Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2557
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
17 พฤษภาคม 2557
 
All Blogs
 
ร้านหนังสือในข้าวสาร ... ตอน List ... หนังสือมีของ

สวัสดีครับคุณผู้อ่านที่รักทุกท่าน ด้วยความยินดีที่ยังมีชีวิตอยู่ กินได้ นอนหลับ ครบ 32 และยังสามารถมาเขียนบล็อกให้ได้อ่านกันอีกสัปดาห์ หลังจากผ่านวันที่ดวงอาทิตย์ตรงหัว ณ กรุงเทพ อากาศร้อน แดดแรงสุดมาเมื่อปลายเดือนเมษายน ไม่กี่วันหลังจากนั้นก็เริ่มเข้าหน้าฝนที่ทยอยตกๆหยุดๆกันประปราย สลับกับแดดออกบางวัน พร้อมๆกับวันพืชมงคลตอนต้นเดือนพฤษภาคม อันเป็นสัญญลักษณ์ของการย่างเข้าสู่ฤดูเพาะปลูก ... จากการรดน้ำต้นไม้หน้าร้านทุกวัน ก็เลยทำให้พฤติกรรมเปลี่ยนไป ฝากใจไว้กับฟ้าฝนบ้าง และอีกอย่างหนึ่งที่เปลี่ยนไปคือ การล้างรถทุกสัปดาห์เป็นอันยกเลิก มีเวลาเล่นไพ่ "จับหมูออนไลน์" เพิ่มขึ้นอีกสัปดาห์ละชั่วโมงกว่า แลกกันกับพาหนะที่อมฝุ่นกระดำกระด่าง พร้อมข้อแก้ต่างให้ตัวเองว่า "เอาน่ะ โนบอดี้เพอรเฟ็คท์" ... เป็นรถขับไว้ใช้งาน ไม่ใช่รถในโชว์รูม จะสวยใสไร้สติ อะไรกันนักกันหนา ... ใช่ไหม

ครับ ... เหตุการณ์รอบโลก ก็โซโซ ... ยูเครนกำลังจะแตก ... โบอิ้งมาเลย์ก็คงหาไม่เจอแล้ว ... เรือข้ามฟากเกาหลีจม เพราะน้ำหนักบรรทุกเกินตั้งเยอะ เด็กนักเรียนตายเป็นร้อย ... ส่วนเมืองไทยก็ ภาคเหนือเจอแผ่นดินไหวหนัก นายกถูกคดี สถานการณ์การเมืองกำลังเข้าสู่จุดอับ ม็อบสวนลุมกำลังจะย้ายกลับมาราชดำเนิน ม็อบอักษะก็กำลังก่อตัวกันขึ้น ... เดือนนี้นับเป็นจุดต่ำสุดของโลว์ซีซันเสมอ นักท่องเที่ยวหายหมด ... แต่ถนนข้าวสารก็ยังคงสู้ต่อไป ตอนนี้กลางซอยฝั่งขวามือ ด้านที่มีทางแยกออกไปยังถนนราชดำเนินถูกรื้อไปทั้งแถบ บ้านไม้แบบเก่า 2 ชั้นหายไปแล้วพร้อมกับกำแพงสังกะสีที่ตั้งขึ้น รอการปรากฏกายของสิ่งก่อสร้างใหม่ ... การลงทุน-ธุรกิจยังคงต้องเดินต่อไป อยู่ที่ใครสายป่านยาวกว่า รอดพ้นจากการเจ๊งหรือเปล่าเท่านั้นเอง

ร้านหนังสือยังคงเปิดอยู่ครับ รับสายลมสายฝนที่เริ่มโปรยปรายปะปนมากับสายลมร้อนกลางเดือนพฤษภา และรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการใช้หนังสือไกด์บุ๊คภาษาต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือฝรั่งต่างชาติ ส่วนของร้านเองมีทั้ง หนังสือใหม่มือหนึ่งและเก่ามือสอง ซึ่งก็สามารถเอามาขายคืนได้ครึ่งราคาหลังจากใช้แล้ว หรือจะเอามาเปลี่ยนเป็นหนังสืออ่านเล่มอื่นไปก็ได้ ในอัตราส่วนลดที่ใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ก็ยังมีแผนที่และเฟรสบุ๊คอีกหลายภาษา โดยเฉพาะถ้าแปลเป็นภาษาไทยก็มี อังกฤษ-ไทย / เยอรมัน-ไทย / ฝรั่งเศส-ไทย / รัสเซีย-ไทย นอกนั้นก็จะเป็นที่แปลเป็นภาษากลางคืออังกฤษซะเป็นส่วนใหญ่ ... ส่วนแผนที่ก็มีอยู่มากมายหลายประเทศให้เลือกเหมือนกันครับ ล่าสุดเดือนก่อน ลูกค้าสามี-ภรรยาชาวเฟรนช์คู่หนึ่ง เข้ามาถามหาแผนที่ประเทศจีนชนิดละเอียด เพื่อใช้ในทริปปั่นจักรยานประมาณ 1 เดือน

