Group Blog
 
<<
มกราคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
4 มกราคม 2555
 
All Blogs
 
ร้านหนังสือในข้าวสาร ... ตอนปีใหม่กับสาวสวีเดน so cute

สวัสดีปีใหม่ครับ คุณผู้อ่านที่รักทุกท่าน ยินดีต้อนรับกับปี 2012 ปีสุดท้ายในปฏิทินมายา / ปี 2555 เรียกว่าปีแห่งเสียงหัวเราะน่าจะเรียกกำลังใจได้บ้าง แถมฟังดูดีกว่าปีเผาจริง ปีมังกรไฟ ปีแห่งความ .... สารพัดจะย่ำแย่ ของคุณหมอโสรัจจะ / คุณพี่ปลาบู่ / คุณปู่ .... ทั้งหลาย

เอาน่ะ ถึงปีนี้จะเป็นยังไงก็ขอให้ มีสติอยู่กับตัว เอาความดีเป็นที่ตั้ง ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และยิ้มสู้เข้าไว้ก็แล้วกัน เหมือนกับคติประจำตัวของพราน รพินทร์ว่าไว้

"เป็นการง่าย ยิ้มได้ ไม่ต้องฝืน ... เมื่อชีพชื่น เหมือนบรรเลง เพลงสวรรค์
แต่คนที่ คนชม นิยมกัน ... ต้องใจมั่น ยิ้มได้ เมื่อภัยมา"

ผ่าน "คืนข้ามปี" มาหลายวันแล้ว ก็ยังยินดีที่ยังมีชีวิตอยู่ครับ อวัยวะยังครบ 32 กินอิ่มได้ นอนหลับได้ และยังไม่มีอุบัติภัยใดๆมาแผ้วพาล

ร้านหนังสือก็ยังเปิดอยู่ตามปกติครับ แม้จะปิดบ้างเป็นบางช่วง บางวัน ในช่วงหกวันอันตราย 29-30-31-1-2-3 จากกิจธุระที่ต้องไปสวัสดีปีใหม่กับญาติผู้ใหญ่หลายท่าน พร้อมๆกันนั้นผมคิดว่าของขวัญปีใหม่ปีนี้ที่เป็นอาหารทะเลสดอันได้แก่ ปลากะพง-กุ้ง-ปลาหมึกสด จากตลาดปากน้ำนั้น ดูโอเคดีครับ ถูกใจคนให้มากกว่าอย่างอื่นๆ เพราะมันสด และคุณค่าทางอาหารสูง ไม่ต้องปรุงแต่งหลอกตาด้วยแพ็คเกจสวยๆ ไม่ว่าจะเป็นกระเช้า หรือรังนก ... (แล้วแต่ชอบนะครับ ไม่ได้มีเจตนาว่ากัน) ลองคิดดูนะครับ เมนูปลากะพงนี่แจ๋วๆทั้งนั้นเลย เพราะขนาดไซส์ 1 กิโลกรัมนั้นใหญ่กว่าชามเปลบนโต๊ะอาหาร เนื้อดีไม่มีก้าง ทานง่ายทั้งเด็กและคนแก่ จะนึ่งมะนาวก็ดี จะทอดน้ำปลาก็ได้ หรือข้าวต้มปลาก็โอเค ... ส่วนกุ้งสดนั้นก็สารพัดเมนูจะปรุงอยู่แล้ว ... หรือแม้แต่จะรวมกัน 3 สหายกลายเป็นต้มยำทะเลน้ำใส หรือน้ำข้นก็ไม่เกี่ยงเลย ในเทศกาลปีใหม่นี้ เพราะฉะนั้นผมขอเสนอให้พิจารณากันครับ สำหรับของขวัญปีใหม่แบบง่ายๆ จับต้องได้ กินได้ แถมช่วยให้การจับจ่ายในตลาดพื้นบ้าน ตลาดเช้ามีเม็ดเงินหมุนเวียนดีอีกต่างหากครับ

(ส่วนตรุษจีน ปลายเดือนนี้ ขออนุญาตแนะนำเป็น เห็ดหอม เป็ดพะโล้ หรือไม่ก็ปลาหมึกแห้งท่าจะดีครับ ... เอ๊ะ ตกลงนี่มันบล็อกอะไรกันแน่ ชัก งง ... )

..........

