HR Management and Self Leadership
<<
กรกฏาคม 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
7 กรกฏาคม 2554

องค์การแห่งการเรียนรู้ กับผู้รู้(ไปซะทุกอย่าง)

มีหลายองค์กรที่พยายามที่จะสร้างองค์กรของตนเองให้เป็นองค์กรแห่งการ
เรียนรู้ มีการสร้างระบบการเรียนรู้ใหม่ๆ ที่ดี เพื่อให้ความรู้ต่างๆ
ที่มีอยู่ในองค์กรนั้น กระจายไปสู่พนักงานทุกคน
ทั้งนี้ก็เพื่อให้พนักงานสามารถที่จะใช้ความรู้ดังกล่าวไปใช้ในการสร้างผล
งานของตนให้ดีขึ้นอยู่เสมอ


แต่ประเด็นในเรื่ององค์กรแห่งการเรียนรู้กลับมามีปัญหาขาดตอน ขาดช่วง
และไม่มีการสานต่อในเรื่องของความรู้ต่างๆ สิ่งที่ผมได้พบมาก็คือ
องค์กรที่สร้างระบบการเรียนรู้ภายในนั้น จะต้องมี 2 ฝ่าย ก็คือ
ฝ่ายที่ให้ความรู้ และฝ่ายที่รับเอาความรู้ไปใช้


ฝ่ายที่ให้ความรู้นั้น
องค์กรที่เน้นการเรียนรู้อย่างจริงๆ จังๆ จะมีการสรุปและแชร์ความรู้ต่างๆ
ที่เป็นความรู้ที่สำคัญขององค์กร โดยนำเอาความรู้เหล่านี้ เข้าระบบ
e-learning ต่างๆ รวมทั้งมีการวางระบบแลกเปลี่ยนความรู้ต่างๆ
เพื่อที่พนักงานคนไหนที่อยากรู้เรื่องอะไร
ก็จะมีแหล่งความรู้เหล่านี้พร้อมที่จะให้พนักงานคนนั้นได้เรียนรู้กันจริงๆ
เพื่อนำความรู้นั้นไปใช้ในการปฏิบัติงานและสร้างผลงานที่ดีขึ้น


ในปัจจุบันมีหลายคนในองค์กรที่พยายามที่จะให้ความรู้
เท่าที่ผมได้พบกับลูกค้าหลายๆ บริษัทมานั้น
ปัจจุบันบรรดาผู้จัดการทั้งหลายต่างก็ยินดีที่จะสรุปองค์ความรู้ต่างๆ
ที่เขามีโดยไม่หวงวิชาแต่อย่างใดครับ
ทั้งนี้เพื่อนำองค์ความรู้เหล่านั้นมาถ่ายทอดต่อไปยังพนักงานรุ่นต่อๆ ไป
เพื่อไม่ให้ความรู้ขององค์กรขาดหายไป


ด้วยเหตุนี้เององค์กรที่สร้างระบบการเรียนรู้ที่ดีนั้น
จะมีองค์กรความรู้มากมาย ที่สรุปออกมาจากเหล่าบรรดาผู้รู้ในองค์กร
และเป็นแหล่งความรู้ที่มีคุณค่าต่อพนักงานมากมายทีเดียว


แต่ปัญหากลับเกิดขึ้นกับอีกฝ่ายหนึ่ง ก็คือ ฝ่ายผู้รับเอาความรู้ไปใช้ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ผู้ที่จะต้องรับเอาความรู้ไปใช้นั้นกลับมีทัศนคติที่เรียกว่า “ฉันรู้แล้ว” ดังนั้นก็เลยไม่มีใครสนใจที่จะนำเอาความรู้ที่ผู้ให้มานั้นไปใช้เลยแม้แต่เพียงนิดเดียว


