Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2557
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
8 ตุลาคม 2557
 
All Blogs
 
ร้านหนังสือในข้าวสาร ... ตอน End scene

สวัสดีครับคุณผู้อ่านที่รักทุกท่าน ด้วยความยินดีที่ยังมีชีวิตอยู่ กินได้ นอนหลับ ครบ 32 และกำลังจะผ่านหน้าฝนเข้าสู่หน้าหนาวกันอีกปี พร้อมกับที่ปลายเดือนตุลานี้ก็จะได้เจอผีๆกันอีกครั้ง ไม่น่าเชื่อครับว่าเวลาผ่านไปเร็ว เอะอะๆก็ปี เอะอะๆก็ปี ... ปัญหาก็ผ่านไปไวเหมือนโกหกเช่นกัน หากไม่ทันตั้งตัว อาจจะต้องเจ็บปวดกันบ้าง แต่หากเตรียมตัวกันไว้ดี ชีวิตก็คงจะผ่านพ้นปัญหากันแบบชิลล์ๆ

ไม่ใช่อะไรครับ วันก่อนเพิ่งได้รับโทรศัพท์ทางไกลจากเมืองนอกเมืองนา โทรมาทักทายสอบถามกันด้วยความเป็นห่วง ต้นสายคือ "พี่เกียรติ" เพื่อนข้างบ้านรุ่นลุงที่ย้ายไปพร้อมกับป้าเพื่อไปอยู่กับลูกสาวที่นิวซีแลนด์ หลังจากที่ลูกสาวทำงานได้ดิบได้ดีที่นั่น (อ็อคแลนด์) พร้อมกับแต่งกับหนุ่มไต้หวันจนตอนนี้มีลูกสาว-ลูกชาย 2 คนแล้ว ถึงเวลาพักผ่อนเสียที หลังจากอยู่ข้างบ้านกันมาตั้งแต่เด็ก หลังจากที่พี่เกียรติออกมาจากการเป็นครู ก็มาเปิดร้านขายรองเท้าหนังอยู่ข้างบ้าน เป็นเพื่อนกับพ่อตั้งแต่ก่อนผมเกิด ... ตอนนี้ลูกสาวคนเดียวอยู่นิวซีแลนด์ มีหน้าที่การงานดี มีบ้านใหญ่ให้เช่า มีหลาน 2 คนให้เลี้ยง ก็ถึงเวลาที่ตากับยายต้องละทิ้งบ้านเกิดที่เมืองไทยไปพักผ่อนในบั้นปลายกับหลานๆ และอากาศดีๆที่นั่น

จากปลายสาย พี่เกียรติเล่าให้ฟังคร่าวๆถึงชีวิตแต่ละวัน เดินไปส่งหลานไปเรียนใกล้ๆบ้าน เด็กๆไม่ได้เรียนพิเศษเป็นบ้าเป็นหลังแบบเด็กเมืองไทย มีแค่เรียนยูโดเพิ่มให้ออกกำลังบ้างเท่านั้น ส่วนตัวแกเองก็เพลิดเพลินกับทุ่งหญ้าหลังบ้านติดเชิงเขา พื้นที่ขนาดประมาณ 3 เท่าของสนามหลวงที่ไปเดินประจำสมัยอยู่เมืองไทย อากาศก็ประมาณ 20 ดีกรีสบายๆ แถมข้างบ้านมีโรงไม้ มีเศษไม้เหลือทิ้งท่อนใหญ่ให้ได้ใช้ฝีมือช่าง เอามาดัดแปลงทำนั่นนี่ ไม่ว่าจะเป็นรั้วไม้สำหรับสวนครัว หรือกระบะปลูกต้นไม้เล็กๆ เป็นที่สนุกเพลิดเพลิน

ได้คุยกันเกือบสิบนาที ก่อนวางสายไปด้วยความเป็นห่วง แกบอกว่าคุยกับเพื่อนที่เมืองไทยหลายคน เกือบทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ปีนี้ไม่ดี ขายของก็ยาก ของกินของใช้ก็ราคาแพงขึ้น

