Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
3 กรกฏาคม 2554
 
All Blogs
 
ร้านหนังสือในข้าวสาร ... ตอน คืนหมาหอน

สวัสดีในวันชุ่มฉ่ำกลางฤดูฝน และยินดีที่ยังมีชีวิตอยู่พร้อมอวัยวะครบ 32 ประการ

ผมนั่งอยู่ในกระจกหน้าร้าน มองผ่านสายฝนพร่ามัวเข้าไปในถนนข้าวสาร ถนนสายความฝันที่เหล่านักท่องเที่ยวทุกชาติพันธุ์ปรารถนาจะแวะเวียนมาให้ได้สักครั้ง ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ถนนข้าวสารก็ยังคงอยู่และไม่เปลี่ยนไป

บางมุมอาจจะดูน่าเกลียด ลูกค้าหลายคนปฏิเสธไม่ยอมพักที่นี่ ในถนนข้าวสาร เพราะไม่นิยมแสงสีและความวุ่นวาย หากแต่ปลีกตัวออกไปแถวถนนพระอาทิตย์ ติดแม่น้ำเจ้าพระยาบ้าง สวนสันติชัยปราการบ้าง หรือข้ามคลองบางลำพู ผ่านตลาดนานาไปยังถนนสามเสนที่เงียบสงบ แถวนั้นก็มีที่พักราคาเยาว์ให้บริการอยู่ไม่น้อย

เนื่องจากอยู่ที่นี่ ผมเคยเจอกับตัวเองหลายครั้ง กับเหตุเลือดตกยางออก ทั้งกับคนไทยและคนต่างชาติ

ประมาณต้นปี '54 นี่เอง ผมผ่านเข้าไปในช่วงหัวค่ำ ช่วงที่ผู้คนกำลังพลุกพล่าน ประมาณกลางซอย เยื้องสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ร่างสูงผอม-ผมทอง ของนักท่องราตรีคนหนึ่ง ปลิวออกมาจากข้างทางพร้อมกับชาย 3 คนในชุดซาฟารีวิ่งถลันตามมา คนหนึ่งมีท่อนวัตถุของแข็งอะไรสักอย่างในมือ อีกคนถือเก้าอี้พับตามมา ทั้งสองตามกระหน่ำฟาดลงไปที่หนุ่มผมทอง สามัคคีกับอีกคนหนึ่งที่แม้จะมือเปล่า แต่ก็ร่วมวงใช้บาทาเป็นอาวุทธร่วมด้วยช่วยกัน ....... ไม่กี่อึดใจต่อมา หนุ่มผมทองก็คว่ำลงไปกองกับพื้น แขนข้างหนึ่งบิดอยู่ด้านหลัง เลือดจากศรีษะไหลนองลงพื้น ในขณะที่ 3 สามัคคีถอนตัวก้าวเนิบๆ กลับไปยังทางเข้าร้าน โดยไม่ได้ยี่หระต่อสายตาหลายสิบคู่โดยรอบ สักพักก็มีหญิงสาวคนไทยตามมา ด่าทอไปยังร่างที่กองอยู่พร้อมกับแสดงอาการเหมือนกับจะเข้าไปซ้ำให้หายแค้น โดยมีหญิงต่างชาติสูงวัยพยายามกันตัวเธอไว้ไม่ให้เข้าถึงร่างๆนั้น สักพักใหญ่ๆ ถึงปรากฏร่างของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ตามมาด้วยรถพยาบาลพาคนเจ็บออกไป ..... ห่างออกไปหลังคลื่นคนไม่ไกลนัก นักฟุตบอลยังคงโชว์ทักษะเดาะลูกบอลติดพันอยู่ต่อไป

