Group Blog
 
<<
กันยายน 2555
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
29 กันยายน 2555
 
All Blogs
 
ร้านหนังสือในข้าวสาร ... ตอน Game of thrones ... 18+

สวัสดีครับคุณผู้อ่านที่รักทุกท่าน ยินดีที่ยังมีชีวิตอยู่ครับและยังมีโอกาสได้มาเขียนบล็อกให้อ่านกันเพลินๆอีก บ่ายวันนี้ผมนั่งมองฟ้าฉ่ำฝนที่หน้าถนนข้าวสารไปพร้อมๆกับไอเย็นจากละอองฝนที่ชุ่มฉ่ำไปทั่ว อากาศสด ส่งกลิ่นโชยตลบ ... บางคนอาจบอกว่าน้ำฝนในเมืองใหญ่ที่ตกลงบนพื้นคอนกรีต ยางมะตอย ไม่น่าจะมีกลิ่น ไม่เหมือนฝนตกลงบนพื้นดินแถบชานเมืองหรือต่างจังหวัด อันนี้ก็แล้วแต่ความคิด ความรู้สึกของแต่ละคน ไม่ว่ากัน เพราะไม่ว่าจะยังไง ฟ้าหลังฝนก็เย็นฉ่ำ สดใส และไม่ว่าจะเป็นใคร จะชั่วหรือดี ที่เดินตากฝนย่อมเปียกเหมือนกัน



ต่างกรรมแต่วาระเดียวกัน ... ระหว่างคนส่งน้ำแข็งที่ขับรถตากฝนจนเปียกโชกทั้งตัว กับหลายชีวิตที่พยายามหลบฝนบนรถตุ๊กๆที่ไม่ค่อยจะกำบังได้สักเท่าไหร่

ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าฝนตก ชายหนุ่มผู้โชคดีคนนั้นก้าวเข้ามาในร้านพร้อมกับหนังสือนิยายแฟนตาซี "Storm of swords" ของ จอร์จ อาร์ อาร์ มาร์ติน ภาคแรก "Steel & Snow" ในมือพร้อมกับถามหา "Game of throne" ซีรีย์แฟนตาซีเรื่องดังเรื่องศึกชิงบัลลังก์ยุคอัศวิน ที่ฮิตติดลมบนอยู่ตอนนี้

"ขอโทษที ผมจำได้ว่าไม่มีนะ พยายามหาแลกไว้เหมือนกัน แต่หายากมาก ... ถ้ายังไงคุณลองดูตรงชั้นหนังสือแฟนตาซีด้านขวานี่ก็ได้ มีไม่มากนักหรอก" ผมตอบปฏิเสธไปพร้อมกับชี้มือไปทางด้านขวาของผม

ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนจะหันไปไล่ดูทีละเล่ม ก่อนจะหยุดพร้อมกับทำตาโตแล้วหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมา มันคือ "Blood & Gold" ภาคต่อของ "Steel & Snow" ของมาร์ตินที่ถืออยู่ในมือ ถามอย่างรวดเร็ว

"ผมโชคดีมากเลย แทนที่จะเจอ 'โทรน กลับเจอภาคต่อของเล่มนี้ที่เพิ่งอ่านจบพอดี ราคาเท่าไหร่นี่"

ผมทำท่าพลิกฝ่ามือ ให้ชายหนุ่มดูที่ปกด้านหลังของหนังสือ "เล่มนี้เป็นมือสอง ราคา 195 บาท"

เขาไม่มีกระเป๋าเงินติดมาด้วย ชายหนุ่มวางหนังสือทั้ง 2 เล่มในมือก่อนจะล้วงกระเป๋ากางเกงด้านขวากำแบงก์ยับยู่ยี่กับเศษเหรียญออกมาวางบนเก้าอี้แล้วเริ่มนับ ได้ประมาณ 170 กว่าบาท ก่อนจะเช็คซ้ำอีกครั้งในกระเป๋ากางเกงด้านขวา ได้เหรียญบาทติดมาอีกเหรียญ 

ชายหนุ่มส่ายหน้าจุ๊ปากจิ๊กจั๊ก ก่อนจะล้วงลงไปที่กระเป๋ากางเกงด้านซ้ายอีกครั้ง กำเหรียญออกมาอีก 4-5 อันหลังจากล้วงปลิ้นไส้กระเป๋าออกมานอกกางเกง แล้ววางเงินเพิ่มลงไปที่ข้างกองเดิมและนับ ...

