Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
25 ธันวาคม 2553
 
All Blogs
 
ร้านหนังสือในข้าวสาร ... ตอน ทริปเอเชีย 1 ปีกับงบครึ่งล้าน

วันนี้เปิดร้านตอนสายๆ หลังจากกินบะหมี่ต้มยำพิเศษใส่บะหมี่ 2 ก้อนที่ร้านลูกชิ้นปลานายง้ำ รับประกันความอร่อยโดยรายการบ้านเลขที 5 มาหลายปี พอกลับมาก็เจอลูกค้าหัวฟูนั่งรออยู่หน้าร้าน ถามหาหนังสือไกด์บุ๊คภาษาสเปน ผมคิดในใจว่าเจองานยากแต่เช้า พร้อมกับบอกลูกค้าไปว่าหนังสือมือสองภาษาสเปนเป็นอะไรที่หายากมาก ผมก็พยายามหาอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ค่อยมีลูกค้ามาเทิร์นหนังสือภาษาสเปนเท่าไหร่ อย่าว่าแต่ไกด์บุ๊คเลย หนังสืออ่านทั่วไปยังไม่ค่อยจะมี

ลูกค้าหนุ่มหัวฟูทำหน้าสลด ว่าแล้วก็เลยซื้อแต่โลนลีแพลนเน็ตภาษาอังกฤษ มือ 2 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไป 1 เล่ม ผมลดราคาไปให้ 10 เปอร์เซนต์เป็นประเดิม

หลังจากนั้น ก็มีโอกาสได้พูดคุยกับเอเยนต์ของบริษัททัวร์เจ้าใหญ่ ที่มาเดินแจกโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์เส้นทางเดินรถเส้นใหม่ เลาะตามแนวชายฝั่งอันดามัน ผมสอบถามสภาพธุรกิจทั่วไปว่าเป็นไงบ้าง ลูกค้าน้อยใช่หรือไม่

พี่แกบอกว่า ใช่เลย ลูกค้าลดลงเยอะมาก เทียบกันเดือนต่อเดือน ปีนี้กับปีที่แล้ว รถบัสใหญ่ของแกออกส่งลูกค้าลงใต้วันละ 19-20 คันทุกวัน แต่ปีนี้วันเดียวกัน 3 คันก็ยังไม่ค่อยจะเต็ม ดูตัวเลขนักท่องเที่ยวตามรายงานของ ททท. ส่วนใหญ่น่าจะเป็นกลุ่มที่มาจากมาเลเซียข้ามมาเที่ยวที่ภาคใต้ซะเยอะ ตั้งแต่ลอยกระทงแล้ว ที่พักหาดใหญ่เต็มตลอด สมุยนี่ยังโอเคเพราะ มีสนามบินลงโดยตรงทำให้เดินทางสะดวก

ผมบอกว่า ผมก็คิดเหมือนกัน สังเกตุจากรถบัสแอร์พอร์ตเอ็กซ์เพรสที่มาส่งนักท่องเที่ยวที่ถนนข้าวสารจากสนามบินสุวรรณภูมิ ดูไม่เต็มเท่าที่ควร แถมรถแท็กซีที่จอดส่งนักท่องเที่ยวบริเวณหน้าโรงพักชนะสงครามก็ไม่มากเท่าไหร่

พี่แกบอกว่าน่าจะมาจากหลายอย่าง ส่วนหนึ่งก็สภาพอากาศไม่ดีที่ยุโรปก็เกี่ยว ส่วนอื่นก็น่าจะมีผล รวมทั้งกีฬาสีที่บ้านเราด้วย ผมแย้งไปว่าใช่เหรอพี่ ตอนนี้ก็ดูโอเคดีนี่นา พี่แกบอกว่านักท่องเที่ยวเขาไม่ได้มานั่งอยู่ในบ้านเรา เขาไม่รู้หรอกว่าตอนนี้บ้านคุณเป็นยังไง แต่ว่าเวลาเขาวางแผนท่องเที่ยวล่วงหน้าเป็นปีนั้น เขาขอวีซาพร้อมประกันภัยเดินทางด้วยตั้งแต่ต้นปีแล้ว ซึ่งสถานฑูตเขาไม่ห้ามอยู่แล้วแต่เขาไม่ออกประกันอุบัติเหตุให้ด้วย เพราะบ้านเรายังมีพี่ "ฉุกเฉิน" อยู่ - ทีนี้นักท่องเที่ยวเขาก็ง่ายสิ แค่เปลี่ยนแผนโดยการกระโดดข้ามประเทศไทยเราไปเท่านั้นเอง ..... ผมพยักหน้า พลางว่า เออ ใช่ ช่วงเมษา-พฤษภา ที่ผ่านมาลูกค้าผมกลับมาขายคืนหนังสือ บอกว่า แถบบาหลีนี่ส้มหล่น นักท่องเที่ยวแน่นมากเพราะเขาลงที่กรุงเทพนี่ไม่ได้ ก็เลยเปลี่ยนไปลงบาหลีแทน แถบใกล้เคียงก็แน่นคล้ายๆกัน

