Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2556
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
24 สิงหาคม 2556
 
All Blogs
 
ร้านหนังสือในข้าวสาร ... ตอน Heaven on earth

สวัสดีครับคุณผู้อ่านที่รักทุกท่าน ด้วยความยินดีที่ได้พบกันอีกกับเรื่องเล่าเรื่อยเปื่อยจากร้านหนังสือในข้าวสาร ในกลางฤดูฝนของประเทศไทย แต่เขาบอกว่าที่เซี่ยงไฮ้ร้อนสุดใน 140 ปี เห็นพี่จีนแกลองเอาเนื้อดิบชิ้นหนึ่งมาวางไว้บนพื้น ทิ้งไว้พักหนึ่งเนื้อด้านนั้นโดนความร้อนจนสุก ทำเป็นคลิปวิดีโอลงในยูทูปให้ดูกัน ... แค่นี้จิ๊บๆครับ เจอบ้านเราเข้าใกล้เส้นศูนย์สูตรมากกว่า โฆษณาอบไก่ทั้งตัวในรถคงหงายผึ่ง ... แต่เมืองไทยเราเองเดือนนี้ร้อนใจมากกว่าครับสำหรับผม เพราะแหล่งท่องเที่ยวสวยๆบ้านเราประสพภัยไล่ๆกันภายในไม่กี่วันถึง 2 ที่ 2 จังหวัดเลย คือ สะพานมอญ-สังขละ-กาญจนบุรี กับ อ่าวพร้าว-เสม็ด-ระยอง

สะพานมอญที่สังขละบุรีนั้น ผมยังไม่เคยเยี่ยมเยียนไปถึงเลย เคยไปแบบเรื่อยๆมาเรียงๆถึงแค่ทองผาภูมิเท่านั้น (ได้ไปแช่น้ำพุร้อนผาตาดอยู่เกือบสองชั่วโมง) โดยแท้จริงแล้วมันถูกจัดวางอยู่ในบัญชีรายชื่อเป้าหมายไม่ใกล้ไม่ไกลนี้ รวมๆไว้กับพิพิธภัณฑ์ช่องเขาขาด ที่ชาวออสเตรเลียขอทุนรัฐบาลมาทำไว้เพื่อเป็นที่ระลึกสำหรับการเสียชีวิตของเหล่าเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตรที่ถูกเกณฑ์มาสร้างทางรถไฟทะลุเข้าสู่พม่าในสงครามมหาเอเชียบูรพา เห็นเขาบอกเชลยส่วนใหญ่เป็นชาวออสเตรเลีย กับอังกฤษ ล่าสุดนี่ก็เห็นว่าติดอันดับ 10 ของพิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดในเอเชีย จัดอันดับโดยทริปแอดไวเซอร์ เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานี่เอง

ส่วนสะพานมอญนั้น เห็นบอกว่าเป็นสะพานไม้ยาวที่สุดในประเทศไทย และเป็นอันดับสองของโลกรองจากสะพานอูเป็งในพม่า ... ผ่านการบูรณะซ่อมแซมมาหลายรอบ โดยล่าสุดก็เมื่อไม่กี่ปีนี่เองที่ตีไม้ใหม่เรียบร้อย พร้อมกับติดตั้งเสาไฟฟ้ารูปหงษ์เพิ่มเติมตลอดราวสะพานด้วย มาหน้าฝนปี 56 นี้เองที่เจอมรสุมเข้าทำเอาฝนตกหนักจนพัดสะพานช่วงกลางขาดออกจากกัน หนังสือพิมพ์บางฉบับบอก 30 เมตร บางฉบับบอก 100 เมตร ... ก็เอาเถอะ แต่เห็นบอกว่าจะมีการซ่อมแซมให้กลับมาเหมือนเดิมก็ใจชื้นขึ้นบ้าง ถ้าเหมาะๆเมื่อไหร่อาจได้ไปเยี่ยมเยือน ... ข่าวว่าตอนนี้มีชาวบ้านมาทำแพลูกบวบให้สำรองใช้ก่อน น่าชื่นชมๆ

