Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2556
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
23 ธันวาคม 2556
 
All Blogs
 
ร้านหนังสือในข้าวสาร ... ตอน This time for german

สวัสดีครับคุณผู้อ่านที่รักทุกท่าน ด้วยความยินดีที่มีชีวิตอยู่ กินได้ นอนหลับ ยังครบ 32 และสามารถมาเขียนบล็อกเล่าเรื่องราวเรื่อยเปื่อยจากร้านหนังสือเล็กๆในถนนข้าวสารให้ฟังกันได้อีกครั้ง ท่ามกลางไฮซีซันที่ลูกค้าไม่มากนัก เรียกว่าเป็นความพลิกผันอันสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองในบ้านเรา ซึ่งทำให้มีผลกระทบอย่างเห็นได้ชัด ... ก็เห็นรัฐบาลประกาศยุบสภาแล้ว ส่วนม็อบก็ยังคงเดินทางต่อไป ยังเป้าหมายที่ตั้งไว้ ไม่ว่าจะไปยังไงต่อและตอนจบจะเป็นยังไง ก็คงต้องตามดู ตามฟังกันต่อไป ... ส่วนหนึ่งที่มองด้วยความยินดีคือ คนไทยเรา "ดูเหมือน" จะเรียนรู้ที่จะค่อยๆวิวัฒน์ โดยพยายามจำกัดความรุนแรงชนิดเลือดตกยางออกให้น้อยลงๆ ก็หวังว่าคงจะไม่ต้องมีคนเสียชีวิตกับเรื่องอย่างนี้อีกต่อๆไป

ช่วงนี้มีแต่ข่าวการเมืองเสียเป็นส่วนใหญ่ที่จองพื้นที่เต็มหน้าหนังสือพิมพ์ แตกต่างจากทุกๆปี ที่จะเตรียมตัวสนุกสนานกับเทศกาลคริสต์มาสและวันปีใหม่ ซึ่งหน้าหนังสือพิมพ์ก็มักจะรวบรวม-จัดอันดับ 10 ข่าวดัง ต่างๆ อาทิเช่น ข่าวอาชญากรรมทั่วโลก ภัยธรรมชาติร้ายแรงต่างๆ ข่าวน่ายินดี ข่าวแปลก สุดยอดนักกีฬาแห่งปี รวมไปถึงสยามเมืองยิ้มบ้านเราที่จัดอันดับ หนังทำเงินมากสุด ละครดังแห่งปี ดาวรุ่งดวงใหม่แห่งวงการมายา สาวเซ็กซี่ ตลอดรวมไปจนถึง ฉายาประจำปีของนักการเมือง เพื่อให้เราได้จิกกัดกันบ้าง ด้วยอารมณ์แตกต่างกัน บางฉายาอาจจะทำให้นักการเมืองผู้เป็นเจ้าของอมยิ้มแบบขำๆพอไหว แต่บางฉายาก็อาจจะทำให้ยิ้มกันไม่ออกตลอดช่วงปีใหม่ไปเลยทีเดียว

ปรากฏการณ์รถติดเป็นระยะจากม็อบที่มาเรื่อยๆในแต่ละวัน และการเป่านกหวีดเรียกชุมนุมใหญ่ เรียกว่าค่ำๆ แดดร่มลมตก รถก็จะเริ่มติดกันแล้ว เสาร์ก่อนนี้ผมแวะไปตัดผมที่ร้านขาประจำด้วยความแปลกใจ เพราะปกติมาเวลานี้จะต้องรอคิวลูกค้าอย่างน้อย 1 คนแต่เสาร์นี้แปลกเพราะร้านว่าง ช่างทำอะไรกุกกักอยู่ตรงอ่างสระผม พอเห็นก็เรียกไปสระผมได้เลย ถามได้ความว่าลูกค้าน้อย เพราะลูกค้า 70% เป็นคนนอกพื้นที่ ซึ่งพอมาเจอรถติดก็ไม่มา บางคนบอกว่าเย็นๆแถวนี้ไปไหนไม่ได้แล้ว เพราะหัวค่ำจะมีคนมาจอดรถที่พื้นที่แถวนี้เพื่อมาม็อบ ก็จะทำให้เวลาเข้าบ้านช้าออกไปประมาณ 1-2 ชั่วโมง ... แต่พูดก็พูดเถอะ นี่ม็อบอยู่มาเดือนกว่าแล้ว การประเมินสถานการณ์รถติดที่เปลี่ยนไปวันต่อวัน ก็คงทำให้คนขับรถเริ่มคุ้นเคยกับเส้นทางมากขึ้น พอจะหลบเลี่ยงรถติดกันได้บ้าง ผมเองบางวันตอนเช้าเคยลองขับรถวนไปจะขึ้นสะพานพระปิ่นเกล้าทางถนนราชดำเนินจากสี่แยกคอกวัว ผลปรากฏว่าต้องกลับรถแทบไม่ทันเพราะถนนเปิดให้ตรงผ่านไปทาง 3 แพร่งเท่านั้น เลี้ยวขวาผ่านหน้าธนาคารออมสินไม่ได้ หรือบางวันตอนค่ำกลับมาเจอรถจอดเป็นแถวริมทางทั้ง 2 ข้างของถนนลอยฟ้าบรมราชชนนี แถมไฟท้ายยาวตั้งแต่หน้าห้างพาต้าลงไปถึงสะพานพระปิ่นเกล้า เลยต้องหักพวงมาลัยไปลงทางสะพานพระราม 8 แทน เป็นการฝึกหัดตัดสินใจกรณีฉุกเฉินได้อย่างสนุกสนาน