นั่นเองที่มีส่วนทำให้จำนวนเที่ยวรถของแกลดลงจาก 20 คันเหลือ 3 คัน ..... ก็ว่ากันไปปปปป

ถัดไปไม่นานสาวอิสราเอลเข้ามาเทิร์นหนังสือโลนลีแพลนเน็ต เธอเล่าให้ฟังว่ามาเที่ยว 3 เดือนหลังจบปริญญาตรี ก่อนจะกลับไปเรียนต่อโท เธอบอกว่า ไปเที่ยวลาวมา ที่นั่นผู้คนน่ารักมาก แต่เวียตนามนี่เธอเจอประสพการณ์แย่จริงๆ

"คุณรู้ไหม สงสัยว่าคนเวียตนามนี่เขาคงไม่ชอบนักท่องเที่ยว วันหนึ่งขณะที่ฉันเดินกลับโรงแรม มีเป้สะพายอยู่ในอ้อมอกด้านหน้า ข้างๆฉันเป็นเพื่อนชาย 2 คน อยู่ๆก็มีมอเตอร์ไซค์ขับปาดหน้ามาเร็ว มันตัดกระเป๋าของฉันไป ในนั้นมีของมีค่าตั้งหลายอย่าง ทั้งกล้องดิจิตอลราคา 250 เหรียญ ไอโฟน บัตรเครดิต พาสปอร์ต แล้วอื่นๆอีก ตำรวจก็ไม่อำนวยความสะดวกอะไรให้เลย แค่บอกฉันว่าคนละเขตรับผิดชอบ ฉันลำบากมากกว่าจะหาสถานีตำรวจที่รับผิดชอบเขตนั้น แล้วตำรวจก็แค่รับแจ้งความ ไม่ได้พยายามจะหาทางจับตัวคนร้ายหรือช่วยเหลืออะไรเลย ทั้งๆที่นั่นคือฮานอย เมืองใหญ่นะ"

เธอบ่นต่ออย่างเซ็งชีวิต "ตำรวจที่อิสราเอล บางทีก็งี่เง่านะ แต่ก็ยังดีกว่าที่อย่างน้อยพวกเขาก็ดูจะมีความพยายามมากกว่าตำรวจที่เวียตนาม"

ผมถามต่อว่า "แล้วคุณผ่านเหตุการณ์นั้นมาได้ยังไง"

เธอบอกว่า "ฉันก็ต้องไปทำพาสปอร์ตใหม่ที่สถานฑูต ทำบัตรเครดิตใหม่ แต่ฉันยังโชคดีอยู่บ้างรู้ไหม ฉันเจอเพื่อนนักท่องเที่ยวสาวฝรั่งเศสคนนึง เธอโดนเหมือนฉันเลย แต่เธอโชคร้ายกว่าฉันตรงที่กระเป๋าสะพายของเธอไม่ได้ขาดออกไป มันดันเกี่ยวติดกับท่อนแขนของเธอ กลายเป็นว่าเธอล้มแถมบาดเจ็บมีแผลแตกทั้งท่อนแขน หัวเข่าเป็นแถบเลย และสุดท้ายมอเตอร์ไซค์คันนั้นก็ได้กระเป๋าของเธอไปอยู่ดี"