ตัวอย่างเช่น พนักงานบางคน มีความเชี่ยวชาญในการทำงานหนึ่งๆ อย่างมาก
และความรู้นั้นก็เป็นความรู้ที่ต้องนำมาถ่ายทอดต่อไปให้กับพนักงานคนอื่นๆ
ความรู้เหล่านั้นก็ถูกสรุปและใส่เข้าไปในระบบการเรียนรู้ของบริษัท
แต่เชื่อมั้ยครับว่า แทบจะไม่มีใครเข้าไปเปิดอ่าน
และศึกษาความรู้เหล่านั้นเลย ด้วยเหตุผลว่า “ฉันรู้หมดแล้ว”
หรืออีกมุมหนึ่งก็คือ คนในด้วยกันเองไม่ค่อยน่าเชื่อถือเท่าไร
ก็เลยไม่มีใครไปสนใจความรู้เหล่านั้นเลย มันน่าเสียดายมากๆ เลยนะครับ


คนที่มีทัศนคติที่บอกกับตัวเองอย่างเดียวว่า “ฉันรู้แล้ว”
จะทำให้เขาเองเกิดความไม่รู้มากขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะในปัจจุบันความรู้ใหม่ๆ
มีมากขึ้น มีการแตกยอดออกไปมากมาย ดังนั้นคนที่มีทัศนคติที่เชื่อว่า
ตนรู้แล้ว ก็จะวนเวียนอยู่กับความรู้แบบเดิมๆ ซึ่งก็แปลว่า
ไม่ได้รู้มากขึ้นเลย


ทิฐิของคนเราที่ทำให้คนเราปิดตัวเองจากการเรียนรู้ภายในองค์กรก็มีดังนี้ครับ



  • ฉันทำมาเยอะแล้ว คนอื่นทำน้อยกว่า จะมารู้มากกว่าได้อย่างไร

  • ฉันเป็นรุ่นพี่ เรียนจบมาก่อน วัยวุฒิก็มากกว่า ทำไมต้องมาเรียนรู้กับรุ่นน้อง หรือรุ่นลูก

  • นายคนนี้มันไม่ได้เรื่อง ทำไมฉันต้องไปเรียนรู้จากคนแบบนี้ด้วย

  • ฉันเรียนรู้มาหมดแล้ว ทำไมต้องเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมอีก แค่นี้ก็พอแล้ว


ถ้าคนในองค์กรของท่านมีทัศนคติแบบนี้มากเกินกว่าครึ่งหนึ่งขององค์กร
ผลที่จะเกิดขึ้นก็คือในองค์กรจะมีแต่ผู้รู้เต็มไปหมด
แล้วจะไม่มีใครที่อยากจะเรียนรู้จากใครเลย
เพราะมัวแต่คิดว่าตนเองรู้แล้วนั่นเองครับ
สิ่งที่เราต้องทำก็คือเปิดใจให้กว้างเพื่อรับความรู้ หรือมุมมองใหม่ๆ
จากคนอื่นบ้าง เราอาจจะเปลี่ยนคนอื่นไม่ได้
แต่เราเปลี่ยนตัวเราเองได้นะครับ เปลี่ยนตัวเองให้เปิดใจกว้าง
ยอมรับความรู้แม้จะเป็นความรู้เดิมๆ ที่เราเคยรู้มาแล้ว
แต่ถ้าเราเปิดใจกว้าง เราอาจจะเห็นมุมมองใหม่ๆ
ที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนในความรู้เก่าๆ นั้นก็ได้นะครับ






Free TextEditor


Create Date : 07 กรกฎาคม 2554
Last Update : 7 กรกฎาคม 2554 7:07:45 น. 0 comments
Counter : 1329 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

singhip
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




ประคัลภ์ ปัณฑพลังกูร
ที่ปรึกษาทางด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล
และการพัฒนาภาวะผู้นำ

วางระบบการบริหารค่าจ้างเงินเดือน ระบบบริหารผลงาน และระบบการบริหารงานทรัพยากรบุคคลให้กับองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน
[Add singhip's blog to your web]