ในที่สุดก็เข้าสู่ปี 2555 แล้วนะครับ ปีนี้น่าจะเป็นปีที่นายจ้างบ่นกันมากที่สุดเนื่องจากการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ 300 บาท หรือในจังหวัดอื่นๆ ก็มีการปรับขึ้นโดยเฉลี่ยที่ประมาณ 40% กันเลยทีเดียว จากเหตุผลดังกล่าวก็เลยทำให้หลายๆ องค์กรมีการวางแผนการบริหารทรัพยากรบุคคลกันใหม่ อย่างรัดกุมกันเลยทีเดียวครับ เพื่อจะได้เกิดประสิทธิภาพ และประสิทธิผลสูงสุด หรือพูดง่ายๆ ก็คือ เกิดผลตอบแทนจากการลงทุนทางด้านทรัพยากรบุคคลให้มากที่สุด

ในหลายๆ องค์กรก็เลยมีการวางแผนการบริหารทรัพยากรบุคคลในปีนี้ โดยเน้นไปที่การบริหารคนเก่งมากขึ้น การพัฒนาพนักงานให้มีทักษะและความรู้ความสามารถมากขึ้น หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ องค์กรจะเน้นการสร้างผลงานทางธุรกิจให้เกิดขึ้นให้มากที่สุด โดยอาศัยทรัพยากรบุคคลที่มีอยู่อย่างคุ้มค่ามากขึ้น แทนที่จะใช้แบบขอไปทีอย่างที่เคยผ่านมา

แผนงานด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลที่น่าจะเกิดขึ้นในปีนี้ก็มีดังนี้ครับ

• การวางแผนกำลังคน ในปีนี้แนวโน้มของการวางแผนกำลังคนจะเป็นไปในลักษณะการใช้คนเดิมที่มีอยู่ โดยสร้าง Productivity ต่อคนให้ได้มากขึ้นกว่าเดิมเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ดังนั้นการรับคนใหม่อาจจะมีไม่มากนักในบางธุรกิจ เนื่องจากต้นทุนค่าจ้างที่สูงขึ้น ทำให้นายจ้างต้องเพิ่มความรัดกุมในการว่าจ้างพนักงานให้มากขึ้นกว่าเดิม

• การสรรหาและคัดเลือก สำหรับบริษัทที่จำเป็นต้องรับพนักงานเข้ามาร่วมงานใหม่ การสรรหาคัดเลือกพนักงานใหม่ก็จะมีความเข้มข้นมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา ก็คือจะต้องได้คนที่เก่งและเหมาะสมมากที่สุดสำหรับบริษัท นายจ้างก็มักจะคิดว่า เมื่อค่าจ้างเพิ่มสูงขึ้น ก็จะต้องเฟ้นหาคนที่สามารถสร้างผลงานให้กับองค์กรได้มากขึ้นกว่าเดิม

• การพัฒนาและฝึกอบรม จากปัญหาอุทกภัยในช่วงปลายปีที่แล้ว ซึ่งทำให้หลายๆ องค์กรต้องมีการฟื้นฟูองค์กรกันขนาดใหญ่ องค์กรส่วนใหญ่ก็จะลดงบประมาณทางด้านการพัฒนาบุคคลออกไป โดยให้เหลือสำหรับการพัฒนาที่สำคัญๆ มากกว่าที่จะหว่านให้กับพนักงานทุกคน สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ หัวหน้างานที่มีทักษะและมีความสามารถจะต้องรับบทบาทในการสร้างพนักงานให้มีฝีมือมากขึ้น การ Coaching จะมีบทบาทมากขึ้นในการสร้างพนักงานใหม่ๆ แต่อย่างไรก็ดี เรื่องของการพัฒนาพนักงานนั้น อยากให้นายจ้างมองว่า นี่คือการลงทุน ซึ่งผลตอบแทนจากการลงทุนนี้อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นทันที แต่เป็นการลงทุนในระยะยาว ถ้าพนักงานของเราทำงานโดยไม่ได้รับการพัฒนาอะไรเลย สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ผลงานก็จะไม่ดีขึ้น ทักษะการทำงานก็คงเดิม แต่องค์กรกลับคาดหวังให้พนักงานสร้างผลงานให้ดีขึ้น โดยที่ไม่ได้พัฒนาพนักงานให้เกิดทักษะหรือมุมมองใหม่ๆ แบบนี้คงเป็นไปได้ยากหน่อย

