ร้านหนังสือในข้าวสาร ... ตอน ผู้ตามหา "จอห์น คาร์เตอร์"
สวัสดีครับคุณผู้อ่านที่รัก พบกันอีกครั้งกับเรื่องเล่าจากร้านหนังสือเล็กๆ ณ สุดปลายถนนข้าวสารอันเป็นประตูเชื่อมต่อกับโลกต่างมิติ โลกที่มีแต่เหล่าแบ็คแพ็คเกอร์แวะเวียนเข้าออก ตามหาหนังสือหรือไม่ก็แผนที่ บ้างมือเปล่า และบ้างก็มีหนังสือติดมือ หลายคนเข้ามาและได้บางอย่างที่มากกว่าหนังสือติดไป ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลการทำวีซ่า แผนการเดินทางอย่างคร่าวๆ ที่อยู่-ตำแหน่งแห่งหนของออฟฟิศสายการบินแปลกๆที่ไม่ค่อยได้ยิน หรือแม้กระทั่งสกายบาร์ที่อยู่ในหนังแฮงก์โอเวอร์ภาคสอง ... ส่วนบางคน อาจจะผิดหวัง-มือเปล่ากลับออกไป แต่บางคนอาจจะสังเวยชีวิตทิ้งเอาไว้ .... โอ๊ะๆ อันนี้ไม่ใช่แระ ทำไปได้ แหม ... ไม่ใช่ฮังเกอร์เกมซะหน่อย (ว่าแต่เปิดตัวอย่างกะชานชาลาที่ 9 เศษ 3 ส่วน 4 ของแฮรีพอตเตอร์เลย ไม่เบา ไม่เบา) ครับ ... ด้วยความยินดีที่ยังมีชีวิตอยู่ มีอวัยวะครบ 32 ประการและสามารถกินได้ นอนหลับ ก็ขออนุญาตให้ผู้อ่านสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับหลับตาและค่อยๆผ่อนลมหายใจออกช้าๆ สัก 3-4 รอบก่อนจะลืมตาขึ้นมาอ่านต่อนะครับ ....... เพราะหลับตา มันอ่านไม่ได้ พอขำๆ นิดๆ หน่อยๆ ครับ อย่าคิดมาก ช่วงนี้มีเรื่องเครียดๆเยอะ ไม่ว่าจะเป็น ข่าวการเมืองเรื่องเหรียญเงินกีฬามวยสมัครเล่นโอลิมปิก ข่าวกีฬาสี-เก้าอี้ดนตรีของประธานวุฒิสภา ข่าวบันเทิงเรื่องการรับจำนำข้าวและแผนป้องกันน้ำท่วม 3.5 แสนล้าน แต่กระนั้นก็ยังไม่เท่ากับข่าวพยากรณ์อากาศเรื่องค่ากินเปล่า 1% ของสองค่ายหนังสือยักษ์ใหญ่นี่สิครับ อันจะทำให้เหล่าร้านหนังสือเล็กๆ และหนอนผู้บริโภคหนังสือทั้งหลายเกิดอาการ ... "ลำปางหนาวมาก" ในไม่ช้าก็เร็ว ร้านหนังสือยังเปิดอยู่ครับ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการหนังสือไกด์บุ๊คภาษาต่างประเทศ ทั้งซื้อใช้เอง ฝากเพื่อน หรือ ซื้อไปคืนเพื่อนกรณีขอยืมไปใช้แล้วทำหาย อันมีทั้งโลนลีแพลนเน็ต ราฟไกด์ และอีกมากมายหลายแบรนด์ ทั้งภาษาอังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส ฮีบรูว์ และ อื่นๆ ... ... ค่อนข้างดึกคืนก่อน หนุ่มไทย 1 ในไม่กี่คนแกะรอยจากบล็อกมาจนถึงร้าน จากที่ทำงานแถวรามอินทรา เป็นคนอยุธยารุ่นใหม่อายุเลข 2 กลางๆที่มีไฟอยากทำอะไรมันส์ๆ เพิ่มเติมนอกเหนือไปจากงานประจำในธุรกิจหนังสือพิมพ์กีฬาขาใหญ่แห่งหนึ่ง ก็เลยไปสมัครเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติม และแวะมาที่ร้านเพื่อหาหนังสือชุดแฟนตาซี-แอดเวนเจอร์ของ เอ็ดการ์ ไรซ์ โบโรว์ส