" 175 ... 180 ... 190 ...192 ... 194 ... 195 ... ฮ่าๆ หมดพอดี " คนโชคดีหัวเราะร่า ... พร้อมกับผมเช่นกัน

"คุณโชคดี 2 ต่อเลยนะนี่ ทั้งเจอภาคต่อเล่มนี้และเงินพอดีกับค่าหนังสือเลย" ผมยิ้มพร้อมกับหยิบหนังสือทั้ง 2 เล่มใส่ถุง พลางคิดในใจ "ไอก็ด้วยเหมือนกัน หุหุ"

"ผมได้เล่มนี้ไปอ่านระหว่างทางสำหรับไปเชียงใหม่คืนนี้เลย" ชายหนุ่มโบกมือก่อนออกจากร้านไป เปิดร้านมา 3 ปีกว่าแล้ว ผมเพิ่งเจอลูกค้าสุดฟลุ็ค 2 เด้งก็ครั้งนี้แหละ ... หนุ่มไทยที่ตามหา จอห์น คาร์เตอร์ คราวก่อนก็ฟาล์ว ... วันก่อนลุงคนหนึ่งมาหาหนังสือของ เจมส์ บอนด์ ก็ฟาล์ว ผมหัวเราะแล้วบอกไปว่า ถ้า เจสัน บอร์น ก็อาจจะพอได้



คนโชคดี 2 ต่อ ที่ไม่ค่อยได้พบบ่อยนัก



เงิน 195 บาทที่ติดกระเป๋าพอดีกับค่าหนังสือเป๊ะ

ความโชคดีของชายหนุ่มทำให้ผมนึกไปถึงลูกค้าอีกคู่หนึ่งที่เข้ามาเจอกันเมื่อเดือนก่อน เป็น 2 แม่ลูกจากฝรั่งเศส เกือบเที่ยงคืนศุกร์นั้น ผมนั่งเช็คสต็อคหนังสือเฟรสบุ๊คที่ใกล้หมด พร้อมกับเตรียมวางแผนการสั่งหนังสือล็อตต่อไปอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์ ในขณะที่เสียงฝีเท้าแว่วเข้ามาในร้าน

"สวัสดีครับ มีอะไรให้ช่วยบ้างไหม" ผมเงยหน้า ถ่างตาสยายยิ้มให้ลูกค้ายามดึก

"สวัสดี คุณมีหนังสือเฟรสบุ๊ค ฝรั่งเศส-ไทย หรือเปล่า" หญิงสาวทักทายพร้อมถามกลับมา

"มีสิ นี่ไง" ผมหยิบเล่มหนึ่งมายื่นให้เธอ

"เปิดดูได้ไหมนี่" เธอพลิกกลับไปมาในมือแล้วถาม

"ได้สิ" ผมหยิบมาจากมือเธอแล้วแกะห่อพลาสติกออก ยื่นกลับไป

เธอยิ้มแล้วรับไปเปิดดูในมือ ก่อนหันหน้าไปถามเด็กชายที่นั่งที่เก้าอี้หวายอยู่ด้านหน้า คุยกับเด็กชายประมาณว่าอยากจะมาดูด้วยกันไหม แต่ดูเหมือนเด็กชายจะไม่สนใจมากนัก กลับเอาใจจดจ่ออยู่กับราฟท์ไกด์เวียตนามที่ดูรูปอยู่ไปมา

