HR Management and Self Leadership
<<
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
20 กันยายน 2553

น้ำใจไมตรี หายไปไหน

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสขับรถเดินทางไปทำงานยังสถานที่ต่างๆ ในกรุงเทพ และยังได้มีโอกาสเดินทางโดยอาศัยรถไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดิน ผมเองก็ได้สังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นหลายๆ อย่างในเมืองหลวงของเราที่ชื่อว่ากรุงเทพมหานคร และเกิดขึ้นกับตัวเองโดยตรง ซึ่งทำให้ผมรู้สึกว่า จิตสำนึกของคนกรุงเทพเรื่องของน้ำใจไมตรีมันเริ่มเหือดหายกันไปเรื่อยๆ ผมก็เลยอดไม่ได้ที่จะนำมาเขียนเล่าให้อ่านกัน เผื่อว่าจะใช้บล๊อกนี้เป็นช่องทางในการเพิ่มความเอื้ออารีต่อสังคมที่เรา อยู่กันด้วยนะครับ

* เรื่องแรกนี้เป็นเรื่องของการขึ้นรถไฟฟ้า ซึ่งช่วงเวลาที่คนเยอะๆ นั้น ก็จะมีการเข้าแถวกัน เพื่อรอขึ้นรถไฟ ในขณะที่รถไฟเข้าเทียบชานชลา จนกระทั่งประตูเปิดออกให้คนที่อยู่ในรถไฟออกมา คนข้างในยังไม่ทันออก คนที่รออยู่ด้านนอก ก็ดันเข้าไปทันที ผมเอง ก็งงๆ ว่า แล้วจะเข้าออกกันได้อย่างไร ถ้าคนข้างในยังออกกันไม่หมด นอกจากนี้ ยังมีคนประเภทเห็นแก่ตัวแบบสุดๆ ที่จู่ๆ ก็วิ่งเข้ามาโดยไม่ได้เข้าคิว เพื่อเข้าสู่ตัวรถก่อนคนที่เข้าคิวกันมายาวนาน โดยที่ไม่สนใจ หรือไม่แคร์สายตาของคนอื่นเลย คนแบบนี้จะเรียกว่าอะไรดี

* เรื่องที่สอง ระหว่างที่ผมเดินข้ามถนนตรงทางม้าลาย ผมก็เดินของผมไปตามปกติ เพราะนี่คือทางม้าลายสำหรับให้คนเดินข้ามถนน จู่ๆ ก็มีรถยนต์คันหนึ่งขับมาด้วยความรวดเร็ว พร้อมกับบีบแตร และยิงไฟสูงเพื่อเร่งให้ผมและกลุ่มคนเดินข้ามถนนเดินให้เร็วขึ้น ผมถามท่านผู้อ่านหน่อยว่า คนเดินข้ามถนนนี้ผิดมากเลยใช่หรือไม่ ที่ไปเดินขวางทางรถยนต์ ประเทศที่เขามีมารยาทในการใช้รถใช้ถนนนั้น เขาจะให้เกียรติคนเดินถนนก่อนรถยนต์ เวลาพบคนที่กำลังจะข้ามทางม้าลาย ก็จะหยุดให้ข้าม โดยไม่ลังเลเลย และจะรอจนคนเดินข้ามถนนผ่านไปอย่างปลอดภัยก่อน จึงจะออกรถ แต่บ้านเรานี่ บีบแตรไล่คนข้ามถนนทั้งๆ ที่เขาข้ามกันตรงทางม้าลาย บ้านเรานี่คนข้ามถนนต้องให้รถไปก่อน แต่บางประเทศเขาจะให้คนไปก่อน รถไปทีหลังเพราะรถยังไงก็ไปเร็วกว่าอยู่แล้ว จะช้าอีกสักหน่อยจะเป็นไรไป คนที่ขับรถแบบนี้จะเรียกว่าอะไรดีครับ