John Carter of Mars - Fantacy adventure รุ่นคุณปู่ใส่กางเกงขาสั้น ... ฉลองอายุ 1 ศตวรรษในปี 2012 นี้เอง
John Carter เวอร์ชันภาพยนตร์ของดิสนีย์ที่ลงทุนเกือบ 250 ล้านดอลลาร์ แต่น่าจะขาดทุนไม่ต่ำกว่า 200 ล้านดอลลาร์ หลังจากนั่งคุยกันนานกว่าชั่วโมง ก็พบว่าคุยกันรู้เรื่อง คลื่นความถี่พอปรับจูนให้สื่อสารกันได้ไม่่ต่างกันมากนัก ประสพการณ์ของคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนไม่ต่ำกว่า 1 รอบบางส่วนก็ถูกแชร์ให้ไปลองพิจารณา เลือกๆดู ประมาณว่า - อายุยังน้อย ก็ทำให้เต็มที่ เหนื่อยให้เต็มที่ มีเวลา มีโอกาสให้ได้ลองอีกพอสมควร - วางแผนชีวิต และประเมินตัวเองเรื่อยๆ พิจารณาดูว่าโอเคไหม พอใจหรือเปล่า - ถ้าไม่พอใจก็ค่อยๆคิดว่า เอาไงต่อ ไปได้อีกไหม มองหาตัวช่วยแล้วค่อยๆเอามาต่อยอดไป - โดยเฉพาะเรื่องภาษา ฝรั่งต่างชาติก็มีเก่ง ไม่เก่ง ไม่ต่างจากเราคนไทย ถ้าเรียนมาแล้วไม่หาเวทีให้ลองใช้ ลองพูด ก็เปล่าประโยชน์น่าเสียดาย - 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ... ..... ....... ........ ก็ไม่รู้ว่าเกือบสองชั่วโมงวันนั้น จะมีมูลค่าเพิ่มอย่างอื่นเกิดขึ้นหรือไม่ รู้แต่ว่าผมได้เลือกหนังสือที่คิดว่าง่ายให้ไปลองอ่านดู 2 เล่ม คือเรื่องที่เคยเอ่ยถึงมาก่อนบ้างในบางบล็อก
หนุ่ม "ดิว" จากรามอินทราที่แกะรอยจากบล็อกมาถึงถนนข้าวสาร กับหนังสือ 2 เล่มที่คงจะทำให้ "อ่านสนุกๆ" ไปอีกพักใหญ่ๆ ...... ข่าวเกี่ยวกับนักร้องไทยที่ไปโ่ด่งดังอยู่ที่เกาหลี แล้วเกิดมีปัญหาเรื่องการขับรถชนคนจนถูกจับ กับข่าวผู้นำของเกาหลีออกมาขอโทษประชาชน เพราะญาติพี่น้อง คนสนิท ถูกจับจากคดีความเกี่ยวกับเงินๆทองๆ ผลประโยชน์ คอรัปชัน ... ย้อนไปถึงผู้นำคนก่อนที่โดดหน้าผาตาย เนื่องจากความละอายที่คนใกล้ชิดถูกจับจากคดีความเกี่ยวกับเงินๆทองๆ เช่นกัน ทั้งๆที่ตัวเองประกาศอย่างชัดเจนที่จะปราบปรามการทุจริต คอรัปชันให้สิ้นซาก ทำให้เกิดความคิดเกี่ยวกับเกาหลีขึ้นมา 2 อย่าง 1) คนของเกาหลีมีคุณภาพที่ "แตกต่าง" จากคนของเราค่อนข้างมาก .... ดีกว่า แย่กว่า