ผมอวยพรให้เธอเดินทางโดยสวัสดิภาพ ก่อนจะตกแต่งและห่อหนังสือโลนลีแพลนเน็ตที่เธอนำมาเทิร์น มันเป็นเล่มใหม่ แต่ ... ก็อปปี้

พอบ่ายแก่หน่อย ก็เจอลูกค้าเก่านักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสเป็นคู่สามี-ภรรยา เอาหนังสือราฟไกด์ มาเลเซีย-สิงคโปร์-บรูไน มาขายให้

ปกติผมจะเจอแต่ลูกค้าใช้โลนลีแพลนเน็ตเป็นส่วนใหญ่ ผมรับซื้อไว้แล้วก็เลยถามไปว่าเนื้อหาเป็นยังไงบ้าง แม่นยำมากน้อยแค่ไหน ยี่ห้อไหนดีกว่ากันระหว่างราฟไกด์กับโลนลีแพลนเน็ต

คนภรรยานึกอยู่ครู่หนึ่งก็บอกว่า "ฉันคิดว่าราฟไกด์ดีกว่านะ ถ้าเต็มร้อยละก็ ให้คะแนน 80 ยังได้เลย ส่วนโลนลีแพลนเน็ตนั้นน่าจะสัก 60 ได้ ฉันเคยเจอปัญหาหลายอย่าง เช่นระยะทางบอก 200 เมตร แต่ของจริงนั้นราวๆ 2 กิโลเมตรได้ อย่างในกรุงเทพนี่โลนลีแพลนเน็ตไม่ได้บอกรายละเอียดเกี่ยวกับการเดินทางโดยเรือไว้เลย แต่คุณจะหาได้ในราฟไกด์"

คนสามีเสริมมาว่า "เราเดินทางท่องเที่ยวมาเยอะ เพราะฉนั้นบางทีเราจะมีไกด์บุ๊คคนละยี่ห้อไว้เปรียบเทียบกันโดยเราถือคนละเล่ม ก่อนนี้เราไปตะวันออกกลางนะ ใช้ราฟไกด์นั้นข้อมูลเยี่ยมมาก บางทีเราใช้ฟุตปริ้นท์ก็แม่นยำมากเหมือนกัน ถ้าคุณไปอินเดียนะ เรารับประกันเลยว่าฟุตปริ้นท์ดีที่สุดอย่างแน่นอน"

"คุณลองเข้าไปดูในเว็บไซต์ของเราก็ได้ เราจะมีข้อมูลเรื่องทริปเดินทางท่องเที่ยวของเราไว้ในนี้ //www.voirlasie.fr"

ก่อนออกจากร้านไป ผมถามว่า "ขอโทษนะ ทริปนี้ คุณไปไหนมาบ้าง งบประมาณสักเท่าไหร่"

คนภรรยานึกอยู่พักนึง ก็ตอบมาว่า "เฉพาะทริปอย่างเดียวนะ ทำวีซ่า 10 กว่าประเทศ ก็สัก 1000 เหรียญ เวลาสักประมาณปีนึง ค่าที่พักในเมืองไทยนี่คืนละ 700-800 บาทก็โอเค ถ้าต่างจังหวัดเราเคยเจอที่สุโขทัย 250 บาทนี่โรงแรมเยี่ยมเลย อาหารการกินเราก็กินอย่างคนท้องถิ่นทั่วไป เราไม่ได้กินภัตตาคาร 4-5 ดาวหรอกนะ ปกติเรามีลิมิตค่าใช้จ่ายประมาณวันละ 1000-1500 บาท แต่บางประเทศอาจจะถูกกว่า อย่างจีนก็อาหารการกินจะถูกกว่าเมืองไทยสักครึ่งหนึ่ง"

คนสามีบอกว่า "เราวางไว้ประมาณ 15000 เหรียญออกจากฝรั่งเศส ผ่านเข้าทางพรมแดนประเทศต่างๆ ไปตุรกีทะลุผ่านกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เข้าไปในจีน แล้ววกลงใต้มาที่ตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านไทย ถึงอินโดนีเซีย ก่อนจะย้อนกลับขึ้นไปจีนผ่านรัสเซีย กลับฝรั่งเศส เราน่าจะเหลือสัก 2000 เหรียญติดกระเป๋ากลับบ้าน"