ภาพประวัติศาสตร์ สะพานไม้สังขละบุรี ที่ขาดกลางเนื่องจากเจอฝนกระหน่ำที่ต้นน้ำหลายวัน ทำเอาแม่น้ำไหลเชี่ยวกรากพัดจนฐานไม้รับแรงไม่ไหว

อีกที่อ่าวพร้าว-เกาะเสม็ด ที่เจอน้ำมันดิบเข้าไปเต็มเปา ... ที่มาที่ไปก็คงเห็นๆกันอยู่แล้ว รวมกับทั้งคำวิจารณ์และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ว่ากันไปครับ ... ตอนนี้เก็บทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วก็ดี เหลือค่าความเข้มข้นปรอท 29 เท่า ต้องดูกันยาวๆครับว่าจะเป็นยังไง ... พูดถึงอ่าวพร้าว ทำให้นึกย้อนไปถึง 24 ปีก่อน ตอนจบ ม.6 ไปเที่ยวค้างอ้างแรมต่างจังหวัดกับเพื่อนๆเป็นครั้งแรก หัดกินเหล้าแม่โขงออนเดอะร็อค จนวันรุ่งขึ้นตัวแดงไปหมดก็ที่อ่าวพร้าวนี่เอง จำได้ว่าสอบเสร็จปิดเทอมแล้ว ก่อนแยกกันไปเรียนตามเส้นทางชีวิตของตัวเอง ต้องฉลองกันหน่อย รอสอบเอ็นทรานซ์อย่างเดียว เลยไปเที่ยวกันอาทิตย์นึง ... ตามประสาเด็กโรงเรียนวัด ไม่มีอะไรมากครับ ชายหาดสวย เล่นน้ำ แบ่งข้างเตะบอล ร้องเพลง เล่นกีต้าร์ ดื่มเหล้า พอเย็นก็เล่นไพ่ "อีแก่กินน้ำ" เสียรู้เพื่อนกินน้ำจนพุงกาง มื้อค่ำก็ไปกินข้าวกันที่ร้านอาหารแถวนั้น จำได้ว่าเพิ่งเคยกินแพนเค็กกล้วยหอมแบบฝรั่งที่เป็นแป้งแบนๆ มีเนื้อกล้วยหอมเป็นแว่นๆทอดมาด้วยกัน ราดด้วยน้ำผึ้งหวานๆก็ที่นี่แหละ อยู่ไปอาทิตย์นึงกลับมาตัวแดง ผิวเกรียมแดด นั่งอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบเอ็นฯต่อ ทิ้งไว้ให้อ่าวพร้าว-เกาะเสม็ดโต้คลื่นสวยกลางอ่าวไทยอยู่อย่างนั้นเอง ... ได้แต่หวังว่า สักวันจะได้กลับไปเยี่ยมเยียนอ่าวพร้าวที่สวยใสเหมือนเดิมเร็วๆ

ภาพถ่ายจากดาวเทียม ณ วันที่ 29 กรกฎาคม เห็นมวลน้ำมันดิบลอยเข้าชายหาดอ่าวพร้าว ฝั่งตะวันตกของเกาะเป็นจุดดำที่วงกลมแดงไว้ พร้อมกับปื้นดำของมวลน้ำมันดิบที่ลอยกระจายไปบนผิวน้ำทะเล ...

