อย่างที่เคยได้รับทราบกันทุกปี ก็คือ เมื่อถึงช่วงปีใหม่ หลายๆ คนก็จะมีการกำหนดเป้าหมายต่างๆ ว่าในปีนี้เราจะทำอะไรให้สำเร็จบ้าง บางคนก็กำหนดไว้ เพียง 1-2 เป้าหมาย บางคนก็มีมากกว่านั้น แต่ไม่ว่าจะมีกี่เป้าหมายก็ตาม สิ่งที่เราจะต้องทำต่อไป ก็คือ ทำให้เป้าหมายที่เราฝันไว้นั้น เกิดขึ้นจริงให้ได้

คำถามที่อยากจะถามท่านผู้อ่านก็คือ เป้าหมาย หรือความสำเร็จที่เราต้องการนั้น มีความสำคัญกับเรามากสักเพียงใด หรือเราแค่ตั้งๆ ไว้ เห็นคนอื่นเขาตั้งก็อยากตั้งบ้าง หรือบางคนก็อาจจะคิดเพียงว่า มีไว้ก็ดีกว่าไม่มี ฯลฯ ถ้าเราคิดในแนวนี้แสดงว่า เป้าหมายหรือความสำเร็จที่เราต้องการนั้น มันไม่ได้มีความสำคัญกับชีวิตเราเลย ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ การตั้งเป้าหมายนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับเรา

ส่วนคนที่มีความตั้งใจจริง ก็มีไม่น้อยครับ ก็อยากให้ทุกคนกำหนดเป้าหมายความสำเร็จให้ชัดเจน วัดได้ หรือสามารถมองเห็นความสำเร็จได้อย่างชัดเจน เพื่อที่จะเป็นตัวบอกเราว่า ระยะเวลาที่ผ่านไปนั้น เราเข้าใกล้ความสำเร็จมากน้อยสักเพียงใดด้วย

จากนั้นสิ่งที่สำคัญมากๆ อีกเรื่องหนึ่งก็คือ ต้องกำหนดแผนงาน หรือวิธีการที่จะทำให้เราไปสู่เป้าหมายที่เรากำหนดไว้นั่นเองครับ มีหลายๆ คนบอกว่า การกำหนดเป้าหมายนั้นไม่ยากเท่ากับการที่ทำให้เป้าหมายนั้นเป็นจริงขึ้นมาได้ นี่สิยากกว่าเยอะ แต่คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต จะบอกเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า “ไม่ยากเลย” แค่ขอให้เรามีความมุ่งมั่น มีความอดทน มีวินัยในตนเอง และอย่าล้มเลิกกลางคัน แค่นี้เราก็สำเร็จได้

เชื่อมั้ยครับว่า พูดง่ายแต่ทำยากมาก หลายๆ คนที่ตั้งเป้าหมายความสำเร็จไว้ ถ้าเราไม่มีวินัยในตนเองที่จะทำการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมบางอย่าง เราก็จะกลับมาใช้ชีวิตแบบเดิมๆ อีก แล้วเป้าหมายที่เราตั้งไว้ มันก็จะค่อยๆ หลุดลอยไป ดังนั้นการที่จะไปสู่เป้าหมายให้ได้นั้น ก็คือจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตของตนเองใหม่ไม่มากก็น้อยล่ะครับ คงไม่มีความสำเร็จไหนที่เกิดขึ้นได้ โดยที่เรายังคงใช้ชีวิตแบบเดิมๆ เหมือนๆ กันทุกปี

คนที่อยากประสบความสำเร็จ จะต้องให้ความสำคัญกับเป้าหมายที่กำหนดไว้ ตั้งแล้วต้องยึดเป้าหมายนั้นให้มั่น ถ้าเรายึดมั่นในเป้าหมายอย่างจริงจัง สิ่งนี้จะช่วยทำให้เราเริ่มเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมใหม่ เพื่อให้เราสามารถบรรลุเป้าหมายได้ ในช่วงแรกนั้นอาจจะยากสักหน่อย ก็ต้องอาศัยความอดทน และความมีวินัยมากหน่อย เมื่อไหร่ที่เริ่มคุ้นเคย ก็จะง่ายขึ้นกว่าเดิมมากมายครับ

แต่สำหรับบางคนที่ไม่เคยไปถึงเป้าหมาย สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ เขาไม่ได้ยึดถือเป้าหมายและความสำเร็จนั้นอย่างจริงจัง เป็นเพียงแค่เป้าหมายที่ตั้งขึ้นมาหลอกตัวเองไปในแต่ละปี เพราะถ้าเราไม่ยึดเป้าหมายให้มั่น สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ เรามักจะมีข้ออ้างที่ฟังดูดี เพื่อจะหลอกตัวเองว่า นี่คือเหตุผลที่เราไปไม่ถึงเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็น

• “นี่ถ้าเงินเดือนมากขึ้นกว่านี้อีกสักหน่อย ก็คงจะทำได้แล้ว”


• “แค่เพียงเรามีนายที่ดีกว่านี้ งานก็คงสำเร็จได้


• “นี่ถ้าเราจบปริญญาโท ความสำเร็จก็คงง่ายขึ้น”


• “นี่ก็เพราะเธอเอาขนมมาล่อ ฉันก็เลยลดความอ้วนไม่ได้สักที!!”


• “นี่ก็เพราะพวกนายชวนเราเที่ยว ปีนี้เกรดก็เลยไม่ดีเลย”


• “ถ้าฝนไม่ตก รถไม่ติด เราก็คงไม่ต้อง....”


• “ปีนี้มันปีชง เราก็เลยทำอะไรไม่สำเร็จ”


• ฯลฯ

อ่านข้ออ้างข้างต้นแล้วรู้สึกอย่างไรบ้างครับ เรามักจะกล่าวโทษบุคคล หรือ สิ่งอื่นๆ รอบตัวว่าเป็นตัวการที่ทำให้เราไม่สำเร็จตามเป้าหมาย แต่หารู้ไม่ว่า ตัวการหลักเลยก็คือ ตัวเราเองนี่แหละที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ทั้งนี้ก็เป็นเพราะเราไม่เห็นความสำคัญของเป้าหมายที่เราตั้งไว้เองตั้งแต่ต้นนี่แหละครับ

ดังนั้นถ้าใครต้องการประสบความสำเร็จ ไม่ต้องไปหาวิธีการอะไรที่มันยากเลยครับ แค่เพียงกำหนดเป้าหมายที่เราต้องการให้ชัดเจน จากนั้นก็ยึดมั่นในเป้าหมายนั้น ให้ความสำคัญกับมัน แล้วก็เริ่มลงมือทำครับ อย่ามัวแต่รอฤกษ์ หรือรอเวลา หรือคิดว่านี่ยังแค่เดือนมกราคมเอง ยังอีกนานกว่าจะหมดปี หรือหาข้ออ้างต่างๆ นานา เพื่อจะเลื่อนมันออกไป เพราะถ้ามีการผลัดวันประกันพรุ่งครั้งแรก ก็จะมีครั้งที่สองตามมา และจากนั้นก็จะไม่มีทางสำเร็จได้ เพราะเราจะมีข้ออ้างที่ดูดี มีเหตุผล มาทำให้เรารู้สึกดีที่ไม่ต้องทำมัน

พอรู้ตัวอีกทีเวลาของชีวิตเราก็ค่อยๆ หมดไปซะแล้ว คราวนี้ก็ต้องมาบ่นว่า “รู้งี้ทำซะตั้งแต่แรกก็ดี”