กลับมาที่ร้านหนังสือกันครับ ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ผมนั่งเคาะๆแป้นพิมพ์ดูมิวสิควิดีโอเพลงเก่า "คืนข้ามปี" ของ "ดา เอ็นโดรฟิน" ในยูทูปอยู่หลายรอบ ... โบวี - อัฐมา นั้นแสดงเป็นสาวโสดเจ้าของร้านดอกไม้ได้อย่างลงตัว พอๆกับ เต๋อ - ฉันท์วิทย์ หนุ่มดาราดาวรุ่งเอเชียแห่ง "กวน มึน โฮ" ในบทคนส่งดอกไม้ที่แอบชอบสาวเจ้าอยู่เงียบๆ มิวสิควิดีโอนั้นมีเนื้อเรื่องให้น่าติดตามพอๆกันกับ "ฤดูอกหัก" ของหนุ่มเสียงหล่อไซส์ XL กับ "รอแล้วได้อะไร" ของ 2 สาวจากเวทีประกวดนักร้องขาประจำ โดยเฉพาะดาราสาวนามว่า "รถเมล์-คนึงนิจ" ในมิวสิควิดีโอที่ร้องไห้เกือบตลอดเพลง ...

ขอโทษครับ พอดีเลี้ยวผิดเข้าร้านขายเทปข้างๆ ... รุ่นนี้ยังคงฟังเทปอยู่ครับ อาจมีซีดีปนบ้างเล็กน้อยพอเป็นหน้าเป็นตาบ้าง (จริงๆแล้ว ผมยังเอาเครื่องเล่นวิดีโอพานาโซนิคเครื่องเก่าไปซ่อมที่ร้านอมร สาขาดิโอลด์สยามอยู่เลย ถามพนักงานรับเครื่องก็ทำให้ดีใจที่ได้ทราบว่า ยังมีไดโนเสาร์อีกหลายตัวที่ยังใช้เครื่องเล่นวิดีโออยู่ ... ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ไม่กล้าเอาไปส่งซ่อมที่ห้าง ไม่ได้อายคนขายนะครับ แต่อายคนซื้อคนอื่นๆ ที่เขาอาจจะมายืนเลือกทีวีจอแบน หรือจอแอลซีดีอยู่ข้างๆ)

..........

กลับมาที่ร้านหนังสือกันอีกครั้งครับ ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ผมจบหนังสือใหม่ไปอีกเล่มหนึ่ง มันคือ "วันที่หัวใจกลับบ้าน" ของ "อาจารย์ เสกสรรค์ ประเสริฐกุล" ซึ่งได้ซื้อมาจากร้านหนังสือเดินทางไม่นานมานี้ ก่อนหน้านี้ผมก็ไล่อ่านมาเรื่อยนะครับ เรียกว่าเป็น 1 ในนักเขียนไม่กี่คนที่ซื้อได้เลยโดยไม่ต้องดูเนื้อหาด้านใน แต่ที่ประทับใจจริงๆสำหรับผมน่าจะ "ฤดูกาล" กับ "วิหารที่ว่างเปล่า" ... แต่สำหรับเล่มล่าสุด "วันที่หัวใจกลับบ้าน" เล่มนี้ ผมว่ากลมกล่อมและเหมาะเจาะกับหลายๆอย่างทั้งเวลา สถานการณ์ และวัยของผู้เขียน เหมือนกับของเล่นเด็กที่มีข้อความระบุข้างกล่องว่า "สำหรับเด็กอายุ 6+" คือมันถูกออกแบบมาสำหรับเด็ก 6 ขวบขึ้นไป ถ้าเอาไปให้เด็ก 3 ขวบเล่น เด็กก็ยังไม่รู้วิธีเล่น



หนึ่งในหนังสือที่น่าจะเป็นของขวัญที่ดีในยามนี้

ขอแนะนำให้ซื้อแจกเป็นของขวัญได้เลยครับ ว่าแล้วผมก็เก็บเข้าไปรวมกับรายชื่อหนังสือดีที่ควรเป็นของขวัญอันได้แก่ เฒ่าผจญทะเล ฉบับแปลโดย วิทย์ ศิวะศริยานนท์ / สิทธารถะ ฉบับแปลโดย สีมน และ ดวงตาในกระจก ของคุณอธิคม คุณาวุฒิ



เฒ่าผจญทะเล ฉบับแปลโดย วิทย์ ศิวะศริยานนท์



สิทธารถะ ฉบับแปลโดย สีมน



"กี่ครั้งที่เราสบตาคนในกระจก ... กี่หน ... ที่เราได้คำตอบจากดวงตาคู่นั้น" ... ดวงตาในกระจก / คุณอธิคม คุณาวุฒิ

