เพิ่งผ่านเทศกาลสงกรานต์ไป ซึ่งถือว่าเป็นเทศกาลปีใหม่ของไทยเรา หลายท่านก็คงได้กลับบ้านบ้าง เที่ยวบ้าง ทำบุญบ้าง หรืออาจจะอยู่บ้านเฉยๆ เพราะไม่อยากออกไปไหนในช่วงนี้ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามผมเชื่อว่าช่วงหยุดที่ผ่านมานั้น คงจะเป็นช่วงที่ทุกท่านได้พักผ่อนและได้ชาร์ตแบตของตนเองเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับหน้าที่การงานที่จะต้องทำต่อไปในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้

เมื่อดูจากระยะเวลาแล้วนี่ก็ผ่านไป 1 ไตรมาสพอดีถ้านับจากเดือนมกราคมที่ผ่านมา ผมเชื่อว่าท่านผู้อ่านหลายคนจะมีการตั้งเป้าหมายที่จะทำไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายในหน้าที่การงาน หรือเป้าหมายในชีวิตส่วนตัว และได้มีการกำหนดแผนการเพื่อไปสู่เป้าหมายนั้นอยู่บ้าง ไม่ว่าเป้าหมายและแผนงานนั้นคืออะไรก็ตาม นี่ก็ผ่านมาแล้ว 3 เดือน ลองตรวจสอบดูว่า 3 เดือนที่ผ่านไปนั้น เราได้เดินไปสู่เป้าหมายสักแค่ไหน เราได้ทำตามแผนงานที่เรากำหนดไว้สักแค่ไหน หรือเรายังคงใช้ชีวิตแบบเดิมๆ ที่เคยผ่านมา ยังไม่ได้เริ่มต้นอะไรเลย

สิ่งที่ผมอยากจะย้ำก็คือ ความสำเร็จที่เราอยากได้นั้น มันไม่ได้มาง่ายๆ ยิ่งเราอยากประสบความสำเร็จสูงสักเท่าไร เราก็ยิ่งต้องมีการเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตของเรามากขึ้นเท่านั้น คงจะเป็นไปไม่ได้ถ้าเรายังคงใช้ชีวิตแบบเดิมๆ แล้วคาดหวังว่าสักวันหนึ่งเราจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน การเงิน และครอบครัว จริงมั้ยครับ

ผมจึงอยากให้ท่านผู้อ่านทุกท่านที่ได้เคยตั้งเป้าหมายในปีนี้ มาลองตรวจสอบความคืบหน้าของความสำเร็จกันสักหน่อยว่า เป้าหมายที่เราตั้งไว้นั้น ผ่านไปแล้ว 3 เดือน เราคืบหน้าไปสักแค่ไหน มีปัญหาอะไรที่ทำให้เราไม่คืบหน้าบ้าง หรือในทางตรงกันข้าม ถ้าเราทำได้ดีกว่าเป้าหมายที่เราตั้งไว้ เราก็ควรจะให้รางวัลแก่ตนเองบ้าง เพื่อจะได้เป็นแรงจูงใจในการก้าวเดินต่อไปสู่เป้าหมายที่เรากำหนดไว้ครับ

ปัจจัยที่จะทำให้เราไปสู่เป้าหมายที่เราต้องการได้นั้น มีอยู่ไม่กี่อย่างหรอกครับ ผมเห็นบางคนพยายามค้นหาหลักการ ทฤษฎีต่างๆ หาหนังสือที่จะทำให้เรารวย ทำให้เราประสบความสำเร็จมาอ่าน แต่การค้นหา หรือการอ่านหนังสืออย่างเดียวนั้นไม่พอหรอกครับ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ การเริ่มลงมือทำ ทำวันละนิดหน่อยก็ได้ แต่ขอให้เริ่มลงมือทำ มิฉะนั้น เป้าหมายที่เราตั้งไว้ ก็เป็นเพียงความฝันที่ไม่มีทางทำให้เป็นความจริงได้เลย