(เอ้อ ... ว่าจะไม่พูดแล้ว แต่ไหนๆก็ไหนๆ ขอสักหน่อยละกัน ... ตอนผมทำงานอยู่ที่ทำงานเก่า เป็นโรงงานญี่ปุ่น พอดีมันใช้สารประกอบไซยาไนด์ในสภาพของเหลวเป็นสารเคมีในการผลิตด้วย สารนี้อันตราย ถ้าเกิดกลายเป็นก๊าซไฮโดรเจนไซยาไนด์ขึ้นมา มันมีคุณสมบัติที่จับตัวกับฮีโมโกลบินได้ดีกว่าโมเลกุลของก๊าซออกซิเจน ก็คือจะไปแทนที่กัน ทำให้คนที่ได้รับก๊าซเข้าไปจังๆมีอันตรายได้ อาจหมดสติ อาจถึงเสียชีวิต (ไม่แน่) นอกจากนั้นก็ยังมีโรงงานบำบัดน้ำเสีย และแทงค์ไฟเบอร์อย่างหนาเก็บกรดซัลฟิวริกเข้มข้นสำหรับใช้ในการผลิต คนงานมันไม่กี่ร้อยคนนะครับ แต่พอเราทำระบบสิ่งแวดล้อมของบริษัท มันก็เลยต้องมี "แผนฉุกเฉิน" รองรับด้วยเผื่อสารไซยาไนด์รั่วไหลต้องทำยังไงบ้าง อพยพคนยังไง ระบายอากาศยังไง กำจัดน้ำยายังไง อุปกรณ์ที่เหมาะสม เวลาเท่าไหร่ ... บริษัททั่วๆไปก็มีนะครับ เรื่อง "แผนฉุกเฉิน" เนี่ย อย่างน้อยก็รองรับกรณี "ไฟไหม้" ต้องอพยพคน ต้องดับไฟ ต้องเก็บกู้ส่วนเสียหาย ... คือถ้าไม่พูดถึงประเด็นอื่นๆ ข้อมูลจริง-ไม่จริง สื่อเสนอข่าวกระทบ บลาๆๆ เอาเฉพาะตัวปัญหาทางเทคนิคอย่างเดียว ก็น่าจะต้องพิจารณาบางประเด็นเป็นพิเศษนะครับ เช่น ท่อมันรั่วได้ไง อุบัติเหตุมีอะไรไปเกี่ยวทำท่อขาด (จะป้องกันยังไง) หรือท่อมันหมดอายุ-ควรต้องทำ "PM" ท่อหรือเปล่า (ซ่อมบำรุงเชิงป้องกันน่ะครับ) / ตอนจะใช้ท่อน่ะ มันมีวิธีตรวจสภาพท่อก่อนใช้ได้ไหม (วิศวกรมีเยอะ ความรู้ก็น่าจะเยอะ น่าจะมีวิธีเช็คได้) ... ผมว่าถ้าทีมเอ็นจิเนียร์ที่รับผิดชอบลองดูดีๆ น่าจะมีวิธีที่เหมาะนะ งบประมาณที่ต้องลงไปไม่น่าจะเป็นปัญหาของที่นั่น มนุษย์เรามันเก่งก็ตรงที่เรียนรู้จากประวัติศาสตร์ได้นี่เอง น่าจะป้องกันไม่ให้เป็นซ้ำได้อีก ยังไงมันก็เป็นบ้านที่คุณทำมาหากิน เลี้ยงปากเลี้ยงท้องอยู่ ทำให้มันดีๆหน่อยก็คงดี)

ร้านหนังสือยังเปิดอยู่ครับสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการหนังสือไกด์บุ๊คภาษาต่างประเทศเอาไปใช้กัน ทั้งมือหนึ่ง มือสอง ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน สเปน ฮีบรู รวมทั้งเฟรสบุ๊ค แผนที่ เดือนนี้มีการลดราคาปกใหม่ 20 เปอร์เซ็นต์ด้วย ก็ทำให้มีลูกค้าฝรั่งแวะเวียนเข้ามามากขึ้น นี่ก็เพิ่งมีหนุ่มน้อยผมทองคนหนึ่งเข้ามาเอาโลนลีแพลนเน็ตไทยแลนด์ปกล่าสุดมาเทรดเป็นโลนลีแพลนเน็ตเกรทบริเทนปกใหม่ไป ไล่หลังจากหนุ่มสาวอีกคู่หนึ่งซึ่งเบิ้ลสองไปกับโลนลีแพลนเน็ตจอร์แดนกับโลนลีแพลนเน็ตอิสราเอลแอนด์ปาเลสติเนียนเทอร์ริทอรีส์ เห็นบอกว่าไปมาหลายร้าน หาไม่ได้เหมือนกัน