ช่วงวันปีใหม่ที่ผ่านมา 2 สามี-ภรรยาคู่หนึ่ง แวะเข้ามาในร้านเพื่อแลกหนังสือไกด์บุ๊ค คนภรรยานั้นเดินเลือกดูหนังสือเกือบทุกชั้น ส่วนสามีกลับนั่งสบายทอดสายตามองไกลๆไปยังถนนข้าวสารผ่านกระจกหน้าร้าน หลังจากทักทายโอภาปราศรัยกันแล้วก็ได้ความว่า ทั้งคู่เป็นชาวอียิปต์ที่เพิ่งเดินทางมาจากประเทศอินเดีย โดยทั่วไปนั้นก็เที่ยวได้สนุกดี แต่หญิงสาวออกตัวบ่นว่าไม่ชอบเมืองกัลกัตตา

"ที่กัลกัตตานี้ ซื้อของไม่สะดวกเลย คุณรู้ไหม มันต่างจากที่นี่มากเลยนะ" เธอพยักเพยิด

ผมขมวดคิ้ว "ทำไมล่ะ"

เธอพ่นเร็วปรื๋อ "ก็ที่นั่นนะ คนขายจะไม่มีวันปล่อยให้คุณเดินมือเปล่า ออกจากร้านไปได้อย่างสบายๆหรอก เขาจะเดินตามพร้อมกับพูดตลอดเวลา ทั้งบรรยายสรรพคุณ ชักชวนจูงใจ หรือพยายามให้เราต่อราคาให้ได้เลย"

ผมถามต่อ "แล้วเมืองไทยล่ะ"

"เมืองไทยนี่ดีกว่ามากเลย เมื่อกี้นี้ ฉันเดินอยู่ในถนนข้าวสารช่วงกลางซอย ลองแวะไปดูของที่ขายแต่ละร้าน ทั้งผ้าคลุมผมบ้าง รองเท้าบ้าง บางร้านก็จะมีคนขายเข้ามาคอยดูอยู่ใกล้ๆ พอฉันบอกไปว่า "ขอดูก่อน" คนขายก็จะยิ้มๆแล้วถอยออกไป ไม่ตามตื๊อจนน่ารำคาญ" เธอเล่าพร้อมโบกมือเป่าปาก

ผมพยักหน้าช้าๆ "เข้าใจล่ะ" พลางนึกย้อนไปถึงสมัยยังนุ่งกางเกงขาสั้นเดินอยู่บริเวณแผงหนังสือแถวสนามหลวง พร้อมๆกับมีผู้ชายสูบบุหรี่เดินตามพลางถามตลอดเวลาว่า "โป๊มั้ยเพ่ๆ"

"ถ้างั้นเดี๋ยวผมไปนั่งรอตรงเก้าอี้ตัวนั้นนะ แล้วถ้าคุณจะสอบถามอะไรละก็ คุณเรียกผมได้นะ" ผมเอ่ยยิ้มๆ อย่างล้อเลียน

เธอหัวเราะก่อนจะเลือกหนังสือต่อ จนกระทั่งได้หนังสือที่ต้องการแลกกับโลนลีแพลนเน็ตอินเดียของเธอที่ใส่กระเป๋าติดตัวมาด้วย

หลังจากทั้งคู่ออกจากร้านไป ผมเจองานยากเข้าให้เป็นการฉลองปีใหม่จากลูกค้าผิวสีอีกคู่ที่เข้ามาถามหาแผนที่โลก ผมยิ้มแล้วเดินไปหยิบฉบับหนึ่งส่งให้จากแป้นหมุนหน้าร้าน

"ไม่ใช่" ชายหนุ่มส่ายหน้าหลังกางแผนที่ออกดู

"ใช่สิ นี่ไงทวีป@#&*%$ ...." ผมร่ายยาวพลางชี้นิ้วลงไปที่ภาษาอังกฤษบนแผนที่

"เราอยากได้แผนที่โลก ที่ทวีปเอเชียอยู่ตรงกลาง" เจ้าของดวงตากลมโตดำขลับตอบมา

ผมยืนงงเป็นไก่ตาแตกพักหนึ่ง พร้อมยิ้มบางๆบนริมฝีปากก่อนเอ่ยตอบไปว่า "เสียใจ ... ไม่มีแล้ว ... ของหมด ... เมื่ออาทิตย์ก่อนนี้เอง" แต่ในใจบอกว่า "แผนที่โลกมันก็มีแต่ อเมริกาอยู่ซ้าย แอฟริกาอยู่กลาง ข้างบนเป็นยุโรป ถัดมาก็อินเดีย ต่อด้วยเอเชีย ขวาสุดเป็นออสเตรเลียนี่หว่า ... มันจะเอาแผนที่แบบไหนของมันวะ"

"งั้นก็ไม่เป็นไร ขอบคุณ" ชายหนุ่มตอบก่อนจะพับเก็บแผนที่แล้วยื่นส่งคืนให้ผม

"ขอบคุณครับ" ผมรับแผนที่ฉบับนั้น พยักหน้าอย่างไม่ยอมเสียเหลี่ยม ก่อนจะเดินไปยัดไว้ที่แป้นหมุนเหมือนเดิม



