HR Management and Self Leadership
<<
มีนาคม 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
8 มีนาคม 2555

The Best Company to work for 2012


ในที่สุดผลการสำรวจบริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดของนิตยสาร Fortune ก็ออกมาอีกปีแล้วนะครับปีนี้บริษัทที่ได้อันดับหนึ่งของบริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดก็คือ Google ครับ หลังจากที่ตกไปอยู่ในอันดับที่ 4 เมื่อปีที่แล้ว ปีนี้ก็กลับมาทวงแชมป์คืนได้อีกครั้ง


ลองมาดูบริษัทที่ติด 5 อันดับแรกกันว่ามีอะไรบ้างนะครับ



ถ้าใครอยากทราบว่าบริษัทใดทำธุรกิจอะไร ก็ลอง search ดูได้นะครับ สิ่งที่ผมอยากจะสรุปให้อ่านกันก็คือ ทำไมเขาถึงติด 5 อันดับแรกมากกว่า ถ้าใครพิจารณาผลของปีที่แล้วจะเห็นว่า 5 อันดับแรกนั้น เป็นบริษัทเดียวกันกับปีนี้ เพียงแต่ตัวอันดับที่มีการเปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น


สิ่งที่ทำให้องค์กรเหล่านี้ถูกโหวตว่าเป็นบริษัทที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดไม่ใช่มาจากเรื่องของค่าจ้างค่าตอบแทนเลย แต่มาจากสิ่งที่เราเรียกว่า Work-Life Balance นั่นเองครับ ก็คือ บริษัทเหล่านี้ทำให้พนักงานรู้สึกว่าทำงานแล้วไม่เหมือนเป็นแรงงานทาส และทำงานแล้วรู้สึกว่าไม่เหมือนกับมาทำงาน แต่ให้ความรู้สึกว่า มาทำงานเหมือนมาอยู่บ้านหลังที่สอง ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พร้อมที่จะส่งเสริมให้พนักงานทุ่มเทความคิดและพลังงานของตนเอง ให้กับงานอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องไปกังวัลเรื่องของชีวิตส่วนตัวเลย


มีเหล่าครอบครัวของพนักงานของ Google หลายคนได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ถ้าไม่ได้มาสัมผัสด้วยตัวเองก็ไม่เชื่อเหมือนกันว่า บริษัทนี้จะทำให้ชีวิตการทำงานของพนักงานและครอบครัว และชีวิตส่วนตัว สามารถมีความสมดุลกันได้อย่างดี เขาไม่เคยที่จะต้องกังวลเรื่องเวลาทำงาน เรื่องลูก เรื่องอาหารการกิน ฯลฯ เลย เขาทำงานด้วยความสุข และสนุกสนาน ไปทำงานเหมือนกับไปเที่ยวหยุดพักผ่อน เพราะสถานที่ทำงานมีทุกสิ่งที่อย่างพร้อมที่จะให้พนักงานรู้สึกว่าไม่เหมือนมาทำงาน


ซึ่งผลก็คือ พนักงานเกิดความรู้สึกผูกพันต่อองค์กร และเมื่อพนักงานเกิดความรู้สึกผูกพันต่อองค์กรแล้ว งานวิจัยเขาพิสูจน์มาแล้วว่า ผลงานขององค์กรจะดีขึ้นอยู่ตลอด เพราะพนักงานจะทุ่มเทแรงกายและแรงใจให้กับการทำงาน และต่อองค์กรด้วย


ไม่ใช่เพียงแค่ Google เท่านั้นนะครับ ถ้าลองเข้าไปดูรายละเอียดของแต่ละบริษัทที่ติด 5 อันดับแรกที่น่าทำงานด้วยมากที่สุดนั้น จะพบว่าเขาเน้นไปที่เรื่องของการสร้างความสมดุลให้กับชีวิตส่วนตัวกับชีวิตการทำงานอย่างมากเลยทีเดียวครับ


พนักงานแต่ละคนจะมีสิทธิในการเลือกที่จะมีวิธีการทำงานของตนเอง เลือกสวัสดิการที่เหมาะสมกับตนเอง เลือกใช้ชีวิตการทำงานตามแบบที่ตนถนัด โดยที่ไม่ขัดกับนโยบาย และแนวทางในการบริหารงานของบริษัท บริษัทเองก็พยายามที่จะจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้กับพนักงานตามแนวทางและความเชื่อของบริษัทตนเอง พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ การทำงานมีความยืดหยุ่นมากขึ้นกว่าในอดีตที่ผ่านมาที่ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามระเบียบของบริษัท จะต้องเข้างาน ออกงานตามเวลาเป๊ะๆ จะทำอะไรก็ต้องขออนุญาต ทำงานคือทำงาน จะเล่นบ้างอะไรบ้างก็มีผลต่อผลงานทันที


การบริหารงานแบบเก่านี้ ผมคิดว่าคงจะเริ่มใช้ไม่ได้แล้วในยุคปัจจุบันต่อเนื่องไปในอนาคต เพราะโลกเปลี่ยนแปลงไปแล้ว สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ ความยืดหยุ่นในการทำงานมากขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อทำให้พนักงานรู้สึกผูกพัน และอยากทำงานกับบริษัท อยากสร้างผลงานให้กับบริษัทนั่นเองครับ


ถ้าพนักงานรู้สึกเหมือนอยู่ในกรง และรู้สึกว่าทำงานแล้วไม่เกิดความสบายใจ เดี๋ยวนี้คนรุ่นใหม่เขาไม่ค่อยทนทำงานกันแล้วครับ เขาก็จะไปหาบริษัทที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจ เรื่องงาน กับเรื่องส่วนตัว สามารถสร้างความสมดุลได้ แค่นี้เขาก็รู้สึกอยากและยินดีที่จะทำงานให้กับองค์กรอย่างเต็มที่แล้วครับ






Free TextEditor




 

Create Date : 08 มีนาคม 2555
0 comments
Last Update : 8 มีนาคม 2555 6:21:37 น.
Counter : 1444 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


singhip
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




ประคัลภ์ ปัณฑพลังกูร
ที่ปรึกษาทางด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล
และการพัฒนาภาวะผู้นำ

วางระบบการบริหารค่าจ้างเงินเดือน ระบบบริหารผลงาน และระบบการบริหารงานทรัพยากรบุคคลให้กับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน
[Add singhip's blog to your web]