การทานน้ำตาลมากๆ หรือคนที่ชอบขนมหวาน มักจะมีปัญหาเรื่องน้ำหนักตัว กลัวอ้วน แต่กระนั้นการยับยั้งความอยากทำไมถึงยากแสนยาก บางคนขอให้ได้ทานให้เต็มอิ่มเสียก่อนแล้วก็มาลดความอ้วนกันทีหลังซึ่งได้ผลน้อยมาก นอกจากนี้ยังทำให้มีปัญหากับสุขภาพของช่องปากด้วย และที่สำคัญที่สุดน้ำตาลเป็นปฏิปักษ์กับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานอีกด้วย
ในอาหารและขนมไทยทั่วไปมีทั้ง แป้งและน้ำตาลอยู่มาก การที่จะลดการทานน้ำตาลในฉับพลันไม่ใช่เรื่องง่าย มีนักวิชาการและนักโภชนบำบัดหลายคนได้แนะนำวิธีการค่อยๆ ลดน้ำตาลไว้หลายแบบ อย่างเช่น ดร.แคทลีน เดเมซอง นักโภชนาการผู้เขียนหนังสือ The Sugar Addicts Total Recovery Program แนะนำว่าก่อนที่จะลดปริมาณการทานน้ำตาล ให้ทานอาหารที่มีส่วนประกอบของโปรตีนให้มากขึ้น เพราะโปรตีนจะช่วยลดความอยากน้ำตาลได้ อาหารที่แนะนำ เช่น ไข่ทูน่าสลัด หรืออาหารประเภทถั่ว
จากนั้นให้เริ่มลดอาหารที่ทำจากแป้งขาวเพราะมีส่วนเพิ่ม ระดับน้ำตาลในเลือด ลองเปลี่ยนมาทานพวกธัญพืชที่ไม่ได้ขัดขาว เช่น ขนมปังโฮลวีท ข้าวซ้อมมือ แล้วค่อยๆ เริ่มลดปริมาณน้ำตาลลง เช่น ลดการทานขนมขบเคี้ยว คุกกี้ ลูกอม ช็อกโกแลตหรือเติมน้ำตาลในเครื่องดื่มให้น้อยลง เป็นต้น จนกระทั่งสามารถลดปริมาณน้ำตาลให้เหลือเพียง 1 ช้อนชา หรือน้อยกว่านั้นต่อวัน และเพื่อให้ได้ผล จากนี้ต่อไปคุณควรอ่านฉลากอาหารทุกชนิดที่รับประทานและคำนวณปริมาณน้ำตาลจาก ฉลากนั้นๆ ด้วย
คนปกติมีความต้องการ น้ำตาลเพียง5-10% ของพลังงานทั้งหมดต่อวัน ในผู้หญิงอายุมากกว่า 20 ปี ต้องการพลังงานวันละ1,600 กิโลแคลอรี ขณะที่ผู้ชายอายุมากกว่า20 ปี ต้องการพลังงานวันละ 2,000 กิโลแคลอรีซึ่งตามหลักโภชนาการแล้ว เกลือ น้ำตาล และน้ำมัน ควรรับประทานแต่น้อยๆ เท่าที่จำเป็นหรือวันละไม่เกิน 5 ช้อนชาเท่านั้น
ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำว่า หากรู้สึกอ่อนเพลียจากการลดปริมาณน้ำตาลลงให้รับประทานผลไม้แทน เนื่องจากผลไม้นั้นอุดมด้วยน้ำตาลตามธรรมชาติซึ่งให้พลังงานมาก แต่จะไม่เพิ่มน้ำตาลในเลือดมากเท่ากับน้ำตาลทราย นอกจากนี้ให้เสริมด้วยอาหารที่มีเส้นใย (Fiber) สูง เช่น ผัก ผลไม้ เพราะเส้นใยอาหารจะช่วยในการยับยั้งไม่ให้คาร์โบไฮเดรตเปลี่ยนเป็นกลูโคส หรือน้ำตาลในเลือดนั่นเอง
ขณะที่การแพทย์จีนแนะนำ เรื่องการบริโภคน้ำตาลไว้อย่างน่าสนใจโดยระบุว่าความอ่อนเพลียที่เกิดจากการ ที่ระดับน้ำตาลในเลือดเปลี่ยนแปลงบ่อยนั้น เกิดจากการขาดพลังงานในอวัยวะบางส่วน เช่นการขาดพลังงานในกระเพาะอาหารและม้าม แพทย์แผนจีนแนะนำว่ามีอาหารบางประเภทที่ช่วยปรับสมดุลในร่างกายได้ เช่น อัลมอนด์ ขิงมะละกอ ลูกแพร์ มันฝรั่ง และสมุนไพรบางชนิด
ข้อพึงระวังในการเลือกอาหารสำเร็จรูปอีกประเภทหนึ่ง คือ สินค้าบางชนิดที่มีการระบุบนฉลากว่า Sugar-free จะหมายถึงปราศจากน้ำตาลซูโคสเท่านั้น ซึ่งอาจจะยังมีน้ำตาลฟรุกโตส หรือกลูโคสอยู่ นอกจากนี้อาหารที่เขียนว่า low-fat อาจจะชดเชยรส ชาติอาหารที่ขาดหายไปจากการลดไขมันด้วยการเพิ่มน้ำตาลเข้าไปก็เป็นได้ ดังนั้นหากจะลดความหวานคงต้องเริ่มต้นที่ดีกับการอ่านฉลากให้ถี่ถ้วนเสีย ก่อนเพื่อที่คุณจะควบคุมปริมาณน้ำตาลที่ถูกต้องได้ด้วยตัวเอง
Other Linkลดน้ำหนักกับ Longderse ปรึกษาฟรีบทความอื่นๆ