หลักการที่จะทำให้เราไปสู่เป้าหมายที่เราต้องการนั้นก็มีดังนี้ครับ

• กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน ว่าสิ่งที่เราต้องการบรรลุคืออะไรบ้าง ความชัดเจนในที่นี้ก็คือ เราสามารถเห็นภาพสิ่งที่เราต้องการได้อย่างชัดเจนมากๆ

• วางแผนในเชิงปฏิบัติ โดยกำหนดให้เป็นขั้นเป็นตอนว่าจะต้องเริ่มต้นด้วยอะไร ต่อด้วยอะไรบ้าง เพื่อให้เราไปสู่เป้าหมายนั้นๆ ได้

• ลงมือปฏิบัติ อันนี้สำคัญมากครับ ถ้าไม่อยาก Plan แล้วนิ่ง ก็ต้องลงมือปฏิบัติครับ ผมเชื่อว่าเรื่องการลงมือปฏิบัตินี้เป็นเรื่องที่ยากที่สุด เพราะถ้าเรายังคงเคยชินกับการใช้ชีวิตแบบเดิมๆ มันจะมีแรงต้านมากมายที่เราจะใช้เป็นข้ออ้างในการไม่เริ่มลงมือทำ ดังนั้นสิ่งที่สามารถช่วยได้ก็คือ กัดฟันแล้วลงมือทำมันซะ อาจจะเริ่มจากเล็กๆ ก่อนก็ได้ เช่นใช้เวลาสัก 5-10 นาทีในวันแรกๆ แล้วค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นในแต่ละวัน ขออย่างเดียวก็คือ ให้ได้ลงมือทำตามแผนที่เรากำหนด

• อึดเข้าไว้ แปลว่าต้องอย่าล้มเลิกกลางคัน อย่าให้ความสบายหรือความเคยชินส่วนตัวกลับมาเป็นเจ้าชีวิตของเรา นั่นก็คือ เราต้องมีความอดทน ที่จะรักษาความเสมอต้นเสมอปลายของกิจกรรมตามแผนงานที่เราวางไว้นั่นเอง บางคนทำได้แค่เพียง 1 เดือนก็เลิก แบบนี้แสดงว่าไม่อึดพอ วิธีการที่จะทำให้เราอึดต่อไปก็คือ การนึกถึงภาพเป้าหมายอันสวยงามของเราไว้ให้ชัดเจน เพื่อให้เรามีแรงจูงใจที่จะทำมันต่อไป

ถ้าเราสามารถอึดและอดทนทำได้ ไม่นานมันก็จะเริ่มเป็นนิสัยใหม่ของเรา แล้วเราก็จะไม่รู้สึกฝืนๆ กับกิจกรรมใหม่ๆ นั้นอีกต่อไปครับ ท่านผู้อ่านละครับ เป็นอย่างไรกันบ้าง กับเป้าหมายที่เราตั้งไว้เมื่อตอนต้นปีครับ นี่ก็ผ่านไป 3 เดือนแล้ว เรากำลังอยู่ในขั้นตอนไหนครับ เป้าหมายยังคงเป็นเป้าหมาย หรือมีแผนแล้วแต่ยังไม่ลงมือทำ หรือลงมือทำแล้วแต่กำลังจะเลิก หรือตอนนี้กลายเป็นนิสัยใหม่แล้ว ก็ต้องลองพิจารณาผลงานของตัวท่านเองอย่างเป็นกลางแล้วล่ะครับ

เมื่อเห็นแล้วว่าเป็นอย่างไร ก็ให้เริ่มต้นใหม่กันครับ เพิ่งจะผ่านไปแค่ 3 เดือนเองครับ อีกนานกว่าจะหมดปี (มองโลกในแง่ดีไว้ก่อน) ถ้าเราเริ่มต้นได้ตั้งแต่วันนี้ เป้าหมายก็ยังคงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมครับ

เอาใจช่วยครับ