"เขาชอบเวียตนามมากเลย อยากจะไปเที่ยวให้ได้ ตอนอยู่ที่บ้านเขาสนใจไปสมัครเรียนศิลปะการต่อสู้ของเวียตนามด้วย เรียกว่าโววีนัมหรือไงนี่แหละ" หญิงสาวเล่าให้ฟังว่ามาจากฝรั่งเศส เพิ่งมาถึงเมืองไทยเมื่อเย็นนี้ ก่อนที่จะเช็คอินแล้วก็มาเดินเล่นหาของกินยามดึกนี่แหล่ะ เธอว่าพรุ่งนี้น่าจะไปเดินดูวัดพระแก้ว แล้วก็มีแผนจะใช้เวลาสัก 2-3 วันในกรุงเทพ ก่อนจะจับรถไฟขึ้นเชียงใหม่

เธอพลิกดูราคาด้านหลังนิดหนึ่ง ก่อนยื่นหนังสือเฟรสบุ๊คเล่มนั้นคืนกลับมา "ฉันขอคิดดูก่อนนะ บางทีฉันอาจจะยังไม่จำเป็นต้องใช้มัน พอดีรุทตาร์ทเล่มนี้ ฉันได้มาในราคาพิเศษจากที่บ้าน แล้วก็มันพอจะมีหน้าที่เป็นเรื่องภาษาอยู่บ้างนิดหน่อย ฉันจะลองดูก่อน"

"ไม่เป็นไร" ผมตอบรับยิ้มๆก่อนจะชี้ทางคร่าวๆให้เธอเดินไปหาของกินตรงวงเวียนหน้าสเวนเซ่นส์ ที่นั่นมีอาหารไทย ราคาคนไทย ขายให้คนที่มาเดินรอบดึกกันตามที่เธออยากได้ งบประมาณของเธอไม่มากนัก

หลังจากที่เธอออกจากร้านไป ผมห่อเฟรสบุ๊คเล่มนั้นกลับก่อนจะวางไว้ที่ชั้นติดผนังด้านซ้ายมือเช่นเดิม รวบใบรายการสต็อคที่เช็คค้างไว้เก็บแล้วปิดประตูร้าน วันนี้ดึกเกินไปแล้วสำหรับการทำงานต่อ หนังตาหนักชวนให้นอนมากกว่า ... ก่อนที่เราจะเจอกันอีกครั้ง ... ในวันถัดมา

"สวัสดี เจอกันอีกแล้ว ที่เดิมเวลาเดิม" ผมทักทายไป หลังจากที่ 2 แม่ลูกเดินกะปลกกะเปลี้ยเข้ามา

"สวัสดี ... ฉันกลับมาซื้อหนังสือเฟรสบุ๊ค ฝรั่งเศส-ไทย เล่มนั้นที่ดูไว้น่ะ" เธอกล่าวทักทายพร้อมหัวเราะแห้งๆ

"อ้าว ทำไมล่ะ วันนี้ลองดูแล้วไม่เวอร์คหรือไง" ผมถามพร้อมหัวเราะขำท่าทางของเธอ

"ใช่แล้ว วันนี้เราไปเดินเที่ยวที่ตลาดมา มันลำบากมากเลย ซื้อของก็ยาก ถามอะไรก็ไม่เข้าใจ ภาษาอังกฤษของฉันเองก็ไม่ดีนัก ฉันว่าเฟรสบุ๊คเล่มนั้นของคุณคงจะช่วยได้มากกว่า" เธออธิบายพร้อมบ่นพึมพำเป็นหมีกินผึ้ง พยายามออกเสียงหัดคำ "ขอบคุณข่า ขอบคุณคะ" อยู่ในคอ ผมหัวเราะเสียงของเธอ

"ถูกละ ผมว่ามันจะช่วยให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้นเยอะ การเดินทางทริปนี้ของคุณจะสนุกสนานมากขึ้นโดยไม่ต้องลำบากมากนัก" ผมตอบแล้วถามต่อไป