แผนที่โลกทั่วไป ซ้ายอเมริกา-ขวาออสเตรเลียอยู่แล้ว

หลังจากนั้นผมฟาว์ลไปกับหญิงสาวผู้เลือกหนังสือมือสอง "Deception point" ของแดน บราวน์ไว้ได้แล้ว แต่กลับเพิ่งรู้ตัวว่ากระเป๋าเงินหาย ก่อนจะรีบร้อนออกจากร้านไป ก่อนไปเธอยังอุตส่าห์หันมากำชับว่าให้เก็บหนังสือไว้ให้เธอด้วย เดี๋ยวเธอจะเอาเงินที่ห้องมาให้เป็นค่าหนังสือ

ผมพยักหน้าตอบรับพลางหัวเราะในใจว่า "ไปหากระเป๋าเงินให้เจอก่อนเถอะนังหนู ... แต่ถ้าเกิดเปลี่ยนใจก่อนจะจ่ายตังค์แล้วมาโกหกละก็ ... พ่อจะแช่งให้หายจริงโทษฐานที่มา ทำให้อยากแล้วจากไป" จนเย็นนั้นเธอก็ไม่กลับมา

บ่ายวันนั้น 2 สาววัยรุ่นผมทองตาสีฟ้า ใส่เสื้อกล้ามสีดำกับกางเกงสั้นกุด เดินเข้ามาในร้าน ถามหาแผนที่ประเทศไทยที่มีแผนที่กรุงเทพฯ รวมอยู่ด้วยในฉบับเดียวกัน ผมแกะห่อพลาสติกให้ดูหลายยี่ห้อ ทั้งเพอริพลัส ทั้งเนลล์ และ ... พลางเปรียบเทียบและอธิบายให้ฟังว่า

"ทั้งประเทศไทยและทั้งกรุงเทพฯ รวมฉบับเดียวน่ะมี แต่มันจะไม่ละเอียดทั้ง 2 แผนที่หรอก จะละเอียดแค่อย่างใดอย่างหนึ่งต้องเลือกเอาเอง หรือไม่ก็แยกเป็น 2 ฉบับไปเลยน่าจะดีกว่า"

ทั้งคู่ส่งสำเนียงบ้านเกิดกันอยู่พักหนึ่งก่อนจะได้ข้อสรุปว่า "ซื้อ 2 ฉบับแยกกันดีกว่า"

ผมยิ้มพร้อมหยิบแผนที่ประเทศไทย 1 ฉบับ กับแผนที่กรุงเทพ 1 ฉบับใส่รวมกันลงในถุงพลาสติกพลางบอกราคารวมไป "394 บาท"

คนผมยาวสีทองต่อราคามาว่า "250 ได้ไหม"

ผมชะงักหัวเราะ "นั่นมันลดไปเกือบ 40% เลยนะ ผมลดให้ขนาดนั้นไม่ได้หรอก"

"But we are so cute." สาวน้อยผมยาวเลิกคิ้วสูงพร้อมยิ้มมุมปาก ขณะที่เพื่อนสาวผมสั้นสีดำยื่นมือมาตีแขนเธอเบาๆ ทำนองอย่าต่อเลย ... หรือไม่ก็อย่าต่อโดยเอาความ cute เข้าแลกเลย

ผมกลั้นหัวเราะแทบแย่ กลัวลูกค้าจะเปลี่ยนใจทิ้งแผนที่ไปอีกราย ตอบไปเบาๆว่า "ผมลดได้นิดหน่อยให้คุณ เพราะวันนี้มันวันปีใหม่นี่นะ"

ผมบอกราคาพร้อมส่วนลดไปให้ เธอตกลงจ่ายเงิน ก่อนออกจากร้าน ผมถามไปว่าพวกเธอมาจาก สแกนดิเนเวียนยุโรป ใช่หรือไม่

ดวงตาสีฟ้า ผมสีทอง ตอบว่า "ใช่ เรามาจากสวีเดน"

..........

"But we are so cute." ใครบางคนนั่งหัวเราะอย่างอารมณ์ดี พร้อมยกให้เป็น "สุดยอดประโยคต่อราคา" อันแสนประทับใจแห่งปีใหม่ 2012 นี้




Create Date : 04 มกราคม 2555
Last Update : 8 มกราคม 2555 9:37:27 น. 1 comments
Counter : 28324 Pageviews.

 
อิอิ


โดย: เฟิร์น IP: 101.51.5.129 วันที่: 1 มีนาคม 2557 เวลา:9:06:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jettajan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add jettajan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.