Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2554
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
9 สิงหาคม 2554
 
All Blogs
 
ร้านหนังสือในข้าวสาร ... ตอน จิตกาธาน

สวัสดีครับ ยินดีที่ยังมีชีวิตอยู่และได้มาเขียนบล็อกอีกครั้ง ร้านหนังสือในถนนข้าวสารยังเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวตามปกติ

สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสเข้าไปในสวนสาธารณะใจกลางกรุงเทพเป็นครั้งแรก หลังจากปิดเพื่อปรับปรุงตั้งแต่ 2 ปีก่อน ... ใช่ครับ ผมหมายถึง ... ทุ่งพระเมรุ ... เชิงตะกอนเผาศพ ... จิตกาธาน หรือ สนามหลวง นั่นเอง

หลังจากได้ลองกำลังกันไปเบาะๆ 5 รอบจนเหงื่อชุ่มทั่วหลัง ก็ได้นั่งพักชื่นชมกันให้หายคิดถึง ทางเดินโดยรอบเปลี่ยนไปนิดหน่อย โดยเฉพาะลู่ด้านในติดสนามหญ้า แต่เดิมเป็นทางลาดยางมะตอย ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นพื้นหินเหมือนกันกับด้านนอก สนามหญ้าเกลี่ยไว้อย่างดีให้สูงเป็นเนินบริเวณใจกลางสนาม แล้วลาดลงสู่ขอบสนาม ทำให้น้ำรดต้นไม้และน้ำฝนส่วนเกินไหลสู่ขอบสนาม แล้วลงสู่รางระบายโดยรอบ

รอบด้านมีรั้วเหล็กโปร่งกั้น เพื่อเปิด-ปิดเป็นเวลาในแต่ละวัน บางด้านของสนามมีห้องกระจกโปร่งตา ... ดูดี มีชาติตระกูล



ภาพสนามหลวงท่าบังคับ ฉากหลังเป็นวัดพระแก้ว



ทางลาดยางมะตอยด้านในที่หายไป ถูกทดแทนด้วยแผ่นหินขัด



ภาพนอกรั้ว ด้านป้ายรถเมล์



ภาพด้านในรั้ว





ห้องกระจกที่มาใหม่ ... ดูดี มีชาติตระกูล

หลังจากเหงื่อแห้ง ผมเดินออกจากสนามหลวง ข้ามไปฝั่งธรรมศาสตร์ เลียบตามกำแพงมุ่งเข้าสู่ท่าพระจันทร์ ผ่านแหล่งศาสนพาณิชย์แหล่งใหญ่ คละเคล้าปะปนกันได้อย่างไม่เคอะเขิน พระพุทธรูปของศาสนาพุทธ พระห้อยคอองค์ละ 10-20 บาท เหรียญจตุคาม รูปหล่อฤาษี พราหมณ์ถือไม้เท้าหลังค่อม พระพิฆคเณศของฮินดู เจ้าแม่กวนอิม พระสังกัจจายน์ รวมทั้งของขลังเดียรฉานวิชา เขี้ยวเสือ เขี้ยวหมูป่า กุมารทอง ตลอดจน ... ปลัดขิก

ตอนเดินผ่านนั้น แหม่มสาวท้วมคนหนึ่ง กำลังชำระค่าสินค้าเป็นภาพพระเคลือบในกรอบอครีลิคขนาดสักครึ่งนิ้วสำหรับห้อยคอ สนนราคาองค์ละ 30 บาท / 4 องค์ร้อยเดียว ถัดไปไม่ไกล นักท่องเที่ยวชาวจีนส่งภาษามืออยู่กับเจ๊เจ้าของแผงพระ ต่อราคาพระพุทธรูปปางนาคปรก



ช่วงก่อนที่ฮิตจตุคาม ทุกแผงนี่มีวางขายเป็นคุ้กกี้เลยทีเดียว



ฝรั่งนักท่องเที่ยวกับ "สินค้าที่ระลึกจากเมืองไทย" ไม่ใช่ในฐานะของสัญลักษณ์แห่งพุทธะ

เคยได้ยินนักธุรกิจอยู่คนหนึ่ง เจ๊งจากการทำธุรกิจช่วงต้มยำกุ้ง แต่คัมแบ็คกลับมาได้จากการทำทัวร์รับคนต่างชาติมาเที่ยวเมืองไทย ตอนแรกก็โซโซ แต่สักพักแกสังเกตุเห็นลูกค้าทัวร์พวกนี้ ชอบของที่ระลึกที่บ้านเขาไม่มี ปรากฏว่าแกหาพระเลี่ยมทองมาขายให้ลูกค้านักท่องเที่ยวได้จนรวยไม่รู้เท่าไหร่ ... มิน่าล่ะ เศียรพระพุทธรูปบ้าง มือบ้าง ถึงกลายไปเป็นเฟอร์นิเจอร์แต่งห้อง หัวเสาบันไดทางเดิน หาได้ประดิษฐานอยู่ในห้องพระ หรือหิ้งพระสำหรับบูชาแต่อย่างใด ... และปล่อยให้พระพุทธรูปเศียรขาด มือขาดทิ้งไว้ให้ญาติโยมดูต่างหน้า

ผมเดินไปก็คิดไป ถ้าจะเปิดตลาดใหม่ ยิวนั้นน่าจะไม่ซื้อแน่ เพราะ "พระเจ้า" ของยิวนั้นโปร่งใส ไม่มีรูปกาย แต่ฝรั่งนับถือคริสต์นั้นผมว่าพอมีช่องทาง แถมคนก็เยอะ ... นี่เลย ไม้กางเขนเลี่ยมทอง ลายกนก ใส่ 3 กษัตริย์ลงไป หรือจะเป็น ไม้กางเขนผงดิน 7 ป่าช้า พร้อมลงยันตร์ 5 แถวของอาจารย์หนู แบบเดียวกับแองเจลินา โจลี ... อืมมม น่าสนใจ