ก็แล้วแต่มุมมองครับ กรุณาคิดกันเอาเอง ผมว่าแต่ละคนมีวิจารณญาณของตัวเอง 2) ผมจำได้ถึงลูกค้านักท่องเที่ยวชาวฟินแลนด์ 3 คน ที่มาที่ร้านเมื่อปีก่อนได้ค่อนข้างชัด ... ทั้ง 3 เป็นนักศึกษาไปเรียนที่เกาหลี สาขาประมาณเมคานิกส์หรืออะไรนี่แหละ มาเที่ยวระหว่างปิดภาคเรียนหลายสัปดาห์อยู่ เข้ามารุมอยู่ในร้านกันอยู่นานก่อนที่จะเลือกเอาโลนลีแพลนเน็ตไปได้ 3 เล่ม ทั้งเวียตนาม 2009 / ฟิลิปปินส์ 2009 และ อินโดนีเซียไปอีกเล่มหนึ่ง ไม่รู้ปีอะไร ... เท่าที่คุยก็ประมาณว่า อาหารก็พอใช้ได้ วิวธรรมชาติก็พอมีสวยอย่างในหนังนั่นแล แต่ผมได้ถามไปประโยคหนึ่งว่า "เฮ้ ผมถามคุณหน่อยสิ เท่าที่ผมเห็นหนังเกาหลี ภาพยนตร์มีผู้คนหน้าตาดีๆ ธรรมชาติบ้านเมือง และหลายๆอย่างจนเป็นกระแส เกาหลีฟีเวอร์ กลืนประเทศไทยไปจนแทบหมดแผ่นดินอยู่แล้ว ... ทุกอย่างมันเป็นอย่างนั้นจริงๆเหรอ มันดูดีอย่างนั้นจริงๆเหรอ" ทั้ง 3 หัวเราะขำออกมาพร้อมๆกัน แล้วแย่งกันตอบพัลวันประมาณ "No, it's fake. Nothing like the film as you can see. ....... @#$&% ..........." ... ... ... ไม่รู้สิ ถึงผมจะรู้สึกมหัศจรรย์กับเพลง "Nobody" ของทั้ง 5 สาววันเดอร์เกิร์ลส์และนั่งดูมิวสิกวิดีโอของพวกเธอ รวมทั้งคลิปคนนั้นคนนี้เกือบทั่วโลกเลียนแบบท่าเต้นอันสุดแสนจะสมบูรณ์แบบนั้นได้อย่างเพลิดเพลิน แต่ ... ผมเคาะแป้นพิมพ์ ปิดหน้าจอข่าวหนังสือพิมพ์ ก่อนคลิกแป้นหาสหายในโลกออนไลน์ "Youtube" นั่งไทม์แมชชีนย้อนกลับไปเกือบ 20 ปีก่อน ผมว่า "อัศวินม้าไม้" ของ "The must" นั้น มันส์ ถูกรสนิยมกับซาวนด์ของชาวอัลเทอร์เนทีฟยุคนั้น และผมว่าเสียงอินโทรจากจังหวะกลองของ "เชษฐ์" จาก "ดีเกินไป" ของ "Smile buffalo" มันหนักแน่นชวนให้ขยับเท้าตามอย่างได้อารมณ์ดีจริงๆ
Smile buffalo - ควายยิ้ม ... เลิกพูดได้ไหม ว่าฉันดีเกินไป ... นั่นหรือเหตุผลที่ให้ได้ ไม่รักก็อย่าทำเห็นใจ ... ถ้าเลือกจะไป แค่บอกความจริงเท่านั้น ... อย่ามาฆ่ากันด้วยคำว่า ดีเกินไป
ปล. ใครมีหนังสือชุดของ จอห์น คาร์เตอร์ ... ถ้าไม่อ่านแล้ว ก็รบกวนเอามาแลกหนังสืออื่นไปอ่านได้ แต่ถ้าไม่ถูกใจ จะแลกไข่ แลกข้าว ที่ร้านก็ได้นะครับ เผื่อวันหลังพ่อหนุ่มแวะมา
Create Date : 13 สิงหาคม 2555 |
Last Update : 17 สิงหาคม 2555 21:28:44 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1968 Pageviews. |
|
|