ร้านหนังสือยังคงเปิดอยู่ครับ รับลูกค้านักท่องเที่ยวที่มีมาไม่มากนักแต่ยังคงจำเป็นต้องใช้ไกด์บุ๊คกันอยู่ ซึ่งมีทั้งหนังสือใหม่และหนังสือมือสองภาษาอังกฤษ ส่วนใหญ่ก็เป็นโลนลีแพลนเน็ต โดยมีราฟท์ไกด์ อินไซด์ไกด์ ดีเค แซมมาบ้าง ส่วนภาษาเยอรมันก็จะมี สเตฟาน โรเซ กับ ดูมองท์ เข้ามาเสริม ขณะที่ภาษาฝรั่งเศสจะเป็น รุทตาร์ท กับ เปติต ฟุต ซึ่งลูกค้าก็จะสามารถเอามาแลกคืนได้ครึ่งราคาสำหรับหนังสือที่ซื้อจากร้านไปใช้ ไม่รวมกับแผนที่ท่องเที่ยวประเทศต่างๆ และเฟรสบุ๊คสำหรับหัดพูดภาษา ใช้สำหรับสื่อสารในการท่องเที่ยวเดินทางได้ดีพอสมควร

บ่ายวันนั้นผมนั่งดูโปสการ์ดสวยๆ ที่ลูกค้าฝากส่งไปเยอรมัน 10 กว่าฉบับรวมกับจดหมายอีก 1 ซองที่คละกันมาฝากส่งที่ร้าน เห็นสวยดี เลยเอามาแชร์ให้ดูกันครับ



จดหมายกับโปสการ์ด 10 กว่าฉบับที่ลูกค้ามาฝากส่งที่ร้าน หลังจากที่ได้คุยกันอยู่พักใหญ่



โปสการ์ดสวยๆจาก เปเปอร์สตอรี ไปเยอรมัน ... เด็กน้อยหน้าดำ แต่ฟันขาวสะอาดแต้มยิ้มเต็มปาก



โปสการ์ดสวยๆจาก "Pinit Srimuangkao" / บ้านแมกไม้

พูดถึงเฟรสบุ๊คแล้วก็ทำให้นึกถึงเฟรสบุ๊คภาษาเยอรมัน-ไทยเล่มรองสุดท้ายที่มีในสต็อคขึ้นมาได้ ลูกค้านักท่องเที่ยวชาวเยอรมันรุ่นลุงคนหนึ่งเข้ามาซื้อไปก่อนจะฝากส่งโปสการ์ดปึกนั้น ลุงบอกว่าตามหามาหลายร้านแล้ว เพิ่งเจอ ดีใจมากที่หาซื้อได้เพราะอยากพูดไทยให้ได้สำเนียงชัดๆ ในความเป็นจริง ผมฟังดูแล้วก็ต้องบอกว่าพูดไทยได้ในเกณฑ์ดีทีเดียว

"How can you practice our Thai language?" ... คุณไปหัดพูดภาษาไทยมาจากไหนน่ะ ... ผมถามยิ้มๆ

"In German." ... ผมหัดที่เยอรมันน่ะ ... ลุงตอบตาเป็นประกายอย่างมั่นใจ

"Really?, In class or language school?" ... จริงเรอะ ในชั้นเรียนหรือไง หรือในโรงเรียนสอนภาษา ... ผมเลิกคิ้วถามต่ออย่างสนุก 