แว่วๆจากคนที่เห็นเหตุการณ์ว่า ในผับใกล้ๆกันนั้น มีคนเมามายคุมสติไม่อยู่ มีคนถ่มน้ำลายและตบหน้านักท่องเที่ยวเพศหญิง ก่อนจะมีการสหบาทาเกิดขึ้น ใครเป็นใครนั้น ... ไม่ต้องพูดถึง ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เพียงแต่ผมไม่แน่ใจว่ามันเป็นเรื่องที่เข้ากันได้หรือเปล่าระหว่าง สถานที่ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศที่นักท่องเที่ยวน่าจะปลอดภัย กับแหล่งท่องราตรีที่มักจะมีการกระทืบคนเมากันทุกบ่อยๆ

หนักไปกว่านั้น น่าจะเป็นปีก่อน ฝรั่งหนุ่มร่างใหญ่คนหนึ่งถูกอัดล้มลุกคลุกคลานผ่านหน้าร้านไปใกล้ๆ โดยชายไทย 3-4 คน ก่อนจะถูกกันตัวไว้ได้โดยตำรวจ เสียงตะโกนฟ้องตำรวจ ประมาณว่า "ฉันจ่ายเงินให้เขาไปแล้วๆ" ทั้งนี้ทั้งนั้น แจ้งให้ทราบก่อนว่า ฝั่งตรงข้ามกับร้านของผมคือ "สถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม"

..................

ในบางมุมก็ดูน่ารักนะครับ ไม่ว่าจะเป็นวันดีคืนดี ก็จะมีนักเต้นฮิปฮอปสัญชาติไทยตัวเล็กตัวน้อย ยกพลมาแสดงโชว์กันให้ดูฟรีๆกลางซอย ให้ได้เห็นฝีมือเด็กไทย หัวใจเกินร้อยกันสะบ้าง ซึ่งปกติแล้วแก๊งค์นี้จะมีขาประจำอยู่ที่สวนสันติชัยปราการกัน น่าจะทุกเย็น ... ไอ้ประเภท กางเกงหลวมติดสะโพก หมวกไหมพรม มือแปๆ เปิดเพลงจากเครื่องเล่นเทป เต้นตามจังหวะ กวาดตัวเป็นวง แล้วเอาแขนข้างเดียวยันพื้น ตัวลอยพร้อมขาชี้ฟ้านั้น .... ใช่เลย สมัยก่อนนี้ตอนที่ "ร้านหนังสือเดินทาง" ยังอยู่ที่ถนนพระอาทิตย์ ผมยังเคยไปยืนดูเด็กๆเต้นอยู่บ่อยๆเลยครับ หลังจากจมอยู่ในร้านหนังสือจนพอใจ

หนึ่งในความประทับใจก็น่าจะเป็นวงดนตรีคนตาบอด ที่มาแสดงสดอยู่ฝั่งตรงข้ามร้าน ตรงหัวโค้งฟุตบาทหน้าโรงพักฯ ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกจะ 2 ครั้งแล้ว วงนี้เล่นได้ทั้งเพลงไทยและเพลงฝรั่ง จึงมีคนมามุงดูกันเยอะมากทั้ง 2 ครั้ง เริ่มเล่นตั้งแต่ 6 โมงเย็นจนถึงประมาณเที่ยงคืน เรียกว่ายืนกันเมื่อย ไม่เลิกก็ไม่กลับกันเลยทีเดียว

..................

วันนี้มีลูกค้ามากกว่าทุกวัน ในช่วงโลว์ซีซัน โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าอิสราเอลที่มาเทิร์นหนังสือโลนลีแพลนเน็ตออสเตรเลียฉบับภาษาฮีบรูว์ ทั้งหมดเพิ่งมาถึงประเทศไทย ผมสังเกตุเห็นคนหนึ่งมีกล่องหม้อหุงข้าวติดมาด้วย มองขมวดคิ้วอยู่พักหนึ่งจึงตัดสินใจถามไปว่า

"เฮ้ คุณเดินทางโดยมีหม้อหุงข้าวพกติดไปด้วยหรือ" ก็สภาพมันไม่ใช่ของใหม่ ไม่น่าจะใช่ของฝากนี่นา ผมคิดในใจ

