ลูกน้องของท่านมองเห็นภาพผลงานแบบเดียวกับท่านหรือไม่
ว่ากันด้วยหน้าที่และความรับผิดชอบของคนที่เป็นผู้จัดการนั้น โดยปกติทั่วไป เราก็จะได้รับการสอนสั่งกันมาว่า ผู้จัดการที่ดี จะต้องมีการวางแผนงานที่ดี สั่งการได้ชัดเจน จากนั้นก็มีการควบคุมงานให้เกิดผล ตรวจสอบผลลัพท์ที่ได้มา พร้อมทั้งวางแผนใหม่ ก็จะเข้าวงจรแบบนี้ไปเรื่อยๆ
โดยทั่วไปคนที่เป็นผู้จัดการจะต้องสร้างผลงานโดย ทำงานผ่านลูกน้องตนเองอยู่แล้ว ดังนั้น ก็เลยต้องมีการประเมินผลงานลูกน้องของตนเองว่าทำงานออกมาดี หรือไม่ดี พอมาว่ากันเรื่องการประเมินผลงาน ผู้จัดการหลายคน ก็จะเริ่มมองเห็นข้อจำกัดมากมาย หัวหน้ามองอย่างหนึ่ง ลูกน้องมองอย่างหนึ่ง และบางครั้งมองกันไปแบบว่าคนละเรื่องเลยก็มี
ผมเคยถามเหล่าบรรดาผู้จัดการใน workshop เรื่องของการบริหารผลงานว่า
ท่านคิดว่า ลูกน้องของท่านมองเห็นผลงานที่ตนเองจะต้องทำ ในแบบเดียวกับที่ท่านคาดหวังให้เขาทำหรือไม่?
เชื่อหรือไม่ครับว่า 90% ตอบว่า เขาเชื่อว่า เขาและลูกน้องมองเห็นภาพผลงานเดียวกันแน่นอน ผมก็เลยให้เขาเขียนใส่กระดาษ โดยนึกถึงลูกน้องคนใดคนหนึ่งก่อน โดยดูว่าเขาทำงานอะไร มีหน้าที่และความรับผิดชอบอะไรบ้าง จากนั้นก็ให้เขียนสิ่งที่ตนเองคาดหวังในผลงานของพนักงานคนนี้ว่ามีอะไรบ้าง จากนั้นก็เก็บกระดาษแผ่นนี้ไว้ก่อน
แล้วก็ให้ผู้จัดการไปเรียกพนักงานคนนั้นมา แล้วผมก็สอบถามโดยที่ผู้จัดการไม่อยู่ด้วยนะครับ ว่า เขาคิดว่า เขาต้องทำผลงานอะไร และคิดว่านายคาดหวังผลงานอะไรจากงานของเรา ก็ให้เขาเขียนในกระดาษอีกเช่นกัน
จากนั้นผมก็คืนกระดาษทั้ง 2 แผ่นที่ลูกน้อง และผู้จัดการได้เขียนไว้ แล้วให้ผู้จัดการลองพิจารณาดูว่า เราและลูกน้องของเรามองภาพผลงานแบบเดียวกันหรือไม่ อยากให้ท่านผู้อ่านลองทายเล่นๆ ในใจนะครับว่า มีสักกี่ % ที่มองตรงกันจริงๆ
คำตอบก็คือ มีเพียง 40% กว่าๆ เท่านั้นที่ลูกน้องและหัวหน้ามองภาพผลงานในลักษณะเดียวกันจริงๆ นอกนั้นมองกันไปคนละทางเลยครับ หัวหน้าคาดหวังให้เขาทำแบบนี้ แต่ตัวพนักงานเองกลับมองไปอีกแบบหนึ่ง บางคนมองกันไปคนละทางเลยจริงๆ นะครับ
ลองคิดดูสิครับ มากกว่าครึ่งหนึ่งของคนที่เป็นผู้จัดการและลูกน้องของตนเอง มองภาพผลงานที่คาดหวังแตกต่างกัน แล้วองค์กรจะบรรลุเป้าหมายได้จริงๆ หรือ
กรณีศึกษาข้างต้นบอกอะไรท่านผู้อ่านได้บ้างครับ