เดือนก่อนหนังสือที่สั่งไว้ได้ส่งมาถึง 2 กล่อง ไม่มากนักครับแต่พิมพ์ใหม่ ภาพปกสวยดูดี ไม่ว่าจะเป็น บาหลีแอนด์ลมบค บอร์เนียว เซาท์แปซิฟิก ปาปัวนิวกินี เยอรมัน ฝรั่งเศสและแน่นอนครับ อินโดนีเซีย กับ ไชน่า เล่มหนาปึ้ก ก็มาถึงเช่นกัน โดยเฉพาะบาหลี กับ เซาท์แปซิฟิก ที่ปกสวยชวนฝันมาก ฉบับหนึ่งเป็นภาพหุบเขาเขียวชอุ่มปกคลุมไปด้วยหมอกขาวบนเกาะ ส่วนอีกฉบับหนึ่งเป็นชายหาดสวยใส-ทรายขาวละเอียด

ภาพชายหาดของหมู่เกาะเซาท์แปซิฟิก กับหุบเขาบนเกาะบาหลี บนหน้าปกโลนลีแพลนเน็ตฉบับใหม่ สวยดี น่าไปเยี่ยมไปเยือนสักวัน

บ่ายวันนึงหญิงสาวผิวสีน้ำผึ้ง สวมชุดสบายๆเป็นกระโปรงยาวกับรองเท้าแตะ สะพายย่ามเดินเข้ามาในร้าน ผมมวยรวบลวกๆไว้บนศรีษะ เธอเดินเข้ามาถามหาหนังสืออ่านเล่นฆ่าเวลา เป็นภาษาอังกฤษสักเล่ม เธอบอกว่า

"ฉันเดินทางคนเดียว เบื่อจะแย่อยู่แล้วเนี่ย" เสียงบ่นพร้อมเป่าลมพรูออกจากปาก

"ผมมีหนังสือใหม่ หนังสือมือสอง ฟิกชั่น แฟนตาซี ทรูสตอรี และ ... คุณสนใจประเภทไหนล่ะ" ผมถามยิ้มๆ หมุนพัดลมมาให้

"เอาแบบราคาไม่แพงน่ะ มีไหม" เธอตอบพร้อมทำมือราคาต่ำๆ

"ถ้างั้นคุณลองดูด้านล่างแล้วกัน" ผมชี้ให้ดูแถวของหนังสือที่วางตั้งโชว์สันไว้บนพื้นกระเบื้องในร้านทั้งสองด้าน แล้วชี้ไปที่เก้าอี้พลาสติกตัวเล็ก

"เยี่ยมเลย" เธอว่า เดินไปวางสัมภาระทั้งหมดบนพื้น ถอดรองเท้า แล้วทรุดตัวลงนั่ง ... พับเพียบลงไปบนพื้น พร้อมกับขยับเก้าอี้พลาสติกตัวน้อยออกไปทางหนึ่ง ... แทนที่จะนั่งลงไปบนเก้าอี้

ผมยกมือชี้ แล้วขยับปากจะบอกให้เธอนั่งบนเก้าอี้ดีกว่า ด้วยเกรงใจ ... เรื่องอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สนใจนัก เห็นพื้นร้านสะอาดดีอยู่ก็นั่งพับเพียบแปะและก้มลงไปเลือกเล็งหนังสืออย่างขะมักเขม้น เป็นที่น่าหวาดเสียว บอกไม่ถูก

พักใหญ่ ... เธอจึงได้หนังสือที่เธอต้องการ "Heaven on earth" จำได้ว่าเรื่องราวน่าจะเกี่ยวกับทหารอเมริกันที่พบรักกับสาวเวียตนามกลางสงคราม คล้ายจะพากลับอเมริกาไปด้วย เวอร์ชันภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดนำแสดงโดย ทอมมี ลี โจนส์

"คุณมาจากที่ไหนนี่ ผมเดาว่าเป็นคนเอเชีย" ปากผมชวนคุย ขณะที่หยิบเงินทอนให้เธอ

"ฉันเป็นคนฟิลิปปินส์ แต่เกิดที่แคนาดา มาเที่ยวเมืองไทยครั้งแรก ... เนี่ย มาคนเดียวไม่ได้คุยกับใคร เบื่อมากเลย" เธอตอบพร้อมยิ้มสดใส