"ใช่แล้ว คุณคิดถูก" สาวตาคมตอบมา

"ทำไมล่ะ" ผมเลิกคิ้วถาม

"ศาสนาเรา ประกาศไว้ว่าคนยิวต้องกินอาหารที่ทำเอง ดังนั้นเราจึงหุงข้าวกินเอง" เธออธิบายพร้อมยิ้มมุมปาก

"แต่ปกติผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลยนะ" ผมถามต่อ

"อันนี้ก็แล้วแต่ว่า ใครจะเคร่งหรือไม่เคร่งในข้อปฏิบัติน่ะ" เพื่อนอีกคนของเธอช่วยตอบมา

"ผมเข้าใจแล้ว แสดงว่าคุณเข้มงวดในการปฏิบัติ" ผมตอบพร้อมพยักหน้า ในใจคิดว่าก็คงคล้ายๆกับคนที่ผมรู้จัก คนมุสลิมบางคนที่กินหมู คนมาเลย์บางคนที่ข้ามฝั่งมากินเหล้า-เที่ยวผู้หญิงที่เมืองไทยเป็นประจำ หรือแม้กระทั่งพระไทยบางรูปที่หย่อนวินัยสงฆ์

ผมนึกขึ้นได้ถึงลูกค้าสาวชาวอิสราเอลคนหนึ่งซึ่งมาดูหนังสือที่ร้าน วันนั้นเธอบอกว่า "คุณเก็บหนังสือเล่มนี้ไว้ให้ด้วยนะ พรุ่งนี้ฉันจะมาซื้อ" ผมถามไปว่าทำไมเธอไม่ซื้อไปวันนี้เลย เธอบอกว่าวันนี้ฉันห้ามใช้เงิน ผมยังถามไปขำไปว่าทำไมเป็นอย่างนั้น เธอว่าเพราะเป็นวันซับบาธซึ่งเป็นกฎของคนยิว

หลังจากลูกค้าชาวอิสราเอลกลุ่มนั้นกลับไป ผมเอาโลนลีแพลนเน็ตออสเตรเลียเล่มนั้นมาดู หน้าปกเป็นรูปถ่ายระยะใกล้ครึ่งหน้าของเด็กผิวดำ ป้ายแป้งไว้ที่แก้ม 2 จุด นึกไปถึงนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียคนหนึ่ง เข้ามาคุยกันนานจนเมื่อยขา เนื่องจากยืนคุยเพลิน

หน้าผากสูงเล็กน้อย บุคลิกคล้ายๆ เมล กิบสัน ตอนที่รับบทตำรวจยอดระห่ำในหนังเรื่อง ริค-คนมหากาฬ เวลาพูดมักจะเบะปาก ยักไหล่ บอกนิสัยไม่ค่อยน่าคบ สำเนียงออสซีฟังยากนิดหน่อย แต่เราก็คุยกันถูกคอ

เขาบอกว่าเขามาเมืองไทยบ่อย เพราะมีภรรยาเป็นคนไทย ภรรยาของเขาสวย ผมถามไปว่าคุณไม่ชอบสาวผิวขาวชาวออสซีหรือ เขาเล่าปนนินทาอย่างแรงว่า "คุณรู้ไหม สาวๆออสซีนะ เธอจะอิสระมากเรื่องชีวิตรัก สาวๆเหล่านี้มักจะไปปาร์ตีกันทุกสัปดาห์ นั่นหมายความว่าทุกวันศุกร์เนี่ย ก็จะนัดกันไปกินเหล้ากันขนาดหนัก พร้อมกับหาผู้ชายไปนอนด้วย 1 คืน ที่เรียกว่า "วันไนท์สแตนด์" น่ะ แล้วพอสัปดาห์ถัดไปก็เปลี่ยนคนใหม่ เป็นอย่างนี้ทุกสัปดาห์ แล้วคุณคิดดูสิว่าพอพวกเธออายุสัก 30 เนี่ย ก็จะดูแก่โทรม ราวๆกับอายุสัก 40 ผมไม่เอาหรอก ... เพราะฉะนั้น ผมจึงบอกคุณไงว่า ภรรยาคนไทยนั้นสวยกว่าอย่างแน่นอน ภรรยาของผมอายุ 28 เอง ขนาดลูก 2 แล้วนะ"