หลังจากกลับมาที่ร้าน ผมลองค้นหาหนังสือนิยายที่เกี่ยวกับศาสนามาอ่านดู ก็มีอยู่หลายเล่มครับ แต่ที่จัดเป็นดาวค้างฟ้าไม่มีตกเลยก็มี 2 เล่ม เล่มแรกคือ "อมตะ" นวนิยายร่วมสมัยของ วิมล ไทรนิ่มนวล ผู้สร้างซีรี่ย์ชุดจตุรภาคอันประกอบไปด้วย งู - คนทรงเจ้า - โคกพระนาง - จ้าวแผ่นดิน อันเป็นชุดที่พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง ในความเห็นของผมแล้ว 4 เล่มนี้สนุกมาก เป็นการปะทะกันระหว่างความเชื่อกับศาสนา ชนิดถึงเนื้อถึงกระดูก



งู ปกนี้ดูเข้มขลัง



คนทรงเจ้า แค่ชื่อก็โดนแล้ว



โคกพระนาง ปกลวดลายดูโบราณ



จ้าวแผ่นดิน ปกใหม่ คลาสสิคไปอีกแบบ

ภาพพระประธานกินคนอาละวาด จนต้องถูกตอกตะปูตรึงไว้โดยชายผู้ท้าทายต่อความเชื่อของคนทั้งบาง ตอนท้ายเรื่องของ "งู" และ เจ้าพ่อขาม ใน "จ้าวแผ่นดิน" ยังชัดเจน และสนุกจนวางไม่ลง

กลับมาที่ "อมตะ" เล่มรางวัลซีไรต์เล่มนี้ก็เช่นกัน ตอนท้ายเรื่องหลังจากที่ "พรหมินทร์" เปลี่ยนถ่ายสมองมาใส่ในร่างโคลนนิงอรชุนสำเร็จ ... จิตใจของพรหมินทร์ที่ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายสมองแล้วนั้นเป็นของใครกัน พรหมมินทร์หรืออรชุน ยังเป็นปัญหาที่ทิ้งไว้ให้คิดต่อ ... จิต หรือ วิญญาณ อยู่ที่สมองหรือหัวใจกันแน่



อมตะ ปกนี้อย่างงาม

อีกเล่มหนึ่งจัดเป็นหนังสือสมัยโบราณที่พูดชื่อก็ร้องอ๋อ ... เวตาลปัญจวีสติ หรือ นิทานเวตาลนั่นเอง



เวตาล เจ้าปีศาจที่ห้อยหัวอยู่ใต้ต้นอโศก

ตอนที่ผมจำได้แม่นที่สุดคือตอนที่ 6 เป็นตอนที่พระราชาตริวิกรมเสนตอบปัญหา เรื่องที่หญิงคนหนึ่งได้พรของพระอุมาเทวีชุบชีวิตสามีกับน้องชาย ซึ่งทั้งคู่ตายโดยศรีษะขาดออกจากร่าง แต่หญิงคนนั้นดันสะเพร่า ทำให้สลับหัวผิดไป เวตาลถามว่าตกลงหญิงนี้ต้องเป็นภรรยาของใครระหว่าง ร่างน้องชายที่มีศรีษะเป็นสามี กับ ร่างสามีที่มีศรีษะเป็นน้องชาย ซึ่งพระราชาตริวิกรมเสนตอบว่า หญิงนี้ต้องเป็นภรรยาของร่างที่มีศรีษะเป็นสามีสิ

"เพราะหัวเป็นส่วนสำคัญที่สุดของร่างกาย และเป็นสิ่งที่ทำให้คนเราจำได้ว่าใครเป็นใคร การที่จะชี้ว่าใครเป็นใครก็ต้องดูที่หัวของคนคนนั้นแหละ"

... เพราะฉะนั้นร่างโคลนนิงของ "อรชุน" ที่มีสมองของ "พรหมินทร์" ก็ต้องเป็นชีวิตของบุรุษที่ชื่อ พรหมินทร์ อย่างแน่นอน ส่วนจิตหรือวิญญาณของอรชุนก็จะอยู่กับสมองของร่างโคลนนิงอรชุน ที่ถูกเปลี่ยนออกไป ... ส่วนหัวใจไม่เกี่ยว เพราะเป็นแค่อวัยวะขับเคลื่อนร่างกายโดยปั๊มกระแสเลือดไปหล่อเลี้ยงเท่านั้น ... เวตาลตอบอย่างนี้นะครับ คุณวิมล

ถ้าหากโคลนนิงมนุษย์แล้วเปลี่ยนสมองได้จริงเมื่อไหร่ ก็คงได้รู้กันว่า กฎ "ไตรลักษณ์" จะถูกทำลายลงจริงอย่างที่ พรหมินทร์ ว่าไว้หรือไม่

เอ๊ะ ถ้าอย่างนั้น เวลาเรารักใครก็รักด้วยสมองสั่งสิ ... ไม่ใช่ใจปรารถนาสักหน่อย ... ใช่หรือเปล่าครับ

..........

แต่ผมว่าถ้าพูดเอาหล่อ คำสารภาพรัก "ฉันรักเธอจนสุดหัวใจ" มันฟังแล้วหล่อกว่า "ฉันคิดรักเธอจนสุดสมอง" อยู่ดี




Create Date : 09 สิงหาคม 2554
Last Update : 10 สิงหาคม 2554 22:04:54 น. 0 comments
Counter : 2439 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jettajan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add jettajan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.