"No, not in school. I study from the teacher for a year. We have one Thai lady there. She teaches us in the evening once a week. During dinner, she makes food and teaches us how to speak. I like Thai food also, ... a .. rai .. na ... kaeng .. khiaw .. whan ... chaimai" ... ไม่อ่ะ ไม่ใช่ในโรงเรียน แต่เป็นครูน่ะ นานเป็นปีเลยนะ เรามีครูเป็นผู้หญิงไทยคนนึงที่นั่น หล่อนมาสอนสัปดาห์ละครั้งตอนเย็นวันสุดสัปดาห์ ระหว่างทานมื้อค่ำ เธอทำอาหารไทยให้พวกเราทานกันด้วย แล้วก็สอนพูดภาษาไทย ผมชอบอาหารไทยด้วย .... อะไรนะ ... แกงเขียวหวาน ... ใช่ไหม ... ลุงเล่ายาว เท้าความย้อนหลังถึงที่มาที่ไป

"Well done, good tone & practice." ... เยี่ยมเลย สำเนียงดีใช้ได้ ... ผมหัวเราะก๊าก ก่อนปรบมือให้

"Do you know why I want to speak with the correct tone? So I need this phrasebook?" ... แล้วคุณรู้ไหมว่าทำไมผมถึงอยากออกเสียงสูงต่ำให้ถูกต้อง ทำไมผมถึงต้องตามหาเฟรสบุ๊คเล่มนี้ ... ลุงยิ้มพร้อมหัวเราะแปร่งๆ

"Why?" ... ทำไมล่ะ ... ผมถาม อยากรู้เหมือนกัน

"This is first time for me here in Thailand. After my good preparing before trip. I have guide book and everything, but 2-3 days ago I had some trouble. Once at Hualampong train station, I asked one lady with office dress ... "Where is exit door from MRT?" ... But she didn't understand my asking. She looks confused and walked away without any answer. After then I walked just only 10 meters from her back and find exit." ... ผมมาเที่ยวเมืองไทยครั้งนี้เป็นครั้งแรก หลังจากเตรียมตัวนานพอสมควร ทั้งไกด์บุ๊คและอื่นๆ แต่สองสามวันก่อนผมรู้สึกว่าผมมีปัญหาแล้ว ครั้งหนึ่งที่สถานีรถไฟหัวลำโพง ผมได้ถามหญิงสาวคนหนึ่งที่ผ่านมาในชุดทำงานออฟฟิศว่า ... ทางออกจากรถไฟใต้ดินไปทางไหนน่ะ ... แต่ดูเธอไม่เข้าใจที่ผมถามเลย เธอมองผมอย่าง งงๆ แล้วก็เดินจากไปโดยไม่ได้ตอบอะไรซักอย่าง หลังจากนั้นพอผมเดินไปทางด้านหลังเธอสัก 10 เมตร ผมก็เจอทางออก ... ลุงส่ายหน้ายิ้มแห้งแล้ง

"Just 1 time only?" ... แค่ครั้งเดียวเองนี่ ผมตอบพร้อมหัวเราะต่ออย่างขำ แต่ในใจบอกว่า "ออฟฟิศไหนวะ ทำขายหน้าประเทศชาติอย่างฮา ..."

"No, one more time in the next day. I asked one lady who walked beside the temple wall. "Wat sa ket" and asked her ... "Can you tell me where is the golden mountain?" ... But she say "I no ... I no" and left me suddenly. I turned back and faced up then I find Golden mountain upon my head. ... I think that I must improve my tone." ... ไม่แค่นั้นน่ะ ผมเจออีกทีในวันรุ่งขึ้น ผมถามผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินผ่านมาข้างๆกำแพงวัดสระเกศ "คุณรู้ไหม ภูเขาทอง ไปทางไหนน่ะ" ... หล่อนได้แต่ตอบ ไอโนๆ แล้วก็รีบเดินหนีไปอย่างเร็วเลย หลังจากนั้นผมก็หันซ้ายหันขวาอยู่พักนึง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปเห็นยอดเจดีย์ภูเขาทองเยื้องๆอยู่บนหัวนี่เอง ... แย่จริงๆ ผมเลยรู้สึกว่าผมคงต้องปรับปรุงสำเนียงการพูด - เสียงสูงต่ำเพิ่มแล้วล่ะ ... ลุงเล่าพลางหัวเราะส่ายหน้า