"เลี้ยงลูก 2 คนสมัยนี้ไม่ง่ายเลย แต่ยังไงก็อย่าลืมเก็บเงินไว้บ้างนะ แก่ตัวไปจะได้ไม่ลำบาก ชีวิตพี่เกียรติมาไกลได้ขนาดนี้ก็พอแล้ว อดทนมาเหนื่อยเหมือนกัน ... แล้วยังไงแวะมาเที่ยวที่นี่บ้างก็ได้ กุ้งเขามีบ้าน มีห้องที่ทำไว้ว่างๆพออยู่"

ผมยิ้มให้กับสปีคเกอร์โทรศัพท์บ้าน ยิ้มให้กับเสียงเตือนจากแดนไกล ก่อนร่ำลา "ใช่เลย พี่เกียรติพูดถูก ตายก่อนเงินหมด ดีกว่าแน่นอน ถ้าเงินหมดก่อนตาย ตอนแก่ๆแล้วก็คงลำบาก ถึงเวลานั้นใครเป็นใคร ใครจะเป็นยังไงก็ไม่รู้ อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ ... ยังไงก็รักษาสุขภาพด้วยนะครับ แล้วเมื่อไหร่สะดวกๆจะแวะไปเที่ยว"

...........................................

ร้านหนังสือยังเปิดอยู่ครับ รับสายลมหนาวที่เริ่มพัดโชยไล่ริ้วฝนโปรยปรายชุ่มฉ่ำ ให้ค่อยๆหายไปกับเดือนตุลาคม อากาศฉ่ำยามเช้า ทำให้ต้องเริ่มใช้เครื่องทำน้ำอุ่นเวลาอาบน้ำ ในขณะที่อากาศเย็นยามค่ำ ก็เริ่มทำให้ไทเมอร์ของแอร์ห้องนอนเริ่มถูกปรับเวลาปิดให้นานมากขึ้น เช่นกันกับเวลาเลิกงานจากบริษัท เย็นย่ำเวลาล้อเริ่มหมุนออกจากประตูรั้ว ก่อนเลาะลัดสู่ถนนสายยาวเหยียดของวงแหวนตะวันตก เมื่อเริ่มย่างสู่หน้าหนาว แสงตะวันจะลับหายไปอย่างรวดเร็ว เพียงระยะไม่ถึงครึ่งของเส้นทางกลับบ้าน แค่เพียง 6 โมงกว่าก็มืดแล้ว ต่างจากเวลาหน้าร้อนที่แสงตะวันจะอ้อยอิ่งอยู่ริมขอบฟ้ายาวนาน แม้บางวันจะปาเข้าเกือบทุ่มครึ่ง และเช้าวันก่อน ... หมอกเริ่มมาเยือนอีกครั้ง

"เรากำลังตามหาหนังสือเรื่องหนึ่งอยู่ มันชื่อ "Eat Pray Love" คุณมีไหม" เสียงใสจากลูกค้าสองสาวถามขึ้น หนึ่งในสองเจ้าของเสียงถาม เป็นหญิงสาวผมดำ สวมกระโปรงยาวพร้อมเครื่องประดับออกติสต์เล็กน้อยพองาม

"มีสิ" ผมยิ้มมุมปาก พร้อมกับมองผ่านเธอไป สายตาโฟกัสไปที่ชั้นหน้าร้านด้านใน จำได้ว่าเหลืออยู่ 2 เล่ม

"จริงอ่ะ อย่าโกหกนะ ฉันรับรองเลยว่าจะซื้อทันทีโดยไม่ไปเดินหาที่ร้านไหนอื่นอีกเลย" เธอตาลุก ทำท่าเหมือนจะกระโดดตัวลอย

"จริงสิ" ผมยิ้มก่อนจะเดินไปหยิบ 1 ใน 2 เล่มที่เหลืออยู่มาให้เธอ หญิงสาวหันไปดีใจกับเพื่อนที่มาด้วยกันพร้อมกับชำระเงินค่าหนังสือตามที่บอกไว้ ก่อนที่ผมจะหยิบโปสการ์ดแถมไปให้เธออีก 2 ใบ เธอกล่าวขอบคุณก่อนเดินตัวลอยออกจากร้านอย่างยินดี เช่นกันกับผมที่ยินดี เพราะสต็อคของ "Eat Pray Love" ที่ซื้อไว้ตอนหนังสือออกใหม่เหลือเล่มสุดท้ายแล้ว มันใช้เวลาเป็นปีเหมือนกัน ในการรอ "คนที่ใช่" มาซื้อไปเป็นเจ้าของ ... จริงๆแล้ว ตอนที่สต็อคเหลืออยู่ 4-5 เล่ม พร้อมๆกับที่ลูกค้าขาดช่วง ผมยังคิดอยู่เลยว่าเราตัดสินใจซื้อมาผิดหรือเปล่า แต่ก็เอาเถอะ จนบัดนี้แล้วก็สายเกินจะมานั่งคิดหาคำตอบ