• การบริหารผลงาน ในปีนี้เรื่องของการบริหารผลงานน่าจะเป็นเรื่องที่หลายๆ องค์กรจะเริ่มเอาจริงเอาจังมากขึ้น เพราะจะต้องสร้างผลงานทางธุรกิจให้เห็นเด่นชัด การบริหารงานจะยากขึ้น และมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น องค์กรจะต้องหาวิธีการเพื่อที่จะสร้างความอยู่รอดให้ได้ ดังนั้น สิ่งที่องค์กรจะต้องคาดหวังจากพนักงานก็คือ ผลงานของพนักงานที่ดีขึ้น เนื่องจากเป้าหมายของธุรกิจที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ก็ต้องอาศัยพนักงานที่มีฝีมือเพื่อสร้างผลงานให้กับบริษัท ผู้บริหารระดับสูงจะเริ่มมองเห็นความสำคัญของการบริหารผลงานมากขึ้น เรื่องของเป้าหมายองค์กร จะถูกถ่ายทอดลงสู่พนักงานในทุกระดับ และองค์กรก็จะคาดหวังผลงานจากพนักงานทุกคนมากขึ้นกว่าเดิม

• การบริหารค่าตอบแทน เนื่องจากองค์กรเริ่มคาดหวังผลงานจากพนักงานมากขึ้น และอยากได้คนเก่งเข้ามาร่วมงานกับบริษัทมากขึ้น ดังนั้นการบริหารค่าตอบแทนก็ต้องตอบโจทย์นี้ให้ได้ด้วยเช่นกัน สิ่งที่องค์กรจะต้องดำเนินการก็คือ การจัดทำและปรับปรุงโครงสร้างเงินเดือนใหม่ ให้สอดคล้องกับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย และเพื่อให้สามารถดึงดูดและรักษาคนเก่งให้ได้ด้วย มิฉะนั้นแล้ว การที่เราลงทุนสรรหาและคัดเลือกคนเก่งเข้ามา ลงทุนในการพัฒนาคนเก่งให้เก่งยิ่งขึ้น และพยายามบริหารผลงานพนักงานให้ได้ตามเป้าหมายนั้น ก็จะไม่ได้ผลอะไรเลย เพราะสุดท้ายแล้วพนักงานเองย่อมต้องมองถึงผลตอบแทนที่องค์กรจะให้เป็นการแลกเปลี่ยนในการสร้างผลงานที่ดีให้กับองค์กรด้วย

• การบริหารความก้าวหน้าของพนักงาน เมื่อองค์กรมีการว่าจ้างและบริหารคนเก่งขึ้นมาแล้ว สิ่งที่องค์กรจะต้องดำเนินการต่อก็คือ การสร้างระบบความก้าวหน้าทางสายอาชีพให้กับพนักงานในองค์กร เพื่อให้พนักงานที่เป็นคนเก่งขององค์กร ได้รู้ว่าถ้าตนทำงานที่นี่ไปเรื่อยๆ แล้วจะสามารถเติบโตได้ไปถึงไหนกันบ้าง เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจที่ดีให้กับพนักงานที่เป็นคนเก่งขององค์กรอีกทางหนึ่งด้วย นอกจากนั้นแล้วสิ่งที่องค์กรจะต้องวางแผนต่อจากการบริหารความก้าวหน้าของพนักงานก็คือ การพัฒนา และหาตัวตายตัวแทนพนักงานที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนผู้บริหาร เรื่องนี้เป็นเรื่องที่จะต้องพัฒนากันในระยะยาวๆ ไม่ใช่พอรู้ตัวว่าผู้บริหารจะเกษียณปีนี้แล้ว ค่อยมาพัฒนาตัวตายตัวแทน แบบนี้ทำอย่างไรก็ไม่ทันครับ ดังนั้นถ้าเรามีคนเก่งอยู่ในองค์กรแล้ว เราพัฒนาเขาตามสายอาชีพแล้ว ถ้าคนๆนั้นเข้าตา เราก็จะต้องสร้างเขาให้เป็นตัวตัวตัวแทนของผู้บริหารในองค์กรด้วย เพื่อไม่ให้เกิดสูญญากาศ หรือการขาดช่วงของคนในองค์กรด้วยครับ

ทั้งหมดที่เขียนมา ผมคิดว่าน่าจะเป็นแนวโน้มในการบริหารทรัพยากรบุคคลในปีนี้ องค์กรน่าจะเริ่มที่จะให้ความสำคัญกับการสร้างผลงานของพนักงานมากกว่าปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ก็จากสาเหตุหลักที่มาจากการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่ก้าวกระโดดมากไปกว่า การเพิ่มขึ้นของยอดขาย หรือกำไรขององค์กรหลายเท่าเลยครับ

องค์กรก็จะเริ่มใช้ทรัพยากรบุคคลอย่างคุ้มค่า แต่ก็อย่าใช้เพลินจนลืมพัฒนาและบริหารเขาด้วยนะครับ มิฉะนั้นแล้วเขาจะไม่อยู่ให้เราใช้ต่อไปแน่นอนครับ