ผมฟังไปก็คิดตาม อ้าปากค้างพลางหัวเราะเป็นวรรคเป็นเวร

หนุ่มใหญ่ออสซีกล่าวต่อมาว่า "นอกจากนั้นนะ ผมว่าเมืองไทยนี่ยังมีอย่างอื่นดีๆอีกด้วย โรงพยาบาลก็แจ๋ว"

ผมถามไปยิ้มไปว่า "ยังไงเหรอ"

ชายหนุ่มหัวเราะพร้อมเล่าต่อมาว่า "ตอนภรรยาของผมท้องนะ เธอบอกว่าต้องกลับมาคลอดที่เมืองไทย ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไม เพราะเธอคลอดที่ออสเตรเลียก็ได้ ค่าใช้จ่ายก็มีสวัสดิการของผมอยู่แล้ว แล้วทำไมต้องเสียเงินทั้งค่าเดินทางมาเมืองไทย ทั้งค่าโรงพยาบาล เธอก็อธิบายหลายอย่าง พร้อมทั้งยืนยันว่ายังไงก็ต้องมา ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกแต่ก็ตามใจ "

"แล้วยังไงต่อ" ผมยิ้ม

"พอกลับมา เธอก็ทำเรื่องขอคลอดที่โรงพยาบาลราชวิถี ตอนคลอดเนี่ย ผมก็เข้าไปดูด้วย ก็มีนางพยาบาลดูแลอยู่ แต่ภรรยาของผมเบ่งนานมาก เด็กก็ยังไม่ออกเสียที ผมก็ไม่รู้ว่าเธอเป็นยังไงบ้าง จะผ่าหรือเปล่า จนกระทั่งพยาบาลที่ดูแลอยู่โทรศัพท์เรียกคนมาช่วยนั่นแหล่ะ" ชายหนุ่มเว้นระยะแล้วว่าต่อ

"คนที่เข้ามาเป็นใครผมก็ไม่รู้นะ แต่ดูรู้ว่าเป็นคนแก่ จะเป็นหมอหรือพยาบาลอาวุโสก็ไม่แน่ใจ เธอเข้ามาดูๆจับๆอยู่พักนึง เสร็จแล้วก็ขึ้นคร่อมบนท้องของภรรยาของผม แล้วโน้มตัวพร้อมทิ้งน้ำหนักกดมือลงไป ขยับๆอีก 3-4 ที เท่านั้นแหล่ะ เด็กก็คลอดออกมาเลย ผมว่าเธอเป็นมืออาชีพที่มีความชำนาญมากๆเลยนะ ที่ออสเตรเลีย หมอจะให้เวลาสักครึ่งชั่วโมง แล้วถ้าเด็กยังไม่ออกก็จะผ่าอย่างเดียว เพื่อความปลอดภัยของแม่ แต่หลังจากนั้นแม่ที่คลอดลูกโดยการผ่าก็จะเจ็บแผลมากกว่าคลอดเอง ไม่เหมือนที่นี่ โรงพยาบาลดี สามารถสร้างคนที่มีความชำนาญ ทำให้ภรรยาผมคลอดเองได้โดยไม่ต้องผ่า หลังจากนั้นภรรยาของผมเธอก็บอกว่า แม่ของเธอก็มาคลอดเธอที่นี่"

ผมฟังคำชื่นชมพร้อมกับหัวเราะน้ำตาไหล กับท่าทางเลียนแบบการขึ้นคร่อมของอาจารย์หมอที่ทำซ้ำๆอยู่ 2-3 ครั้ง

..........