หลังจากที่ผมเอามาวางเปรียบเทียบให้ดู 4 ฉบับ ทั้งคู่คุยกันอยู่พักใหญ่เพราะตัดสินใจเลือกค่อนข้างนาน

"This one is good. A lot of details but English language only." แผนที่อันนี้ละเอียดดีนะ ข้อมูลเยอะ แต่ตังหนังสือเป็นภาษาอังกฤษอย่างเดียว ... สามีเปรยเบาๆกับภรรยา หลังจากเอานิ้วจิ้มลงไปบนแผนที่แผ่นใหญ่เคลือบพลาสติกอย่างดีตรงหน้า

"Yes, it is not easy to talk to chinese by English map." ใช่ มันจะยากเวลาเราถามทางคนจีนน่ะสิ ... ภรรยาตอบพร้อมพยักหน้าเห็นด้วย

"Of course, that is the general brand for traveller. This one shows 2 languages both English and Chinese, import from China. When will you go there?" อ๋อ แผ่นนั้นน่ะเป็นแผนที่ยี่ห้อเจ้าตลาดนานแล้วน่ะ ลูกค้ามักจะใช้กัน แต่ผมมีอีกแผ่นหนึ่งนะที่พิมพ์ 2 ภาษา ทั้งอังกฤษ ทั้งจีน --- พวกคุณจะไปเมื่อไหร่ล่ะ ... ผมอธิบายเพิ่ม พร้อมกับหยิบแผนที่จากเมืองจีนมาให้ดู และถามแผนการณ์เพื่อประเมินว่าลูกค้าจะใช้ด่วนไหม

"Next month. Tomorrow we leave from Thailand and go to Cambodia, up to Lao. It's not easy to find some map later. Today is our last day here and the best time for preparing." เดือนหน้าน่ะ พรุ่งนี้เราออกจากเมืองไทยไปกัมพูชา ต่อไปลาว มันยากแล้วถ้าจะไปหาซื้อแผนที่ทีหลัง วันนี้เป็นวันสุดท้ายและก็เวลาเหมาะสุดที่จะเตรียมตัว ... สามีหันไปพยักหน้ากับภรรยา พร้อมกับตอบกลับมา ก่อนตัดสินใจ ในขณะที่ผมเงียบและปล่อยให้ลูกค้าพิจารณาเต็มที่

"We take both." เราเอาทั้ง 2 แผ่นแล้วกัน ... ลูกค้าตอบพร้อมกับถามหาส่วนลด ผมพยักหน้าตกลงพร้อมกับกดเครื่องคิดเลข หักส่วนลดให้และปัดเศษอีกนิดหน่อยเป็นน้ำใจ 

"You save our trip. Thank you." คุณช่วยแผนเดินทางของเราไว้นะ ขอบคุณมาก ... ลูกค้าภรรยายิ้มดีใจกับถุงใส่แผนที่ทั้ง 2 แผ่นในมือ ก่อนยื่นมือมาสัมผัส

"Your are lucky, have a nice trip." คุณโชคดีมากกว่า ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะ ... ผมส่ายหน้าน้อยๆ พร้อมอวยพรให้กับการเดินทางของทั้งคู่

วันนั้น ผมจำได้ว่ามีลูกค้าอีก 1 หนุ่มที่เข้ามาตามหาหนังสืออ่าน โดยที่มีโพยกระดาษจดชื่อหนังสืออยู่ในมือ และผมจำได้อย่างน่าเขกกะโหลกตัวเองที่ไม่ได้ลอกรายชื่อหนังสือทั้ง 6-7 เล่มนั้นไว้ แต่จำได้เพียงแค่ 4 เล่ม ซึ่งผมมีในมืออยู่เพียง 2 เล่ม จากรายชื่อทั้งหมด ... หลังจากมองดูรายชื่อหนังสือในเศษกระดาษแผ่นนั้นแล้ว ก็ให้ยิ้มกรุ้มกริ่มดีใจกับตัวเองว่า ถึงร้านหนังสือของเราจะเล็ก แต่ก็ยังมีหนังสือดีปะปนให้ได้มาเล่นซ่อนหากันอยู่บ้าง ... ณ เวลานั้น ลูกค้าจะซื้อหรือเปล่า ก็ไม่ได้สนใจแล้ว ... จำได้ว่า 4 ในนั้น มี

