Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2557
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
29 มิถุนายน 2557
 
All Blogs
 
นอกร้านหนังสือ ... ตอน West trip ... ท่องตะวันตก

สวัสดีครับคุณผู้อ่านที่รักทุกท่าน ด้วยความยินดีที่ยังมีชีวิตอยู่ครับ กินได้ นอนหลับ ครบ 32 และยังสามารถเข้ามาเขียนบล็อกเล่าเรื่องราวเรื่อยเปื่อยให้อ่านกันได้อีกสัปดาห์ครับ โดยสัปดาห์นี้ เป็นเรื่องราวนอกร้านหนังสือก็แล้วกันครับ ... สลับกันบ้าง เนื่องจากลูกค้าไม่มากนัก ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกเหนือไปจากลูกค้าหนุ่มอินเดียที่เข้ามาทำเซอร์ไพรซ์ ด้วยการซื้อแผนที่รวดเดียว 3 ฉบับ ทั้งแผนที่จีนแผ่นดินใหญ่ แผนที่นิวซีแลนด์ + ออสเตรเลียและแผนที่ยุโรปทั้งทวีปอีก 1 แผ่น ... ที่บอกว่าเซอร์ไพรซ์นั้น เพราะว่าลูกค้าอินเดียปกติไม่ค่อยมีมาเท่าไหร่ (อันนี้ไม่ได้รวมถึง แขกอินเดียที่มาลงหลักปักฐาน ขายของอยู่พาหุรัด พูดภาษาไทยได้ชนิดน้ำไหลไฟดับ) จากประสพการณ์ที่เคยทำงานคลุกคลีอยู่กับชาวสิงคโปร์ ชาวมาเลย์มาหลายปี ดูเหมือนว่าพวกเขาจะจัดกลุ่มคนอินเดียส่วนใหญ่เป็นประเภทแรงงานไร้ฝีมือ ทำงานแรงงานระดับล่าง ไม่เหมือนชนชาวสิงคโปเรียน ชาวไชนิสมาเลเซียน หรือแม้กระทั่งชาวมาเลย์เอง

ส่วนคนอินเดียส่วนใหญ่ที่เห็นแถวข้าวสาร มักจะเป็นเด็กหนุ่มยืนถือแคตตาล็อกเชียร์ลูกค้าอยู่หน้าร้านตัดสูทซะมากกว่า นอกนั้นก็เป็นพนักงานในเกสเฮาส์อิสราเอลแถวนี้ ซึ่งก็เยอะอยู่ ... นอกจากนี้ก็มีลูกค้าซื้อแผนที่กับมาแลกหนังสืออ่าน 2-3 คน เป็นสวีดิชบ้าง เฟรนช์บ้าง ซึ่งก็จบไปด้วยดี แลกได้ไปทำให้ร้านมีหนังสือใหม่เพิ่มขึ้น

สัปดาห์นี้เลยขอเป็น รีวิวทริปท่องตะวันตก 2 วัน 1 คืนง่ายๆก็แล้วกันครับ กับ สวนไทรโยค-ปราสาทเมืองสิงห์ ... ก็นับเป็นครั้งแรกสำหรับการไปชมปราสาทหิน เพราะปกติจะนิยมชมชอบแต่ทะเลเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นงานประจำปีบริษัท ก็มักจะไม่พ้นพัทยา ชะอำ หัวหิน ระยอง ประมาณนี้ นานๆจะมีเขาใหญ่หลงมาซะทีนึง ส่วนงานของที่บ้านก็ภูเก็ต หัวหิน นานๆจะมีเมืองกาญฯ  มาซะที พอดีปีนี้บริษัทจัดเลี้ยงประจำ (กลาง) ปีที่สวนไทรโยค เห็นปราสาทเมืองสิงห์ใกล้ๆ ก็เลยแวะหน่อย ลองเอาภาพมาให้ดูกันครับ

