Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2556
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
29 มิถุนายน 2556
 
All Blogs
 
นอกร้านหนังสือ ... ตอน พรางพยาบาท

... สาวเก๋กล่าวพร้อมน้ำตานองหน้า "หนูจะทำำยังไงดี ... พี่รู้ไหม เขาทำยังไงกับหนู"

ผมนั่งพิงพนักเก้าอี้ ถอนหายใจ "ใจเย็นๆ ... ว่าไป ..."

"เขาได้หนูแล้ว ก็เอาไปพูดกันในวงเหล้า ก็แก๊งค์ลูกสมุนสี่ห้าคนของเขาทั้งนั้นเลย เสร็จแล้วไอ้พวกนั้นมันก็มาคุยกันในบริษัท จนกระทั่งเพื่อนพนักงานที่เคยคุยกันกลับกลายเป็นไม่คุยกับหนูแล้ว แถมยังหาว่าหนูต้องการจะจับพี่เขาอีก ทำไมล่ะ ... ถ้าคนเขาจะรักจะชอบกันมันผิดด้วยเหรอ" เธอกล่าวต่อ ...

"ตอนนี้หนูเลยกลายเป็นเหมือนกับหมาหัวเน่า ไม่มีใครคุยด้วยเลย เดินทำงานอยู่ดีๆ บางทีก็มีคนพูดขึ้นเสียงว่ามาลอยๆ บางทีก็โยนของมาใกล้ๆ ... หลายคนที่พูดนินทากันน่ะ ไม่เคยรู้จักมักจี่ ทักทายกันสักคำเลย ตัวตนของเราก็ไม่รู้ว่าเป็นยังไง เอาสิทธิ์อะไรมาว่ากันแบบนี้ พี่ลองคิดดู"

หลังจากที่เธอหยุดเงียบไปครู่หนึ่ง ผมก็กล่าวขึ้น "แต่การที่เธอทิ้งงานอย่างกระทันหัน ไม่บอกไม่กล่าวใครเลย ก็ไม่ถูกใช่ไหม ... ถามว่าเธอหายไป งานตรงนั้นก็ต้องให้เพื่อนเข้ามาทำแทน หลายครั้งเข้าเพื่อนๆที่ทำงานอยู่ด้วยกันก็อึดอัดนะ ... ผมเองก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเจอแบบนี้ เลยต้องมาปรับสัดส่วนงานกับเวลากันใหม่ จัดวางรายชื่อคนกับวันทำงานใหม่ให้รู้ตัวล่วงหน้าเวลาใครไม่อยู่"

"ตรงนั้นหนูขอโทษพี่อีกที คราวหลังจะพยายามไม่ทำอีก ... ต้นเหตุมาจากเขานี่แหละ หนูไม่น่าไปยุ่งกับเขาเลย" เก๋สะอื้น กล่าวพร้อมก้มศรีษะยกมือไหว้

ผมถอนหายใจ มองเธออย่างใคร่ครวญหาทางออกที่ดูจะริบหรี่เต็มทน "ปัญหาที่เธอเจอ ... ขอโทษนะ ... มันค่อนข้างส่วนตัวมากเลย เธอควรจะแยกให้ออก ไม่ให้มากระทบกับงาน ... แล้วเธอก็เพิ่งผ่านทดลองงาน 2 สัปดาห์ก่อนนี่เอง ... คือมันค่อนข้างเร็วมากเลยน่ะ ที่สถานการณ์มันมาถึงขั้นนี้ ... มันไปไงมาไงกันนี่ ผมงงไปหมด"

"หนูไม่น่าเลยพี่ ... คือหลังจากที่หนูเข้ามาทดลองงานได้ 2 อาทิตย์ พี่เขาก็เข้ามาขอเบอร์โทรศัพท์ของหนู แล้ววันรุ่งขึ้นก็นัดหนูไปกินข้าวตอนเย็น ถัดไปอีกวันก็เหมือนกันแต่วันนั้นหนูกินเบียร์ไป 2 ขวดก็เมา คืนนั้นเราได้กันที่หอพักของหนู" เก๋หยุดแป๊บหนึ่ง ปาดน้ำตาแล้วเล่าต่อ

