้าใจว่า ผมไม่เคยช่วยคนกระทำความผิด และผมยินดีที่จะช่วยผู้ที่ไม่มีความผิด ผมยังตกลงอะไรแน่นอนไม่ได้ในขณะนี้ มันเป็นคดีที่ออกยุ่งยากสักหน่อย
ขุนวนกิจบำรุงมองดูหน้า พราน สีหน้าของท่านขุน ฯ ดีขึ้น
ถ้าคุณรับปากว่า จะทำงานชิ้นนี้ ผมก็พอใจแล้ว เงินหนึ่งหมื่นบาทนี้ คุณรับไว้ก่อนเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย สำเร็จหรือไม่สำเร็จ อยู่ที่ดวงชะตาของอรัญญามัน ผมขอให้คุณใช้ความสามารถของคุณให้เต็มที่เท่านั้น ก็พอใจมากอยู่แล้ว
แน่นอน พรานพูด ยังไม่เปลี่ยนอากัปกิริยา ถ้าผมตกลงใจที่จะทำงาน ผมก็ต้องทำจนสุดความสามารถของผม ผมจะพบกับคุณอรัญญาได้ที่ไหน ?
เรือนจำจังหวัดอยุธยา มันกำลังต้องขังอยู่ที่นั่น
ใครเป็นทนายของคุณอรัญญา
นายวิชัย รัศมี และ นายสันทัด วรรณบูรณ์
พรานผงกศีรษะช้าๆ
เป็นทนายที่มีชื่อเสียงทั้งคู่ของจังหวัดอยุธยา ผมเคยได้ยินชื่อเขาอยู่
พรานหยุดพูด เดินอย่างช้า ๆ ไปยังหน้าต่างห้องทำงานของเขา เขาหยุดเพ่งมองออกไปข้างนอกสักครู่หนึ่ง ครั้นแล้วจึงเดินกลับมายังที่ ๆขุนวนกิจบำรุงนั่งอยู่ และพูดขึ้น
เอาละครับท่านขุน ฯ ผมจะพยายาม แต่มันอาจต้องการเวลามากสักหน่อย ท่านขุน ฯ คิดว่า ผมจะมีเวลาอีกสักเท่าไร สำหรับที่จะทำงานเรื่องนี้
การสืบพยานโจทก์ คงจะดำเนินต่อไปอีกประมาณครึ่งเดือน ขุนวนกิจบำรุงพูดขึ้นหลังจากคิดอยู่ชั่วครู่ เราจะสืบพยานจำเลยอีกประมาณ ๓ -๔ ปาก ผมคิดว่า คงจะมีเวลาอีกราว ๆ เดือนกว่า ๆ
พยานจำเลยในคดีนี้มีใครบ้าง ขอชื่อและที่อยู่ไว้ให้ผม ถ้าไม่ขัดข้อง
ขุนวนกิจบำรุงล้วงกระเป๋าชั้นใน หยิบเอาซองเอกสารออกมา ดึงกระดาษแผ่นหนึ่งคลี่ออก และส่งให้พราน พร้อมกับพูด
ผมจดใส่กระดาษแผ่นนี้ไว้ คุณเก็บเอาไว้ก็ได้
พรานรับกระดาษแผ่นนั้นจากมือขุนวนกิจบำรุง เขาใช้สายตาอ่านผ่านไปสักครู่จึงส่งให้กัลยา พร้อมกับหันหน้าไปพูดกับขุนวนกิจบำรุงว่า
สิ่งหนึ่งที่ท่านขุนฯ จะต้องทำ คือ เมื่อฝ่ายโจทก์สืบพยานหมดแล้ว ขอให้พูดกับทนายจำเลยว่า อย่าเพิ่งนำพยานจำเลยเข้าสืบก่อนที่จะได้รับคำสั่งจากผม
เขาได้ขอให้ออกหมายไปแล้ว จะทำอย่างไรกัน
ขุนวนกิจบำรุงพูด พร้อมกับเลิกคิ้ว ขึ้นสูง แล้วมองดูหน้าพราน
รีบไประงับไว้ก่อน พรานพูด พร้อมกับดึงมือขวาออกจากกระเป๋ากางเกง ยกนิ้วชี้พุ่งไปที่ขุนวนกิจบำรุงอย่างสำทับ
ท่านขุน ฯ ต้องให้ทนายใช้วิธีการทุกอย่าง ที่จะระงับการสืบพยานจำเลยไว้ให้ได้ จนกว่าจะได้รับคำสั่งจากผม นี่คือสิ่งที่ผมต้องการขณะนี้ แล้วผมจะบอกท่านขุน ฯ เองว่า จะทำอย่างไรต่อไป ระหว่างนี้ ผมไม่ต้องการให้ฝ่ายจำเลยพูดอะไรออกมาทั้งนั้น
เป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องทำยังงั้นหรือครับ ขุนวนกิจบำรุง ชะโงกหน้าถาม
พรานพยักหน้าทันที ก่อนที่จะพูดว่า
เป็นเรื่องจำเป็น เพื่อผลในขั้นต่อไป
ขุนวนกิจบำรุงยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก
ความคิดของคุณแล่นเร็วทันใจดีจริง ๆ เพราะเหตุนี้ ผมจึงต้องการตัวคุณ เอาละครับ ผมเชื่อ และจะพยายาม