"แต่พูดถึงภาษาฝรั่งเศสของคุณ ใครๆก็บอกว่าสำเนียงมันฟังดูเพราะดี บางคำพูดฟังแล้วโรแมนติคคุณคิดว่าไง"

"เหรอ แต่ฉันคิดว่าภาษาอิตาลีฟังดูเพราะกว่า ฉันชอบมัน" เธอว่า "แถวนี้มีที่ไหนซื้อเสื้อผ้าใส่ได้บ้างเนี่ย ที่ฉันเตรียมมาดูไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ ที่นี่ดูร้อนกว่าที่ฉันคิด ฉันอยากได้เสื้อผ้าที่ใส่แล้วสบายกว่านี้"

ผมบอกเธอไปว่าถ้าจะดูตอนนี้ก็พอได้ในถนนข้าวสารนี่เลย แต่ถ้าเป็นพรุ่งนี้กลางวัน เธออาจจะเลือกได้อีกในแถบบางลำพูนี่ถัดไป 2-3 บล็อกแถวๆซอยข้างห้างตั้งฮั่วเส็งทั้ง 2 ข้าง

"คุณว่าเวียตนามน่าสนใจไหม" เธอชวนคุยมา ตาชำเลืองไปที่เจ้าตัวเล็กที่นั่งเปิดราฟท์ไกด์เวียตนามอยู่ที่เดิมเหมือนเมื่อวาน

"ก็ดูโอเคนะ แต่ผมว่าเมืองไทยดูดีกว่า สวยกว่า คุณจะไปเวียตนามเมื่อไหร่ล่ะ" ผมทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของ ททท. ได้ดีพอใช้

"ก็นิโก้อยากไปเวียตนาม แต่ฉันวางงบประมาณไว้ทริปนี้สำหรับเมืองไทยก่อน เวียตนามน่าจะเป็นทริปหน้า เพราะเดี๋ยวไม่กี่วันเราต้องขึ้นเหนือไปเชียงใหม่อีก ก่อนจะกลับมากรุงเทพ ฉันว่าจะกลับมาโดยรถไฟ น่าจะถึงที่นี่ค่ำๆ คุณมีที่พักแถวสถานีรถไฟหัวลำโพงแนะนำให้ฉันบ้างไหม" เธอหมายถึงลูกชายที่อยากไปเวียตนาม

"ไม่มีนะ คือเท่าที่ผมพอรู้ หัวลำโพงมันไม่ไกลจากที่นี่มากนัก ถ้าคุณกลับมาพักที่เดิมแถวนี้ ผมว่าน่าจะสะดวก สะอาดและปลอดภัยกว่า แถวหัวลำโพงนั้น ผมว่ามันเหมาะกับคนไทยที่เดินทางเข้ามากรุงเทพมากกว่า ผมไม่แน่ใจเรื่องความสะอาดแล้วก็การสื่อสารภาษาอังกฤษสักเท่าไหร่นัก อีกอย่าง ผมไม่ค่อยได้ผ่านไปธุระที่นั่นนานแล้ว ผมเลยให้ข้อมูลคุณชัดๆไม่ได้" ผมตอบเชิงแนะนำไป

"สะอาด ... ใช่ ... เมื่อคืน ฉันเจอแมลงสาบด้วย ที่นั่นก็อาจจะเจอเหมือนกันสิ" เธอพยักหน้าก่อนทำย่นจมูก

เธอเรียกลูกชายมาทักทาย เด็กน้อยชื่อ "นิโคไล" ผมเลยถามไปว่าชื่อเล่นเรียกว่า "นิคกี้" ใช่หรือเปล่า เธอบอกว่า ชื่อเล่นนั้นเป็นสำเนียงอเมริกัน ถ้าเป็นสำเนียงฝรั่งเศส จะเรียกว่า "นิโก้" ส่วนเธอชื่อ "มารีอา"