"หนูรู้ว่ามันเร็วอย่างที่พี่บอก แต่หนูโกหกอย่างหนึ่งตอนสมัครงานว่าโสด ... จริงๆหนูแต่งงานมาแล้ว มีลูกสาวคนหนึ่ง แต่แยกกันอยู่กับสามี ไม่กี่เดือนมานี่เอง"

ผมพยักหน้า "โอเคๆ เรื่องนั้นผมพอเข้าใจ ส่วนเรื่องสถานะสมรส ผมไม่ติดใจอะไรหรอก เพราะผมก็ไม่คิดว่าลักษณะอย่างเธอจะโสดหรอก ถึงอายุจะ 30 กว่าแล้ว" ... เก๋รูปร่างสูง หุ่นดี หน้าตาสะสวยไม่เหมือนสาวต่างจังหวัด

"หลังจากนั้นเราก็เจอกันทุกวัน ตอนเช้าพี่เขาจะขับไปรับที่หอ ส่วนตอนเย็นหรือค่ำหลังโอทีก็กินข้าวกัน อยู่ด้วยกันเกือบทุกวัน วันหยุดก็นัดเจอกันไปเที่ยว บางอาทิตย์ก็ไปวัดเพราะตอนเสาร์-อาทิตย์หนูไปบวชนุ่งขาว-ห่มขาว 2 สัปดาห์ครั้งนึง ... หนูอยู่กับแฟนคนแรกตั้งแต่อายุ 15 ปี ตอนนั้นก็ยังเรียนอยู่แหละ หลังจากนั้นหนูก็ท้อง จำได้ว่าเคยมีคนทักไว้ว่าเด็กคนแรกนี้จะนำพาโชคลาภ ความเจริญมาให้มากมาย แต่หนูก็ไปเอาเขาออก หลังจากนั้นก็อีก 2 ท้องที่หนูเอาออก จนกระทั่งมามีลูกสาวคนแรกตอนท้องที่ 4 ตอนนี้ลูกสาวของหนูอายุ 8 ขวบแล้ว แต่ชีวิตคู่ของหนูก็ค่อยๆแย่ลง ทุกวันมีแต่ทะเลาะกัน บรรยากาศไม่ดี หนูขี้หึง ตามจิกแฟนตลอด ฐานะการเงินก็แย่ จากเคยมีรถก็กลายเป็นไม่มี สุดท้ายก็แยกกันอยู่ ตอนนี้ลูกสาวอยู่กับพ่อแม่ของหนูในเมือง สุดสัปดาห์หนูก็ไปเจอลูกทีนึง ลูกสาวอยากมาอยู่กับหนู อาทิตย์นึงเจอกันทีนึง ลูกร้องไห้ทุกทีเลย" เก๋เล่ายาวกระท่อนกระแท่น ...

"ที่หนูต้องไปวัดบ่อยๆก็เพราะว่า มีคนทักหนูว่ามีเด็กตามนะ ... 3 คนด้วย หนูเคยพาลูกสาวไปวัดที่หนูไปบวช มีอยู่ทีนึงลูกสาวหันมาถามหนูว่า "แม่ๆ ... แม่เห็นหรือเปล่า มีเด็กผู้ชาย 3 คนหน้าคล้ำๆ เศร้าๆ นั่งอยู่บนขื่อใต้หลังคาศาลาตรงนั้นน่ะ มองตามมาตลอดเลย" หนูต้องรีบพาลูกเดินออกไปทางอื่น"

"วันก่อนพนักงานในแผนกก็มาทักหนูเหมือนกันว่า มีเพื่อนที่รู้จักกันบอกว่าให้หนูไปหาตุ๊กตากุมารเล็กๆ 3 ตัวมาไว้ที่ห้องนอน แล้วเรียกให้พวกเด็กๆมาอยู่ที่ห้อง เขาอยากอยู่ด้วย ... หนูฟังแล้วก็ยังแปลกใจอยู่นี่ว่าทำไมต้องเป็นตุ๊กตา 3 ตัว ทั้งๆที่เราไม่เคยรู้จักกันเลย"