เช่นกันกับลูกค้าอีก 2 หนุ่มที่เข้าร้านมาซื้อโลนลีแพลนเน็ตเซาท์อีสเอเชียออนชูสตริง เล่มสุดท้ายไปก่อนที่ฉบับใหม่จะออกมาเพียงเดือนเดียว ทั้งคู่แบกเป้หลังเข้ามาถามหาหนังสือ หลังจากลงรถแท็กซี่ ประมาณเพิ่งมาจากสนามบิน ทริป 6 เดือนทั่วเอเชียทำให้ทั้งสองคนจำเป็นต้องหาเพื่อนนำทาง และโลนลีแพลนเน็ตเล่มนั้นดูเหมือนจะเป็นตัวช่วยที่ง่ายที่สุด ประกอบกับข้อเสนอพิเศษของผมที่ทำให้การตัดสินใจของชายหนุ่มง่ายขึ้น

"ผมซื้อคืนครึ่งราคาสำหรับหนังสือของร้าน ตอนจะจบทริป คุณกลับมาที่กรุงเทพหรือเปล่า" ผมชี้แจงเพิ่มเติม

"ใช่ เรากลับมาที่นี่ งั้นผมซื้อเล่มนี้แล้วกัน" ชายหนุ่มตอบตกลงก่อนจะหยิบกระเป่าเงินออกมา ผมพยักหน้า พร้อมกับแกะซองพลาสติกหุ้มหนังสือออก ติดป้ายราคาและประทับตราประจำร้านลงไป เพื่อเป็นสัญญลักษณ์และบอกราคาอ้างอิงสำหรับซื้อคืนภายหลัง

ผมยื่นหนังสือให้พร้อมกับชี้ไปที่กองหนังสือแถม "แถม 1 เล่ม ตามใจคุณ เลือกได้เลย"

ชายหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อย พร้อมกับกวาดสายตาไล่รายชื่อหนังสือดูอยู่อึดใจใหญ่ ก่อนจะหยิบหนังสือของ "ไมเคิล คอนเนลลี" ขึ้นมาถือในมือหนึ่งเล่ม "ผมเอาเล่มนี้ได้ไหม"

ผมพยักหน้า พร้อมกับยื่นถุงหนังสือในมือให้ใส่เพิ่มลงไป

"แล้วอีก 6 เดือนเจอกันใหม่" ชายหนุ่มตอบพร้อมกับโบกมือให้ผมก่อนออกไปพร้อมกับเพื่อนร่วมทาง

ลูกค้าหุ่นอวบเป็นอีกคู่หนึ่งซึ่งเข้ามาในร้าน ขอความช่วยเหลือเรื่องโทรศัพท์ไปออสเตรเลีย หุ่นถังเบียร์ของทั้งคู่ เข้ากันดีกับกระป๋องเบียร์สีเขียวสวยในมือคนละกระป๋องที่ถือมา ผมอธิบายวิธีการโทรออกจากซิมของประเทศไทยไปยังออสเตรเลียให้หนุ่มอวบฟัง ดูเหมือนว่าเขาจะมีปัญหากับบัตรเครดิตและธนาคารในออสเตรเลียปลายทาง ระยะเวลาโทรหลุดอยู่ 2 ครั้ง และรอสายร่วมครึ่งชั่วโมง ไม่ทำให้ชายหนุ่มหงุดหงิดแต่อย่างใด ขณะที่รอสาวเจ้าเนื้อเดินวนไปเวียนมาอยู่ที่ชั้นหนังสืออ่านในร้าน ก่อนจะทยอยหยิบออกมาวางบนโต๊ะตรงหน้าทีละเล่ม เริ่มจาก "Kill the mockingbird" ของฮาร์เปอร์ ลี ตามมาด้วยทริลเลอร์ "Hard case" ของแดน ซิมมอนส์ ก่อนจะปิดท้ายด้วยหนังสือของ จอห์น กริชแฮม อีกหนึ่งเล่ม ... ผมยิ้มอยู่ในใจ พร้อมกับยกแก้วน้ำใกล้มือขึ้นจิบอย่างใจเย็น ภาวนาให้ชายหนุ่มโทรต่ออีกสักครึ่งชั่วโมง หนังสือบนโต๊ะตรงหน้าอาจจะกองสูงขึ้นก็ได้ ใครจะรู้ ... เสียดายที่คำภาวนาของผมไม่เป็นผล ชายหนุ่มหมดธุระกับธนาคารก่อนวางสาย ขณะที่หยิงสาวหยิบธนบัตรออกมาชำระค่าหนังสือ 3 เล่มนั้น

