วันเวลาในชีวิตของเรานั้นมันผ่านไปแล้ว ก็ไปลับ ไม่มีทางที่จะเรียกให้มันย้อนกลับมาได้เลย คนบางคนใช้เวลาอย่างไร้ค่า ปล่อยเวลาให้ผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์ และไม่มีมูลค่าเพิ่มใดๆ ให้กับชีวิตของตนเอง เพียงแค่ต้องการความสบายเท่านั้น บางคนวันนี้สบาย ไม่ต้องทำอะไรมากมาย แต่กลับต้องมาลำบากในบั้นปลาย แล้วก็มานั่งบ่นว่า รู้แบบนี้ขยันไว้ก็ดี คนที่พูดแบบนี้ แสดงว่ามีความเสียดายวันเวลาที่ผ่านไป แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถที่จะย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้เลย
ผมอ่านเจอบทความหนึ่งที่เขาไปทำวิจัยกับคนชราของประเทศเบลเยียม โดยถามคำถามว่า คุณรู้สึกเสียดายอะไรมากที่สุด ซึ่งผลการสำรวจก็ออกมาดังนี้ครับ
- 72% ตอบว่า เสียดายวันเวลาตอนที่เป็นหนุ่มเป็นสาวไม่มีความขยันมากพอ ก็เลยทำให้ชีวิตไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้
- 67% ตอบว่า เสียดายเวลาตอนที่เป็นหนุ่มเป็นสาว ไม่ได้ทำอาชีพที่ตนเองรักและชอบ มัวแต่ไปทำอาชีพที่ตนเองไม่ชอบ ด้วยเหตุผลที่ว่า เราทำอะไรไม่เป็น ซึ่งจริงๆ ถ้าขณะนั้นเราเปลี่ยนทางเดินเสียใหม่ ตอนนี้ก็ไม่ต้องมานั่งบ่นแบบนี้
- 58% เสียดายที่ไม่ได้ออกกำลังกายมากพอ ก็เลยทำให้มีโรคภัยไข้เจ็บตามมารุมเร้าเอาตอนอายุมาก
- 56% เสียดายที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อคู่ครองของตน
- 47% เสียดายที่ไม่ได้ดูแลและตอบแทนคุณพ่อแม่ของตนเอง
- 32% เสียดายที่ใช้ชีวิตราบเรียบเกินไป ทำให้ชีวิตขาดสีสัน และขาดความตื่นเต้นในชีวิต
อ่านผลการวิจัยแล้วรู้สึกอะไรบ้างหรือเปล่าครับ ผมเชื่อว่าบางท่านอาจจะไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะคิดว่าตอนนี้เรายังไม่แก่ซะหน่อย ทำไมต้องไปเสียดายอะไรมากมาย ชีวิตตอนนี้เรายังมีเวลาอีกเยอะแยะ อยากทำอะไรก็ทำไป
แต่เชื่อมั้ยครับว่า เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว เราก็จะเริ่มแก่โดยที่เราอาจจะไม่รู้ตัวเลยก็ได้นะครับ ดังนั้น อย่าให้ตนเองต้องมานั่งบ่นเสียดายเอาตอนแก่เลยนะครับ เรามาเริ่มเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนเองเสียตั้งแต่เรายังมีแรงที่จะทำอะไรต่อมิอะไร
สิ่งสำคัญก็คือเรื่องของวินัยในตนเองนี่แหละครับ ที่มักจะทำให้คนเราล้มเลิกความตั้งใจกลางคัน รวมทั้งความอยากสบายในระยะสั้น ก็จะทำให้เราไม่ยอมทำอะไรที่มันลำบากตอนที่เราสามารถทำได้
พอถึงเวลาที่เราไม่มีแรงจะทำในสิ่งที่เราอยากทำแล้ว ก็มานั่งบ่นว่า รู้งี้ทำซะตั้งแต่หนุ่มสาวก็คงจะดี
ดังนั้นทำในสิ่งที่เราอยากจะทำเสียตั้งแต่วันนี้นะครับ ถ้าไม่อยากได้ยินคำพูดดังกล่าวจากปากของเราเองตอนแก่ครับ