* เรื่องที่สาม ขณะที่รถยนต์เคลื่อนที่มาจากสองทาง และจะเข้ามาสู่ทางร่วมเดียวกันนั้น ถ้าเป็นต่างประเทศที่มีมารยาทในการขับรถ เขาจะรู้กันเองเลยว่า จะต้องไปแบบสลับกันทางละคัน ซ้ายคันนึง ขวาคันนึง สลับกันไปเรื่อยๆ ซึ่งถ้าเราทำได้แบบนี้จริงๆ ตามทางร่วมต่างๆ จะลดปัญหาการจราจรติดขัดได้อย่างดีเลยทีเดียว เพราะมันจะไหลตามกันไปเรื่อยๆ แต่บ้านเราหรอครับ ต้องขับจี้ตูดคันหน้าให้ใกล้ที่สุดเพื่อไม่ให้อีกทางหนึ่งแทรกเข้ามา ต่างคนต่างคิดแบบนี้ ก็เลยไม่มีใครยอมให้กันเลย สุดท้ายไม่ทางใดทางหนึ่งก็จะติดอยู่นาน จนกระทั่งต้องมีบางคันยอมเสี่ยงโผล่ออกไปเพื่อจะได้ไป ผมคิดว่าเรื่องนี้สำคัญมากนะครับ สำหรับมารยาทในการขับรถของคนไทย ซึ่งขาดเรื่องนี้อย่างมากมายเลยครับ

จากตัวอย่างในสามเรื่องที่เล่ามานั้น มันทำให้ผมรู้สึกว่าน้ำจิตน้ำใจของคนไทยนั้นหายไปไหนกันหมด เราเริ่มมองตัวเองมากกว่าคนอื่น แค่มีคนมองหน้า ก็แปลว่าเขาหาเรื่องซะแล้ว ทั้งๆ ที่เขาอาจจะชื่นชมเราอยู่ก็เป็นได้ เหตุการณ์ในปัจจุบัน ข่าวคราว ฆ่ากันตายกันอย่างง่ายดาย เพียงแค่การมองหน้ากัน และการเข้าใจผิดกันเริ่มมีมากขึ้น ประเทศไทยที่เป็นเมืองแห่งคนที่มีน้ำใจ เป็นเมืองแห่งรอยยิ้ม เป็นเมืองแห่งความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ คนเหล่านี้หายไปไหนกันหมด

ผมคิดว่าเราอาจจะต้องปลูกฝังความคิดที่เป็นระบบระเบียบ และความมีวินัยให้กับคนไทยให้มากขึ้นกว่านี้ โดยเน้นให้มองประโยชน์ของส่วนรวมมาก่อน มากกว่าแค่มองประโยชน์ส่วนตน ฟังดูจะเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว ก็ได้แต่หวังว่าวันหนึ่งเราจะทำได้

วันนี้ขออนุญาตระบายความในใจสักวันนะครับ ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ และหวังว่าท่านผู้อ่านทุกคนจะช่วยกันทำให้ประเทศไทยของเราเป็นเมืองแห่ง น้ำใจไมตรี ช่วยกันวันละนิด วันละหน่อย แม้จะเป็นกลุ่มคนเพียงกลุ่มเล็กๆ แต่ผมเชื่อว่า กลุ่มคนเล็กๆ นี้ถ้าพร้อมใจกันกระจายน้ำใจไมตรี และส่งต่อสิ่งที่ดีๆ ให้กับคนอื่นไปเรื่อยๆ ไม่นานก็อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นก็ได้นะครับ

ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับน้ำใจไมตรีครับ


Create Date : 20 กันยายน 2553
Last Update : 20 กันยายน 2553 7:32:12 น. 0 comments
Counter : 717 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

singhip
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




ประคัลภ์ ปัณฑพลังกูร
ที่ปรึกษาทางด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล
และการพัฒนาภาวะผู้นำ

วางระบบการบริหารค่าจ้างเงินเดือน ระบบบริหารผลงาน และระบบการบริหารงานทรัพยากรบุคคลให้กับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน
[Add singhip's blog to your web]