ก็เริ่มต้นง่ายๆ คือขับรถวิ่งออกจากบางลำพู ขึ้นทางยกระดับบรมราชชนนี ตรงยาวสุดทางก็ลง ผ่านพุทธมณฑล ศาลายา จากนั้นเลี้ยวขวาผ่าเข้ากลางเมืองนครปฐม (ตอนนี้เสียเวลารถติดจากการทำถนนสักครึ่งชั่วโมง) ทะลุออกสู่เมืองกาญฯง่ายๆ 100 กว่ากิโลเมตรก็ไปถึงสะพานข้ามแม่น้ำแคว จากนั้นผมก็ไล่ตามกูเกิลแมพ ไปจนถึงสวนไทรโยค ระหว่างทางเห็นฟาร์มเกษตรของซีพีประปราย พร้อมๆกับแผงขายเมลอนสวยน่ากิน ... ตอนผ่านกลางเมืองนั้น แดดออกร้อนนิดหน่อย แต่พอผ่านสี่แยกแก่งเสี้ยนไปไม่นานก็เริ่มเข้าเขตภูเขา เจอฝนเดือนหกนิดหน่อย คาดว่าถ้ามาล่ากว่านี้สัก 2 เดือน คงจะเจอฝนมากกว่านี้ แม้กระนั้นทิวทัศน์เขียวขจีสองข้างทางก็ช่วยให้บรรยากาศการขับรถน่ารื่นรมย์มากขึ้น

ตอนแรกที่ทราบว่าจะมาเมืองกาญฯนั้น แผนสำรองที่เล็งไว้คือพิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาดหรือไม่ก็วัดป่าหลวงตามหาบัว ที่ดูจะไม่ห่างกันเท่าไหร่ แต่พอขับรถมาจริง พอถึงสวนไทรโยคประมาณบ่ายกว่า เจอกับอากาศร้อนแดดจัด และเห็นสายน้ำแควไหลรินสดชื่น ก็เลยยกเลิกแผนสำรองสำหรับวันนี้ เพราะไม่มีอะไรจะเหมาะไปกว่านอนแช่น้ำเล่นเย็นๆใจอีกแล้ว ไม่ต้องขับรถไปไหนไกลแล้ว สระน้ำของโรงแรมก็เก็บไว้ก่อนละกัน มาถึงลำธารธรรมชาติแล้ว จะปล่อยให้เสียเวลาไปใย ... ว่าแล้วก็เก็บสัมภาระเข้าห้อง คว้าลองกองกับเงาะในถุงติดมือมากันหิว ก่อนจะเดินลัดเลาะลงจากตลิ่ง หาทำเลเหมาะๆนอนแช่น้ำให้หนำใจ กดซะ 3 ชั่วโมง ตัวเหี่ยวกันไปเลย



ทางเข้าผ่าน ทางรถไฟ ก่อนจะไล่ระดับต่ำลงสู่สนามหญ้าริมตลิ่ง ไม้ใหญ่-เล็กให้บรรยากาศสดชื่น



ถัดจากสนามหญ้าลงไปก็เป็นเรือนแพ 3-4 หลังริมตลิ่ง



แพยางกับสไลเดอร์ลอยน้ำที่จัดไว้ให้กระโดดโลดเต้น กลิ้งตกน้ำกันหนุกหนานตามชอบ



สนามหญ้า ลานกว้างทำกิจกรรมยามค่ำ สุดสายตาด้วยโค้งทางรถไฟ ... วิวดี มุมนี้หาไม่ได้ง่ายๆ



ห้องน้ำใหญ่ ใหม่ สะอาดตา สำหรับผู้ร่วมปาร์ตี้ยามค่ำ





ปลาแม่น้ำใต้เรือนแพฝูงใหญ่ ขนาดแต่ละตัวเกือบศอก ลูกทัวร์คนหนึ่งคว้าเบ็ดมาปล่อยตามสัญชาติญาณ แต่พนักงานของทางโรงแรมเข้ามาทักไว้ว่าอย่าเลย เก็บเบ็ดดีกว่า

หลังจากแช่น้ำจนตัวเหี่ยวเกือบ 3 ชั่วโมง พร้อมๆกับนอนดูเพื่อนร่วมงานหลายสิบชีวิตขึ้นแพเป็นแถวยาว และถูกลากทวนกระแสน้ำขึ้นไปประมาณ 2 กิโลเมตร ก่อนจะถูกปล่อยลงน้ำ เสื้อชูชีพอย่างดีของทางโรงแรมช่วยให้แต่ละคนแหวกว่ายกันอย่างสนุก พร้อมๆกับที่ไหลลอยละล่องตามกระแสน้ำกลับมาถึงบริเวณโรงแรม ก่อนจะปีนบันไดขึ้นตลิ่งมากันอย่างสนุกสนาน หลายคนดูเหนื่อย แต่หลายคนก็ไปกระโดดโลดเต้นที่แพยางต่อ รวมทั้งอีกหลายคนที่ต่อคิวไปลง "แพเปียก" นี้เป็นรอบที่สอง ... ผมเองชื่นชอบกับการนอนแช่น้ำเย็นๆมากกว่า เพราะเคยลอยละล่องตามกระแสน้ำแบบนี้มาแล้ว สมัยล่องแก่งหินเพิงที่นครนายก กับออบหลวง-เชียงใหม่ ก็เลยเว้นไว้เสีย