"OK, I got it. You shall be better with this phrasebook." ... โอเค ผมเข้าใจแล้ว คุณน่าจะพูดได้ดีขึ้นล่ะด้วยเฟรสบุ๊คเล่มนี้ ผมอวยพรให้ลูกค้าโชคดีก่อนที่ลุงเยอรมันจะตอบชัดถ้อยชัดคำว่าขอบคุณครับ

ผมเห็นทัศนคติที่ดีอย่างหนึ่งในลุงคนนี้ ... การสื่อสารที่ผิดพลาดทั้งสองครั้งทำให้แกรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ต้องปรับปรุง และแกมองไปที่การปรับปรุง "ตัวเอง" ก่อนเป็นอันดับแรก โดยไม่ได้โยนความผิดไปยังคนที่ถูกถาม ... ถือว่าเป็นทัศนคติที่ดี น่ายกย่อง ... ทั้งๆที่โดยความสัตย์จริง สำเนียงภาษาอังกฤษของแกที่คุยกันประมาณ 90% ผมก็ฟังว่าชัดดี ไม่ขี้เหร่ ส่วนสำเนียงภาษาไทยผมว่า ก็มาตรฐานคนเยอรมันที่มีเมียเป็นสาวไทยเยอะแยะ อาจจะน้อยไปหน่อย แต่ออกเสียงแกงเขียวหวานได้นี่ก็ ไม่ธรรมดาแล้ว SmileySmileySmiley

อีกอย่างหนึ่งที่ผมรู้สึกแปลกจากข้อเท็จจริงที่เจออยู่ คือพอดีช่วงนี้ลูกค้าชาวรัสเชียนก็พอมีเข้ามาถามหาไกด์บุ๊คบ้าง แผนที่บ้าง แต่เกือบทั้งหมดแทบจะไม่เคยซื้อเฟรสบุ๊ครัสเชียน-ไทยเลย ต่างจากนักท่องเที่ยวชาวเยอรมันหรือฝรั่งเศส ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเหมือนกัน ... คงต้องตามล่าหาความจริงกันดูอีกที

ความจริงอีกอย่างหนึ่งที่เจอมาก็คือ เด็กลูกครึ่งไทย-ต่างชาติหลายคนที่รู้จักบ้าง แม้จะไม่มากนัก เด็กจะพูดได้อย่างน้อย 3 ภาษา เด็กลูกครึ่งไทย-ไต้หวันอยู่ที่นิวซีแลนด์เป็นหลานของเพื่อนบ้าน อายุเพียง 5-6 ขวบ พูดได้แล้วทั้งไทยจากแม่-จีนจากพ่อและอังกฤษจากบ้านเกิด เด็กลูกครึ่งไทย-เยอรมันอยู่เมืองไทย ประมาณ 10 ขวบ พูดได้ทั้ง ไทยจากแม่-เยอรมันจากพ่อและอังกฤษ ภาษาสากล ... ในขณะที่เด็กไทยบ้านเรา ... 555 ... T T ... ได้แต่ยิ้มทั้งน้ำตา


ปิดท้ายกันที่ไกด์บุ๊คสวยๆ 2 เล่มจากเนชันแนลจีโอกราฟิคเวอร์ชันภาษาเยอรมัน ที่ลุงลูกค้าเอามาแลกเป็นหนังสืออ่านของนิโคลาส สปาร์ค ไปเล่มเดียวก่อนออกจากร้านไป ลุงบอกว่าขี้เกียจแบกหนัก เวียตนามนั้นไปมาแล้ว ไม่ใช้แล้ว ส่วนไทยแลนด์ก็พอดีเอาโลนลีแพลนเน็ตมาอีกเล่มนึง เลยสละ 2 เล่มนี้ไปดีกว่า จะได้เบาขึ้น

เอ้อ อาจจะไม่เกี่ยวกันเท่าไหร่ ... แต่ขอฝากไปถึงรัฐมนตรีกระทรวงศึกษานะครับ รัฐบาลไหนก็ได้ ช่วยๆทำงานให้มันดีๆหน่อย คิดถึงอนาคตเด็กๆบ้าง โลกเขาไปไกลถึงไหนแล้ว ... ไม่ใช่เอากรูสบายแต่อย่างเดียว (ถ้าไม่สุภาพ ก็ขออภัย)

ราตรีสวัสดิ์

เจตตจัน
02-2820358
085-8035412
087-0719858่



Create Date : 23 ธันวาคม 2556
Last Update : 23 ธันวาคม 2556 10:13:31 น. 0 comments
Counter : 1451 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jettajan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add jettajan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.