คุยกันสั้นๆ ก่อนลูกค้าออกจากร้าน ทั้งคู่มาจากออสเตรเลียสำหรับทริปพักผ่อน 14 วัน วันหยุดอาจจะสั้นไปสักหน่อย แต่หน้าที่การงานทำให้ไม่สามารถพักนานเกินกว่านั้นได้ ทั้งคู่กำลังจะลงใต้ไปทะเลฝั่งอันดามัน หนังสือ 3 เล่มน่าจะเป็นเพื่อนบนชายหาดสวย น้ำใส และฆ่าเวลาระหว่างเดินทางได้ ไม่มากก็น้อย

************************************

... ถูกแล้ว เงินหมดก่อนตาย มันแย่กว่า ตายก่อนเงินหมด ... นรชนผู้ที่ชีวิตล่วงผ่านเลย "วัยแห่งความฝัน" ควรพึงสังวรณ์

... ค่ำนั้น ผมนั่งมองฝ่าละอองฝนเนิ่นนาน ความคิดพุ่งปราดดุจลูกธนู ข้ามกาลเวลาสู่อนาคต มองเห็นชายชราสวมแว่นสายตา นั่งเอนหลังบนเก้าอี้หวายอยู่ในห้องหนังสือเล็กๆแห่งหนึ่ง ห้วงเวลานั้นเป็นบั้นปลายของชีวิตหลังวัยเกษียณ รอบกายไม่มีสิ่งใดหรือใครอื่น นอกจากกองหนังสือใหม่-เก่า คละเคล้าปะปนกัน กลางความเงียบ เสียงกระดาษหนังสือโดนลมพลิกเปิดทีละหน้า ทีละหน้า บนร่างที่สงบนิ่ง ไม่ไหวติง

... หวังว่าเมื่อถึงเวลานั้น สายตาของชายชราจะยังคงไม่ฝ้าฟางจนเกินไป !!!

เจตตจัน
02-2820358
085-8035412
087-0719858่
jettajan227@yahoo.com

ปล. ปิดท้ายกันที่โปสการ์ดทำมือง่ายๆ จากลูกค้าสาวชาวยิวที่แวะเข้ามาเยี่ยมเยียนวันก่อน หลังรอยยิ้มดีใจ เธอได้หนังสืออ่านไป แลกกับโลนลีแพลนเน็ตไทยแลนด์เวอร์ชันภาษาฮีบรูใช้แล้ว 1 เล่มหลังจบทริป แต่เธอจะไปไหนต่อนั้น ยังไม่ได้วางแผนไว้


โปสการ์ดทำมือง่ายๆ ที่เธอเอามาฝากส่ง ... ผมเห็นแวบเดียวก็บอกได้เลยว่าง่ายจริงๆ คนทำเอารูปภาพที่อัดใส่กระดาษอย่างดี แปะลงบนกระดาษแข็ง เป็นอันเสร็จ ภาพเป็นวิวมุมสูงของทะเลบ้านเรา




Create Date : 08 ตุลาคม 2557
Last Update : 8 ตุลาคม 2557 23:59:23 น. 0 comments
Counter : 925 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jettajan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add jettajan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.