1) The Colour purple - Alice Walker ผู้ได้รับรางวัลพูลิตเชอร์ และ เนชันแนลบุ๊คอวอร์ด สำหรับนวนิยาย ในปี 1983 เป็นเรื่องของหญิงผิวดำในภาคใต้ของสหรัฐอเมริกา กับชีวิตที่อยู่อย่างเรียบๆและเจียมเนื้อเจียมตัว ก่อนจะเปลี่ยนไปหลังจากนักร้องสาว-แฟนเก่าของสามีก้าวเข้ามาในชีวิต ตัวหนังที่เอาไปทำ และกำกับโดยสตีเวน สปีลเบิร์ก นั้นเห็นบอกว่าเข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 11 รางวัล นำแสดงโดย วูปี้ โกลด์เบิร์ก / แดนนี โกลเวอร์ / โอปราห์ วินฟรีย์ แต่ตัวหนังสือนั้นเป็นหนังสือต้องห้ามที่ถูกแบนจากหอสมุดหลายแห่งในสหรัฐ เพราะเนื้อหารุนแรง เหยียดผิว เหยียดเพศ ปัญหาในครอบครัว จนชายผิวดำออกมาโวยกัน ... สงสัยคงต้องจิกไว้อ่านเองก่อนซะแล้ว



หนังสือของอลิซ วอล์คเกอร์ ที่เจออยู่ในร้าน ... เห็นแล้วรู้สึกสะดุดตาตั้งแต่ตอนห่อหนังสือปีก่อน



แดนนี โกลเวอร์ - ดาราในดวงใจ โดยเฉพาะจาก ริกส์ คนมหากาฬ และ พรีเดเตอร์ 2 (บดเมืองมนุษย์)

2) The Boy in the Striped Pyjamas - John Boyne นักเขียนชาวไอริช หนังสือที่ขายได้มากกว่า 5 ล้านเล่มทั่วโลก และขึ้นแท่นอันดับเบสต์เซลเลอร์ของหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น สเปน อังกฤษ ไอร์แลนด์ ออสเตรเลีย ... เรื่องของเด็กนาซีดวงซวยคนหนึ่งที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ดันไปผูกมิตรกับเด็กยิวที่ถูกขังอยู่ในเขตกักกันของนาซี เด็กยิวไม่รู้ว่าพ่อหาย (ตาย) ไปแล้ว ก็เลยขอเพื่อนให้ช่วยตามหา เด็กนาซีก็เปลี่ยนชุด-มุดเข้าไปช่วยเพื่อนตามหาพ่อเพื่อนในค่าย สุดท้ายก็ไปจบลงในห้องรมแก๊ซพิษทั้งคู่ เป็นหนังและหนังสือเรื่องนาซี ที่ไม่เคยจบสวยเลยสักเรื่อง (คงจะมีแค่ Incurious Basterds เท่านั้นมีจบแบบเอามันส์ตามใจกรู ตามสไตล์ตารันติโน)


คอลเลคชันของหนังสือซึ่งถูกแปลออกไปรวม 40 ภาษาทั่วโลก


เวอร์ชันภาพยนตร์ที่บีบหัวใจคนดู

3) The Reader - Bernhard Schlink เป็นนวนิยายที่ถูกนำไปทำเป็นภาพยนตร์ที่ส่งให้ เคท วินสเลท ได้รางวัลออสการ์นักแสดงหญิง 2009 ไปสบายๆ เนื้อเรื่องเอาปมการอ่านหนังสือไม่ออก ในยุคนาซีของฮันนา มาสานต่อบานปลายออกไปจนกลายเป็นเรื่องรักอันไม่สมหวัง ที่เห็นว่าเรียกน้ำตาจากคนดูได้พอสมควร แต่ขณะเดียวกันก็มีเสียงวิจารณ์ไปถึงเรื่องราวฉากหลังของหนังสือที่พาดพิงไปถึงความผิด-ถูก ของเหล่าชาวนาซีเยอรมันในยุคสงครามโลกปนมาบ้างนิดหน่อย ใครชอบดูหนังดรามาโศกเศร้า ก็น่าจะลองไปหามาดูกันครับ


ขอบคุณหน้าปกหนังสือสวยๆ ต้นฉบับจาก Wikipedia


ในเวอร์ชันภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด นำแสดงโดยดาราเจ้าบทบาท "เคท วินสเลท" กับ "ราล์ฟ ไฟน์ส"