พอแดดร่มลมตก ก็เลยขึ้นจากน้ำ เห็นว่าเหลือเวลาอีกนิดหน่อยก่อนปาร์ตี้มื้อค่ำ ผมก็เลยเดินทอดน่องผ่านคิวคนที่รอต่อแถว "โดดหอ" ไปนับไม้หมอนรางรถไฟผ่าน "ถ้ำกระแซ" พอข้ามไปยังอีกฟากหนึ่งของราง ก็เห็นสถานียืนอยู่อย่างสงบเงียบ พ่อค้าแม่ค้าเก็บของกลับกันหมดแล้วเพราะใกล้ค่ำ



วิวจากบนทางรถไฟ โค้งน้ำด้านล่างสวยพอๆกับความสูงของทาง ที่ทำให้ใจหวิวได้เหมือนกัน



ทางบางช่วง ตัดเลาะไปตามภูเขาหิน เสียงผึ้งและตัวต่อที่ปรากฏอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ทำให้ต้องสอดส่ายสายตาระมัดระวังนิดนึง





โค้งน้ำสวย ณ จุดแวะพักกลางทาง ก่อนถึง "ถ้ำกระแซ"







องค์พระพุทธรูปในถ้ำ สำหรับสักการะ



สถานีรถไฟ ... ที่ไร้ผู้คน

พักใหญ่ที่พักให้เหงื่อแห้งอยู่ฝั่งตรงข้าม ก่อนจะเช็คเวลารอรถไฟรอบสุดท้าย จนกระทั่งเริ่มมืด ก็นึกอยู่ว่าคงจะฟาล์วเสียแล้ว ก่อนออกเดินกลับ ระยะทางประมาณครึ่งกิโลเมตรบนทางรถไฟนั้น ทำให้เจอรถไฟสวนทางมารอบสุดท้ายจนได้ ... เดินมาถึงกลางทาง ก็ได้ยินเสียงหวูดเตือนล่วงหน้า ก่อนที่ม้าเหล็กจะโขยกตามมาช้าๆ พอให้ได้เก็บภาพมาฝากกัน













ข้ามกลับมาก็ได้เวลาเริ่มของงานปาร์ตี้พอดี โต๊ะจีน อาหารไทย บรรยากาศงานวัด เจอละอองฝนให้ขำๆกันนิดหน่อย หลังจากนั้นก็สังสรรค์กันจนถึงประมาณ 5 ทุ่ม เป็นปีหนึ่งที่ได้ยินเพื่อนร่วมบริษัทหลายคนออกปากชื่นชอบ กับดนตรีและงานเลี้ยง

เช้าวันรุ่งขึ้น ผมไม่ได้ไปแวะ "ถ้ำเชลย" ตามโปรแกรม หากแต่แยกตัวออกจากทริป เพื่อแวะ "ปราสาทเมืองสิงห์" ... จากที่เคยจินตนาการไว้เสมอว่า ซากปราสาทโบราณ คงไม่ค่อยมีอะไรให้ดูนัก บวกกับบรรยากาศที่น่าจะร้อนแห้ง ทำให้ไม่เคยขวนขวายคิดอยากจะไปเที่ยวปราสาทเก่ามาก่อน



ทางเข้าอันเงียบสงบ



พิพิธภัณฑ์ปราสาทเมืองสิงห์



สวนหินทางเข้าด้านขวาของพิพิธภัณฑ์







รูปปั้นพระโพธิสัตว์ฯหลายชิ้นเป็นงานจำลอง งานจริงน่าจะอยู่ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ





"Self guiding system - ระบบนำชมแบบพึ่งพาตนเอง" ใกล้ๆกับพิพิธภัณฑ์ เป็นแบบจำลองแสดงจุดต่างๆในอาณาเขตของปราสาท มี "QR Code" ให้แสกนด้วย ... ไฮเทคไม่เบา