"พี่เขาเคยไปที่ห้อง มีอยู่คืนหนึ่งหลังจากกลับออกไปจากห้องของหนู เขาโทรมาหาทักว่ามีเงาคนอยู่บนห้องตรงหน้าต่างที่เปิดไฟทิ้งไว้ ทั้งๆที่ตอนนั้นหนูเดินไปตลาดหน้าหอพัก ... "

ผมฟังไปพร้อมกับรู้สึกแปลกๆ ขนเริ่มลุกตามแขน มองไปรอบๆ ถามลอยๆ "อืม ... ทุกที่เลยเหรอ"

เก๋ตอบสวนมา "คนที่ทักมาเขาก็ว่างั้น ... หนูอยู่ที่ห้องคนเดียว ก็มีเสียงตลอด ตรงโน้นบ้าง ตรงนั้นบ้าง ก็รู้สึก บางทีนอนๆอยู่ก็ต้องลุกขึ้น"

ผมชวนเปลี่ยนเรื่อง "ไม่เป็นไร กลับมาที่เรื่องในบริษัทดีกว่า ... ผมขออนุญาตทักเธอนิดหนึ่งนะ หวังว่าเธอคงไม่โกรธ คือ ผมว่ารู้จักกันแค่ 3 วันเองก็ถึงเตียงแล้ว มันเร็วมากเลย มันง่ายไปจะทำให้เขาไม่เห็นคุณค่าของเรานะ ... แล้วยังไงต่อหลังจากนั้น"

เก๋พยักหน้ารับ น้ำตาเริ่มซึมออกมาอีก "ใช่พี่ เขาไม่เห็นคุณค่าของหนูเลย ตอนแรกๆนะ อยู่ในรถเช้ามาก็จะกอด-หอมกัน ชมหนูว่าเรื่องบนเตียงดีเหมือนสาวๆ ไม่เหมือนคนมีลูกมาแล้ว ... ขอโทษนะพี่ ตอนคลอดลูกสาวหนูผ่าออก มันก็ไม่เหมือนคนคลอดปกติอยู่แล้ว ... แต่หนูได้ยินมาว่าพอมีใครถามเขาว่ามีอะไรกับหนูแล้วหรือยัง เขาจะตอบว่าไม่มีอะไร แค่ไปรับส่งเฉยๆ แต่อย่างที่บอกว่าในวงเหล้า เขาพ่นออกมาหมดเปลือก จาระไนออกมาหมดทั้งเรื่องบนเตียงด้วย พวกพนักงานคนอื่นๆก็บอกว่าหนูโง่ โดนเขาหลอกฟันแล้วทิ้ง ... หลังๆมาเราเริ่มทะเลาะกันบ่อย จริงๆมันก็ไม่กี่อาทิตย์เองที่เขาเริ่มเปลี่ยน เขาบอกว่าหนูติดเขามากเกินไป บางทีหนูสติแตกที่เขาทำไม่ถูกใจ ด่าว่าเขาไปแรงๆ เขาบอกว่าพ่อแม่เขายังไม่เคยด่าว่าเขาอย่างนี้เลย ตอนแรกๆที่คบกัน ได้กัน อะไรๆก็ดีไปหมด แต่ผ่านไปแค่เดือนกว่าๆ เขาบอกว่าถ้าหนูเป็นอย่างนี้ ก็เลิกกันดีกว่า ..."

ผมถอนหายใจหนักหน่วง "ก็แล้วเธอคิดว่าไงล่ะ คบกันต่อไป จะสุขหรือทุกข์มากกว่ากัน"

เก๋เงยหน้า น้ำตานอง "หนูคิดอะไรไม่ออกพี่ เม็นหนูยังไม่มาเลย"

ผมชะงัก ถามพึมพำ "บอกเขารึยัง"

เก๋ส่ายหน้า แล้วปล่อยโฮ "หนูบอกมันแล้ว ... มันถามว่าหนูไปกับใครมา ผัวเก่าของหนูหรือเปล่า"

..................................................................