ผมอวยพรให้พวกเขามีความสุขในเทศกาลคริสต์มาสนี้ และเดินทางโดยสวัสดิภาพจนจบทริปตามแพลน

ผมลองเข้าไปดูในเว็ปไซต์ตามที่เขาให้ไว้ มันเป็นภาษาฝรั่งเศส มีรูปทั้ง 2 คนปะปนกับวิวทิวทัศน์ แทบจะทุกปีตั้งแต่ 2002 จนทริปนี้ ที่ยังไม่จบ

พอดีผมไม่ได้ถามว่าที่ฝรั่งเศส เขาทำงานอะไร แต่เดาว่าคงเป็นธุรกิจส่วนตัว หรือถึงขั้นลาออกไปเลยก็ไม่แน่ ผมเคยเจอผู้จัดการโรงแรมชาวเนเธอร์แลนด์มากับแฟน พี่แกบอกว่าขายบ้านแล้วพกเงินไม่รู้กี่ล้านออกท่องโลกมาแล้ว เขาบอกเงินหมดค่อยกลับบ้าน ไม่ต้องห่วงเรื่องงาน เพราะกลับไปเมื่อไหร่ก็สมัครงานได้เมื่อนั้น ที่เนเธอร์แลนด์นี่มีงานมากกว่าคน ส่วนคนจรจัดไร้บ้าน คนพวกนี้ตั้งใจไม่ทำงานหรือไม่ก็ติดเหล้า เขาได้เงินสวัสดการจากรัฐบาลเดือนละ 800 ยูโรหรือประมาณ 32,000 บาท

ทริปนี้ของคนฝั่งเศส เที่ยว 1 ปี 16 ประเทศ งบประมาณ 13000 ยูโร ก็ประมาณ 520,000 บาท ไม่ต้องทำงานทำการกัน

ใครไปบ้างคร้าบบบบบ .......



//voirlasie.fr/page/index.php5


Create Date : 25 ธันวาคม 2553
Last Update : 25 ธันวาคม 2553 21:00:49 น. 3 comments
Counter : 1290 Pageviews.

 
สวัสดีจร้า ชื่อหนิง นะจ๊ะ


โดย: ning.ple วันที่: 25 ธันวาคม 2553 เวลา:21:41:33 น.  

 
เคยถามนักท่องเที่ยวหลายคน ก็คล้ายๆ กันคือ ลาออกจากงานแล้วก็เที่ยวๆ เสร็จแล้วก็กลับประเทศไปหางานต่อ ทำแบบนี้วนไปเรื่อยๆ ฟังแ้ล้วอิจฉามากๆ อยากจะทำแบบนั้นบ้าง แต่หากลาออกจากงานก็คงลำบากที่จะหางานใหม่


โดย: Maeil วันที่: 5 มกราคม 2554 เวลา:6:32:31 น.  

 
ช่วงปีใหม่นี่ ผมได้คุยกับลูกค้าคนหนึ่ง เป็นพนักงานประจำของโรงพยาบาลในสก็อตแลนด์ งบประมาณใกล้กันเลยครับ คือประมาณ 15000 ปอนด์ ขอลางาน 1 ปี - แล้วกลับไปทำงานที่เดิมได้อีก ... เขาบอกว่า ถ้าเราจะไปบ้านเขาบ้าง ค่าใช้จ่ายในเมืองใหญ่ ก็วันละประมาณ 30 ปอนด์ / 1500 บาท เบอร์เกอร์อันนึงก็ 5 เหรียญ แต่ถ้ารอบนอกออกไป ค่าใช้จ่ายก็ลดลงตามส่วน ..... ยุโรป น่าจะใกล้เคียงกัน ..... แต่อเมริกา น่าจะเปลี่ยนไปแล้ว เพราะ 10-20 ปีก่อนนี้ เศรษฐกิจดี คนมีงานทำตลอด แต่ปัจจุบันนี้ คนตกงาน 10% แถมดอลลาร์อ่อนมาก ....... ผมว่า ถ้าเป็นคนโสด ไม่มีภาระ มีธุรกิจเป็นของตัวเอง ก็น่าไปนะครับ


โดย: เจตตจัน (jettajan ) วันที่: 10 มกราคม 2554 เวลา:9:27:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jettajan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add jettajan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.