- สิ่งแรกก็คือ ผลงานของเราในฐานะผู้จัดการจะไม่บรรลุเป้าหมายได้เลย ถ้าลูกน้องมองไปคนละทางกับเรา ยิ่งไปกว่านั้น เราเองล่ะครับ มองไปทางเดียวกับหัวหน้าเราหรือเปล่า หรือไปกันคนละทางอีกเช่นกัน ถ้าเป็นแบบนี้เราจะมีปัญหาในการบริหารงาน
- สิ่งที่สองก็คือ จะเกิดปัญหาในการติดตาม และควบคุมการทำงานระหว่างผู้จัดการกับลูกน้อง เพราะมองภาพที่แตกต่างกัน แต่ยังเข้าใจว่ามองภาพเดียวกัน แบบนี้คุยกันทีไรก็ไม่มีทางลงตัวได้แน่นอนครับ เพราะผมเชื่อว่า ต่างคนก็ต่างคิดกันไปเองว่าเข้าใจแล้ว ผลสุดท้ายก็คือ ผลงานไม่เป็นที่พอใจของผู้จัดการทั้งๆ ที่พนักงานก็ทุ่มเททำงานแทบตาย
- สิ่งที่สามก็คือ ปัญหาในการประเมินผลงานก็จะตามมาทันทีครับ เพราะความคาดหวังในผลงานที่มองแตกต่างกันนี้ จะทำให้ปัญหาระหว่างผู้จัดการกับลูกน้องในช่วงประเมินผลงานนั้นมีปัญหามากขึ้น เพราะมองแตกต่างกัน ลูกพี่ก็บอกว่าผลงานไม่เข้าเป้าเลย แบบนี้ประเมินให้ดีไม่ได้หรอก เอาไปแค่พอใช้ก็พอ แต่ลูกน้องมองว่า เขาทุ่มเททุกอย่าง ทำตามที่นายสั่งทุกเรื่อง แต่ทำไมผลงานกลับออกมาแค่พอใช้ น่าจะดีมาก มากกว่า
ดังนั้นไม่ว่าท่านจะเป็นผู้จัดการในระดับไหนก็ตาม ในการที่จะให้ลูกน้องทำงานให้เราได้ตามเป้าหมาย และตามความคาดหวังที่เราต้องการนั้น สิ่งที่ผู้จัดการจะต้องทำให้ได้อย่างชัดเจนก็คือ การบอกถึงความคาดหวังในผลงานที่เราต้องการให้พนักงานรับทราบอย่างชัดเจนมากๆ ใช้คำพูดที่เจาะจงกันไปเลยว่าอยากให้ทำอะไรบ้าง หรืออยากให้สร้างผลงานอะไรบ้าง อะไรที่เรียกว่าดี และอะไรที่เรียกว่าไม่ดี ฯลฯ
ถ้าทำได้จริง ลูกพี่กับลูกน้องจะมองภาพเดียวกันในเรื่องของผลงาน แล้วการบริหารจัดการ ติดตาม ควบคุม หรือแม้แต่การพัฒนาผลงานพนักงานก็จะง่ายขึ้นครับ เพราะเราและลูกน้องของเราคุยกันในเรื่องเดียวกันครับ
ลองไปใช้ดูก็ได้นะครับ ลองให้ลูกน้องของเราเขียนใส่กระดาษมาให้เราอ่านดูว่า เขาคิดว่าผลงานที่จะต้องทำให้เรานั้นมีอะไรบ้าง แล้วลองเทียบกับสิ่งที่เราคาดหวังจากเขาดูนะครับว่า มันตรงกัน หรือ แตกต่างกันสักแค่ไหน จากนั้นก็แก้ไขปรับจูนให้ตรงกันนะครับ ลูกน้องจะได้สร้างผลงานให้เราแบบ ได้ดั่งใจครับ
Create Date : 20 กรกฎาคม 2554 |
Last Update : 20 กรกฎาคม 2554 5:47:47 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1325 Pageviews. |
|
|
|
|
| |