ปราสาทเล็กด้านข้าง ขั้นบันไดทางขึ้นนั้นสูงและแคบ วางเท้าไม่ค่อยเต็มฝ่าเท้าเท่าไหร่ ... มีมือดีเอาหินทรายกลมเกลี้ยงมาวางเรียงซ้อนกันเป็นเจดีย์จำลองประปราย น่าตี







หน้าทางเข้าปราสาทหลัก สนามหญ้าเขียวขจี เห็นพนักงานตัดหญ้าทำงานอยู่เงียบๆ













เข้าถึงตัวปราสาท อากาศเย็น สายลมพัดเอื่อย ไม่ร้อนอย่างที่คิด ศิลาทรายเก่าแก่ก่อนเกิด ให้ความรู้สึกเงียบสงบ ขรึมขลังอย่างไม่ตั้งใจ ผมเดินลัดเลาะอยู่ตามซุ้มอุโมงค์ศิลารอบปราสาทหลายรอบ ก่อนจะกลับออกมา บางมุม บางโค้ง เสียงฝีเท้ากลางความเงียบสงัดสะท้อนแผ่วให้ได้ยิน ดีว่าเป็นเวลากลางเที่ยงวัน ฟ้าสว่าง แดดแรง ให้ความอุ่นใจได้ตามสมควร ไม่รู้สึกเปล่าเปลี่ยวนัก ... หากเปลี่ยนเวลามาเป็นโพล้เพล้ ใกล้ค่ำ ... คงคิดหนักว่าจะเข้ามาเยี่ยมชมดีไหม แหะ แหะ








แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นโดดเด่นสะดุดตา คือความเขียวขจีของต้นไม้น้อยใหญ่ อากาศสดชื่น ที่หาไม่ได้ในเมืองหลวง คนที่รักสันโดษ ใฝ่หาความไม่พลุกพล่าน น่าจะชอบ

ระหว่างทาง ต้นไม้ชนิดหนึ่งหลายต้นเรียกสายตาและความสนใจ ลำต้นสูงเหมือนต้นไม้ทั่วไป แต่ผลที่ตกอยู่โคนต้นนี่สิ หน้าตามันละม้ายกับผลไม้ขาประจำโลละ 25 ที่ขายในตลาดแถวบ้าน ต่างกันนิดหน่อยตรงที่เปลือกมันไม่ใช่สีแดง ขนเปลือกยาวกว่า บางลูกรูปทรงบิดเบี้ยว เหมือนกับจะมีแฝดสองหรือสามเมล็ดอยู่ด้านใน

"ต้นอะไรครับเนี่ย ลูกเหมือนเงาะ" ผมถามพนักงานทำความสะอาด ที่ผ่านมาไม่ไกล พร้อมกับชูสิ่งที่อยู่ในมือให้ดู

"คนแถวนี้เขาเรียก เงาะป่าน่ะ" เสียงตอบแถลงความกระจ่างมาให้

"ทานได้ไหมครับ" ผมถามไปยิ้มๆ กะลองเต็มเหนี่ยว

"อย่าดีกว่า ถ้ากินแล้วจะเมานะ เขาว่านะ" เสียงตอบผ่านๆก่อนเดินจากไป

"ขอบคุณครับ" ผมยิ้มก่อนโยนผลไม้ในมือลงไปที่โคนต้น ก่อนเดินจากมา

เสียงสตาร์ทรถกระหึ่ม ก่อนล้อเริ่มหมุน ผมโบกมือลาปราสาทเมืองสิงห์ ก่อนโยกหัวซ้ายขวาๆ เป็นจังหวะตามเสียงเพลง ที่แว่วในโสตประสาทจากทีวีที่เคยได้ยินสมัยก่อน

... เงาะป่า เงาะป่า บ้าใบ้ ... เงาะป่า เงาะป่า บ้าใบ้ ... เจอหน้าใคร ไม่พูดไม่จา ...
... หน้าตาก็อัปลักษณ์ หน้าตาก็อัปลักษณ์ มีคนรักชื่อรจนา ...
... เสี่ยงมาลัย ได้เป็นเนื้อคู่ เพราะเธอรู้ พระสังข์แปลงมา ... SmileySmileySmiley

เจตตจัน
02-2820358
087-0719858
085-8035412
jettajan227@yahoo.com



Create Date : 29 มิถุนายน 2557
Last Update : 29 มิถุนายน 2557 2:50:56 น. 1 comments
Counter : 1438 Pageviews.

 
thx u crab


โดย: Kavanich96 วันที่: 30 มิถุนายน 2557 เวลา:2:57:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jettajan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add jettajan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.