"ผมมีหนังสือภาษาตากาล็อกอยู่เล่มนึง ถ้าคุณกลับมาอีก วันหลังเดี๋ยวผมหาให้" ผมบอกเธอยิ้มๆ

"เหรอ คุณมีด้วยเหรอ ภาษาบ้านฉัน" เธอว่าทำตาโต

"ใช่จำได้ มีอยู่เล่มนึง แต่ไม่รู้อยู่ไหนแล้ว เพราะไม่ค่อยมีชาวฟิลิปปิโนส์มาเที่ยวที่นี่" ผมยักไหล่พร้อมอวยพรให้เธอเดินทางโดยสวัสดิภาพ

จำได้ว่าอีกประมาณ 3 วันหลังจากนั้น เธอกลับมาอีกทีพร้อมกับเพื่อนสาวฝรั่งผมทองคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าไปรู้จักกันยังไง แต่ดูเหมือนว่าสาวปินส์ให้หนังสือเล่มนั้นมารวมกับเฟรสบุ๊คมือสองของเพื่อนฝรั่งเพื่อขอส่วนลด "Eat Pray Love" เล่มใหม่ของเอลิซาเบท กิลเบิร์ท ... ผมตกลงหลังต่อรองราคาเรียบร้อย พร้อมกล่าวยินดีกับเธอที่ได้เพื่อนใหม่ระหว่างการเดินทาง


"Heaven on earth" ... สวรรค์บนดิน หนังชีวิตอันมีสงครามเวียตนามเป็นปฐมเหตุ


ลูกค้าสาวฟิลิปปินโนส์ นั่งพับเพียบลงบนพื้นร้านอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย


... แต่ น่าหวาดเสียวเป็นที่ยิ่ง SmileySmileySmiley

ก่อนวันที่สะพานขาด สาวหมวยจีนใส่แว่นคนหนึ่งเข้ามาที่ร้านและซื้อหนังสือดีในตำนานไป "One hundred years of solitude" - หนึ่งร้อยปีแห่งความโดดเดี่ยวของมาเกวซในเวอร์ชันภาษาจีนเล่มนั้น มันเป็นบุพเพสันนิวาสของหญิงสาวกับหนังสือ ... ใช่ครับ หนังสืออ่านภาษาจีน ผมมีเล่มนี้อยู่เล่มเดียว นอกเหนือจากไกด์บุ๊คกับแผนที่ภาษาจีนที่วางอยู่ติดกันไม่มากนัก เธอเดินเข้ามาวนอยู่ 1 รอบ โดยไม่ได้พูดถามอะไรกับผมสักคำ ก่อนจะหยุดตรงมุมที่ผมเขียนป้ายภาษาจีนติดไว้และหยิบมันขึ้นมา ดูปกหน้า สันปก พลิกดูราคาปกหลังและชำระเงินอย่างยิ้ม ... ผมเองก็ส่งหนังสือให้เธออย่างยิ้มเช่นกัน "Good book" ผมกล่าวบอกเธอพร้อมกับยกนิ้วหัวแม่มือให้ รอยยิ้มสดใสของหญิงสาวสว่างขึ้นอีกและพยักหน้าก่อนออกจากร้านไป ... 

... ถึงแม้ว่าผมจะไม่เคยได้ยินเสียงของเธอ ไม่ว่าเธอจะพูดไทยไม่ได้ หรือพูดอะไรไม่ได้ ... ผมก็ยังคงยิ้มอยู่ดี SmileySmileySmiley

... โอ๊ะ โอ๊ะ ไม่ใช่ครับ ยิ้มไม่ใช่แบบนั้น

... ผมยิ้มแค่นี้เอง SmileySmileySmiley

เจตตจัน

085-8035412

087-0719858

jettajan227@yahoo.com




Create Date : 24 สิงหาคม 2556
Last Update : 24 สิงหาคม 2556 20:55:51 น. 1 comments
Counter : 1352 Pageviews.

 
thx u crab


โดย: Kavanich96 วันที่: 25 สิงหาคม 2556 เวลา:3:49:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jettajan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add jettajan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.