คนเรานี่แปลกนะครับ อยากให้คนอื่นเปลี่ยนโน่นเปลี่ยนนี่ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของเราส่วนตัวเราเองนั้นกลับไม่ค่อยอยากเปลี่ยนแปลงอะไร อยากอยู่ อยากทำ อยากใช้ชีวิตในแบบเดิมๆ มากกว่า ที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองให้มันลำบาก คนอื่นเองก็อยากให้เราเปลี่ยนแปลง เราเองก็อยากให้คนอื่นเปลี่ยนแปลง แต่คนเราปกติไม่ค่อยอยากเปลี่ยนแปลง สุดท้ายก็เลยไม่มีใครเปลี่ยนแปลงอะไร

โดยปกติแล้วถ้าเราอยากให้อะไรๆ ในชีวิตเราดีขึ้น สิ่งที่เราต้องทำก็คือ การเปลี่ยนแปลงตนเองไปในทางที่ดีขึ้นนั่นเองครับ จะให้คนอื่นเปลี่ยน เพื่อทำให้ชีวิตเราดีขึ้นคงจะยากหน่อยนะครับ

อยากให้คนอื่นดีกับเรา แปลว่าเราก็ต้องดีกับเขาก่อน อยากให้คนอื่นเข้าใจเรา เราก็ต้องเข้าใจคนอื่นก่อน อยากให้คนอื่นพูดดีกับเรา เราก็ต้องพูดดีกับคนอื่นก่อน ฯลฯ อะไรก็แล้วแต่ที่เราอยากให้เกิดขึ้นในชีวิตเรา ตัวเรานั่นแหละที่จะต้องเป็นคนทำ เป็นคนสร้างมันขึ้นมาก่อน เปลี่ยนแปลงก่อน แล้วสิ่งที่ดีๆ ก็จะเกิดขึ้นกับเรา

ผมอ่านเจอนิทานเรื่องหนึ่งที่คล้ายกับสิ่งที่ผมเขียนมาลองอ่านดูนะครับ

มีเศรษฐีคนหนึ่ง ป่วยเรื้อรังมานานมาก พยายามหาหมอรักษา ก็ไม่หายสักที พอดีรู้ข่าวว่า จะมีหมอเทวดาเดินทางผ่านหมู่บ้านของตนเอง ก็เลยดีใจ และให้ลูกน้องไปดักหมอเทวดาคนนี้ไว้ เพื่อจะได้พามาทำการรักษาอาการไม่สบายนี้ พอหมอมาถึงที่บ้านของเศรษฐี ก็เริ่มตรวจและวินิจฉัยจากอาการของโรคที่เศรษฐีเป็น พร้อมกับหัวเราะและบอกกับเศรษฐีว่า

“โรคนี้รักษาไม่ยากเลย ขอแค่อยู่กับสภาพแวดล้อมที่เป็นสีแดงสักระยะหนึ่ง ก็จะทำให้โรคนี้หายขาดได้”

พอหมอเทวดากลับไปแล้ว เศรษฐีก็รู้สึกดีใจมากที่ทราบว่าวิธีการทำให้โรคนี้หายขาดได้นั้นไม่ยากเลย ก็เลยสั่งให้ลูกน้องของตนเอง ทาสีบ้านใหม่ให้เป็นสีแดง และสั่งให้ลูกน้องทุกคนสวมใส่เสื้อผ้าสีแดงตลอดเวลา เวลาจะออกไปไหนก็ต้องสั่งให้ลูกน้องไปเปลี่ยนสีของสิ่งของทุกอย่างให้เป็นสีแดง หนักเข้า ก็เริ่มสั่งให้คนในหมู่บ้านทุกคนทาสีบ้านใหม่ให้เป็นสีแดง และแต่งกายสีแดงกันทั้งหมู่บ้าน เพื่อหวังว่า สักวันหนึ่งโรคที่เป็นอยู่จะได้หายขาด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ชาวบ้านเริ่มไม่ชอบ และมีปากเสียงกันกับเศรษฐีตลอดเวลา แทนที่โรคจะหายกลับกลายเป็นว่าหนักขึ้นไปอีก

อย่มาวันหนึ่งหมอเทวดาก็เดินทางกลับมาที่หมู่บ้านนี้ เศรษฐีก็ให้ไปเชิญหมอเข้ามาหา ลูกน้องก็พยายามจะให้หมอเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เป็นสีแดงก่อนที่จะเข้าพบเศรษฐี หมอเทวดาก็งงว่าทำไมต้องทำแบบนั้น เศรษฐีก็ตอบว่า

“นี่ผมทำตามที่หมอสั่งไว้ไงครับ ที่ให้อยู่กับสภาพแวดล้อมที่เป็นสีแดงทั้งหมด”

พอหมอทราบข้อเท็จจริงดังนั้น ก็รู้สึกสังเวชเศรษฐีคนนึ้ขึ้นมาทันที พร้อมกับตอบว่า

“ในการที่อยู่กับสภาพแวดล้อมสีแดงนั้นมีวิธีที่ง่ายกว่านี้มาก ก็แค่เพียงท่านไปซื้อแว่นตาที่มีเลนส์สีแดงมาใส่ไว้ ทุกอย่างก็เป็นสีแดงไปหมดแล้ว ไม่เห็นต้องทำถึงขนาดนี้เลย”

อ่านจบแล้วรู้สึกอย่างไรบ้างกับนิทานเรื่องนี้ครับ หลายท่านอาจจะเคยอ่านกันมาบ้างแล้ว ประเด็นก็คือ คนเราส่วนใหญ่เป็นแบบเศรษฐีคนนี้ ก็คือ พยายามให้คนอื่นเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ตนเองได้ในสิ่งที่ต้องการ โดยที่ไม่สนใจเลยว่าคนอื่นจะรู้สึกอย่างไร แต่จริงๆ แล้วแค่เปลี่ยนแปลงจากตัวเราเอง เปลี่ยนมุมมองของเราเอง เปลี่ยนทัศนคติของเราเอง เปลี่ยนพฤติกรรมของเราเอง ฯลฯ แล้วเราจะได้ในสิ่งที่เราต้องการอย่างแน่นอน มากกว่าที่ไปคาดหวังให้คนอื่นเปลี่ยนแปลงมาหาเรา เพราะถ้าเราทำแบบนั้น เราจะเกิดความคาดหวัง และจะรู้สึกผิดหวังว่าทำไมคนอื่นถึงไม่ยอมเปลี่ยน ยิ่งทำให้เราเครียดมากขึ้นไปอีกครับ

ถ้าเราอยากให้สิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับเรา เราก็ต้องเริ่มต้นทำ เริ่มต้นเปลี่ยนแปลงที่ตัวเราเองก่อนเลยครับ อย่าลืมว่า ชีวิตเป็นของเราครับ เปลี่ยนตัวเองง่ายกว่าเปลี่ยนคนอื่นนะครับ ถ้าเปลี่ยนตัวเองยังไม่ได้ ก็คงยากที่จะไปเปลี่ยนคนอื่นแน่นอน