ฝนหยุดแล้ว คืนนี้เป็นคืนก่อนวันเลือกตั้งครั้งสำคัญครั้งหนึ่งในประเทศไทย ผับกัลลิเวอร์งดบริการ 1 วัน ผับกาเซโบบนดาดฟ้าตึกตรงข้ามก็เช่นกัน ถนนข้าวสารเงียบปราศจากเสียงเพลง มีแต่รถวิ่งผ่านไปมา

คืนนี้เขาว่าเป็น คืนหมาหอน แต่ผมอยู่ที่นี่มาจะ 40 ปีแล้ว ผ่านการไปใช้สิทธิเลือกตั้งก็หลายครั้ง ไม่เคยเจอกับตัวสักที มันจะหอนกันตอนไหน ตีอะไรหนอ รอดูหมามันหอนสักคืน ถึงเช้าเลยท่าจะดี

ถ้าผมจะตายตอนอายุสัก 60 ก็เหลืออายุขัยอีก 20 กว่าปีนิดๆ เลือกตั้ง 4 ปีครั้ง ก็มีโอกาสไปใช้สิทธิสัก 5-6 ครั้ง ... จะมีโอกาสได้เจอไอ้หมาที่มันหอนไหมเนี่ย

..........

ผมหยิบเทปของ อิทธิ พลางกูร ใส่ม้วนคาสเสทลงในช่อง กดปุ่ม "PLAY" ของเครื่อง SONY รุ่นเก๋า แล้วพิงพนักปล่อยอารมณ์ในภวังค์ เสียงของ อิทธิ ก้องกังวานในความเงียบ

" ...
หากเป็นจริง ก็เพียงสมหวังครั้งหนึ่ง ไม่เป็นจริง ก็เพียงผิดหวังอีกครั้ง
อยากจะมี อยากจะมี มากมายเป็นไปต่างๆ ลืมว่าตายเมื่อไร ก็ไปแต่ตัว
...
แล้ว ... วันคืนก็เวียนหมุนผ่าน
แล้ว ... เรื่องราวก็ผ่านพ้นไป
แล้ว ... ความรักที่เคยยิ่งใหญ่ ก็ผ่านเลยไป ไม่รู้ทิศทางหวนคืน
ผ่านเลยไป ... กับสายลม กาลเวลา"



Create Date : 03 กรกฎาคม 2554
Last Update : 3 กรกฎาคม 2554 2:38:19 น. 7 comments
Counter : 1263 Pageviews.

 


โดย: vootb วันที่: 3 กรกฎาคม 2554 เวลา:3:18:12 น.  

 
โอ้ว... เขียนสวยจัง...
ยังไม่เคยเห็นถนนข้าวสารในมุมแบบนี้เลย

คืนหมาหอน...อื้ม...นั่นสินะ...ทำไมเรียกคืนหมาหอน?

พรุ่งนี้อย่าลืมออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งกันเยอะๆนะคะ


โดย: กลมขึ้นทุกวัน วันที่: 3 กรกฎาคม 2554 เวลา:4:03:17 น.  

 
อ่านเพลินค่ะ คิดถึงร้านหนังสือเดินทาง...


โดย: ม่านบาหลี IP: 58.9.139.185 วันที่: 3 กรกฎาคม 2554 เวลา:5:42:20 น.  

 
เขียนได้น่าอ่านมากๆค่ะชอบบบบ


โดย: neenika วันที่: 3 กรกฎาคม 2554 เวลา:17:11:32 น.  

 
ดีใจที่ชอบ และขอบคุณที่ชมครับ


โดย: เจตตจัน (jettajan ) วันที่: 4 กรกฎาคม 2554 เวลา:17:49:21 น.  

 
เขียนดี น่าอ่าน อ่านเพลิน เห็นภาพเหมือนจริง เยี่ยมค่ะ


โดย: จี้แหม่ม IP: 125.27.107.138 วันที่: 4 กรกฎาคม 2554 เวลา:18:04:54 น.  

 
อ่านแล้วเห็นภาพเลยดีกว่าอ่านข่าวอีก


โดย: AAA IP: 118.172.204.2 วันที่: 9 กรกฎาคม 2554 เวลา:16:03:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jettajan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add jettajan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.