คุยกันเกือบชั่วโมง ผมถามเธอว่าเด็กน้อยไม่ต้องไปโรงเรียนเหรอถึงมาเที่ยวได้ เธอบอกว่าภาคเรียนของเด็กฝรั่งเศสจะไม่เหมือนของคนไทยเรา (ที่หยุดแค่ ปีละ 2 เทอม - แยกเป็น 3 เดือน กับ 1 เดือน) ที่นั่นจะหยุดเรียน 3-4 ช่วง บางช่วงประมาณเดือน แต่บางช่วงก็อาจจะสัก 2 สัปดาห์ พอดีช่วงนี้เป็นช่วงหยุดประมาณ 2-3 สัปดาห์ เธอเลยพาเด็กชายมาเที่ยวเมืองไทยที่เธอเองก็อยากมานานแล้ว ... ก่อนเธอจะออกจากร้านไป ผมเลยขอเสียมารยาทถามคำถามสุดท้าย คำถามต้องห้ามสำหรับพ่อหรือแม่ ที่พาลูกไปเที่ยวกันแค่ 2 คน

"ขอโทษนะ ผมเห็นคุณเดินทางกันแค่ 2 คน พ่อเขาไม่ได้มาด้วยเหรอ"

เธอยิ้มก่อนตอบมา "พ่อเขาไม่ได้มาด้วยหรอก เราแยกกันแล้ว นิโก้ไม่ได้เลือกอยู่กับพ่อของเขา ฉันก็แค่พยายามทำหน้าที่แม่ให้ดีที่สุด นี่ฉันก็หยุดงานพาเขามาเที่ยว ได้มาใช้เวลาสนุกสนานด้วยกัน" ประกายเศร้าวาบขึ้นในแววตาของเธอ ก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว

"อ้า ... คุณเป็น ซิงเกิลมัม เข้าใจล่ะ ผมขอโทษด้วยที่ถามไป" ผมกล่าวขอโทษพร้อมยิ้มให้กำลังใจเธอ

"ไม่เป็นไร มันเป็น "First-life ชีวิตแต่งงานครั้งแรก" ของฉัน แล้วฉันก็ไม่โชคดีเท่านั้นเอง" เธอยิ้มแล้วกล่าวตอบมา

เราสัมผัสมือกัน ผมอวยพรให้เธอเดินทางโดยสวัสดิภาพก่อนเธอจะจูง "นิโก้" ออกจากร้านไป ผมโบกมือให้เด็กน้อยที่หันมาโบกมือให้ไหวๆ สองแม่ลูกกลืนร่างหายเข้าไปในถนนข้าวสาร



"มารีอา" - ซิงเกิลมัม ที่พาลูกชายโทนเดินทางมาใช้เวลาด้วยกัน ไกลจากบ้านไปทางตะวันออก



"นิโก้" - เด็กน้อยที่เลือกอยู่กับแม่ หลังจากที่เส้นทางเดินของครอบครัวอันอบอุ่นถึงทางตัน

"ใช่ วันนี้เธอได้ลองแล้ว เมื่อมันยากเกินไป ก็ต้องหาทางใหม่ ... ทั้งเฟรสบุ๊คเล่มนั้น หรือ เฟิร์สทไลฟ์ของเธอ ... เธอก็แค่ไม่โชคดีเท่านั้นเอง"

ขอให้วันพรุ่งนี้ ฟ้าเป็นใจกับเธอด้วย

Smiley Smiley Smiley



Create Date : 29 กันยายน 2555
Last Update : 29 กันยายน 2555 21:39:24 น. 1 comments
Counter : 3151 Pageviews.

 
ขออภัยครับ ซ้ำกับเรื่องก่อน ... ดูตอนถัดไปได้เลยครับ


โดย: ่ำเจตตจัน (jettajan ) วันที่: 4 ตุลาคม 2555 เวลา:0:07:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jettajan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add jettajan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.