4) Lords of the Flies - William Golding นักเขียนรางวัลโนเบลในปี 1954 เรื่องของเด็กๆที่รอดชีวิตจากเครื่องบินตกและติดอยู่บนเกาะร้าง โดยผู้ใหญ่ตายหมด หัวหน้าเด็ก 3 คนแบ่งหน้าที่กันทำเพื่อเอาชีวิตรอด แต่เวลาและสัญชาติญาณดิบทำให้ทุกอย่างค่อยๆเปลี่ยนไปจนเกิดโศกนาฏกรรมขึ้น เนื้อหาสามารถถูกตีความเข้าสู่การเมืองในระบอบประชาธิปไตย ภายใต้การปกครองของรัฐได้อย่างสะใจคอซาดิสม์ ทำให้สมาคมห้องสมุดอเมริกันรับไม่ได้ สั่งแบนตัวหนังสือซะ แต่ปรากฏว่าหนังที่ทำออกมาในปี 1963 ก็โด่งดังจนกลายเป็นหนังขึ้นหิ้งไปโดยปริยาย เวอร์ชันภาษาไทยเราก็แปลชื่อได้ความหมายดีเหลือเกินกับชื่อ "วัยเยาว์อันสิ้นสูญ"


หน้าปกฉบับที่ลูกค้าซื้อไปเป็นเวอร์ชันสีส้มเป็นสีพื้น ดูเด็กๆ ธรรมดาๆ


ภาพปกฉบับนี้เป็นลวดลายเพ้นท์ง่ายๆ แต่ดูผาดๆ จะให้ความรู้สึกโหดลึกๆ


ในเวอร์ชันภาพยนตร์ เด็กๆดูเถื่อนดี ตอนท้ายพิกกี้ตายจากการไล่ล่านำขบวนโดยแจ็ค ส่วนราล์ฟนั้นรอดตายหลังจากหนีการไล่ล่าไปเจอเจ้าหน้าที่ตรงชายหาด

ขณะที่ในมือถือโพยเล็กๆใบนั้น ใจผมจำได้ว่ามีอยู่ 2 เล่ม คือ "Colour purple" กับ "Lord of the flies" ซึ่งเล่มแรกถูกห่อไว้เรียบร้อย หนังสือถูกลูกค้าจับๆ วางๆ อยู่บนชั้นกลางร้านซึ่งมองหาไม่นานนักก็เจอ ส่วนเล่มหลัง ผมอ่านค้างไว้อยู่ครึ่งหนึ่ง มีกระดาษคั่นหนังสือคั่นไว้ 1 แผ่น วางซ้อนแยกไว้ที่โต๊ะเก็บเงินติดกับผนังด้านซ้ายมือ รวมอยู่กับแคตตาล็อกโลนลีแพลนเน็ตและเอกสารอื่นๆนิดหน่อย หาไม่ยาก

"ผมมีอยู่แค่สองเล่มนี้นะ คุณจะเอาไปหมดเลยไหมล่ะ" ผมถามไปพร้อมกับในใจบอกว่า ลิสต์มาแต่หนังสือชีวิตหนักๆ พี่ไม่เอาคลาสสิคประมาณ ยูลิซิส / แอนนา คาเรนินา หรือไม่ก็ ดอน กิโฮเต้ ในชั้นตรงนี้ไปเลยล่ะ เล่มหนาใหญ่ อ่านได้สะใจกว่ากันเยอะ

ชายหนุ่มขอไปพลิกดูอยู่ในมือก่อนจะตัดสินใจเลือกหนังสือของวิลเลียมเอาไว้เล่มเดียว ผมพลิกหน้าที่คั่นกระดาษไว้และหยิบออก คิ้วของชายหนุ่มเลิกขึ้นพร้อมกับถามมา "คุณอ่านอยู่หรือเปล่า"

"ใช่ แต่ไม่เป็นไรหรอก อ่านต่อให้ผมด้วยแล้วกัน ผมมีหนังสือให้อ่านอีกเต็มร้านเลย ... อ่านให้สนุกนะ" ผมตอบพร้อมกับยื่นโพยกลับไปให้ลูกค้า พร้อมกับเก็บหนังสือของอลิซ วอล์คเกอร์ไว้เป็นคิวต่อไป

เจตตจัน
02-2820358
085-8035412
087-0719858



Create Date : 17 พฤษภาคม 2557
Last Update : 17 พฤษภาคม 2557 22:38:33 น. 1 comments
Counter : 1509 Pageviews.

 
น่าอ่านทั้งหมดเลยค่ะ จะมีฉบับแปลไทยไหมหนอ?

หนังเคยดู The Reader กับ The Colour purple แล้วค่ะ จัดว่าชอบ


โดย: kunaom วันที่: 19 พฤษภาคม 2557 เวลา:12:47:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jettajan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add jettajan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.