ผมนั่งเงียบๆอยู่คนเดียวในออฟฟิศ คิดไม่ตก "เพราะอะไรนะ ทำไมผมถึงรับเธอเข้ามาทำงานที่นี่" คิดย้อนไปถึงวันที่เก๋มาสมัครงานที่บริษัท เธอเป็น 1 ใน 3 ที่เข้ามาสัมภาษณ์งาน คนแรกนั้นติดต่อไม่ได้ ส่วนคนที่สามก็คุณสมบัติสูงเกินไป เมื่อผมจำเป็นต้องเลือก ... เก๋เป็นคนเดียว ณ เวลานั้น

เก๋ยกมือไหว้ขอบคุณผมหลังสัมภาษณ์เสร็จ "พี่รู้ไหม หนูเพิ่งออกจากที่ทำงานเก่ามา เป็นโรงแรมในกรุงเทพ ตั้งใจว่าจะกลับมาอยู่บ้านที่นี่หลังจากไปทำงานอยู่กรุงเทพมาหลายปี เงินไม่พอใช้เลย ทั้งค่าเช่าหอพัก ค่าเดินทาง ค่ากินอยู่ แต่ถ้าได้ทำงานที่นี่ ใกล้บ้านเดิมมาก หนูประหยัดเงินค่าใช้จ่ายต่างๆต่อเดือนได้ตั้งหลายพันแน่ะ ตอนนี้มีเงินเหลืออยู่ไม่กี่ตังค์เอง ถ้าทำงานที่นี่ได้ ก็จะได้แวะไปหาแม่กับพ่อในเมืองได้บ้าง ไม่ไกลกันเท่าไหร่ ตั้งแต่อยู่กรุงเทพเดินทางลำบากเลยไม่ค่อยได้มาเจอกัน"

ตอนครบกำหนดทดลองงาน ผมคุยกับเธอหลังจากประเมินผลงาน มันเป็นเวลาไม่กี่วันก่อนที่จะได้คุยกันเรื่องปัญหาของเธอ

"ผลประเมินของเธอผ่านนะ ไม่ดีมากนัก แต่ก็โอเค ส่วนใหญ่ที่ถูกหักคะแนนไปก็เรื่อง ขาด-ลา-มาสาย-ป่วย ควรปรับปรุงให้ดีกว่านี้ รักษาสุขภาพดีๆ อย่าให้ปวดหัวไมเกรนบ่อย จะเสียงาน" ผมยื่นเอกสารให้เซ็นชื่อรับทราบผลการประเมิน ...

"เอ้อ แล้วก็ผมแว่วๆว่า มีคนเห็นเธอไปไหนมาไหนกับพี่ที่บริษัทคนหนึ่ง ผมไม่รู้เหมือนกันว่าใคร แต่เขาบอกกันว่าตัวอันตราย ระวังจะโดนหลอก เธอดูดีๆก็แล้วกันนะ" ผมเสริมขึ้น

เก๋ยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับเซ็นชื่อแล้วยื่นเอกสารคืนมา "ขอบคุณค่ะพี่ หนูก็ดูๆอยู่เหมือนกันค่ะ"

หลังจากเก๋ครบกำหนดทดลองงาน ในวันงานเลี้ยงต่างจังหวัดประจำปีของบริษัท ผมขับรถไปเองคนเดียว ไปทันกันที่โรงแรมเพราะพนักงานเยอะ กำลังรอเช็คอินกันยังไม่หมด ผมเลยลงไปว่ายน้ำอยู่ในสระก่อนที่เพื่อนผู้จัดการต่างแผนกบ้าง หัวหน้างานบ้าง 4-5 คนจะลงมาว่ายน้ำอยู่ใกล้ๆกัน เพื่อนต่างแผนกแซวกันไปมา

"เฮ้ย คุณโชค ... ทำไมไม่พาน้องเขามาด้วยล่ะ เสียดายเลย"

"นั่นสิ ถือว่ามาฮันนีมูนไปในตัว"

"ช่าย ... จะได้ไปขอหมั้นหมายกับหัวหน้าเขาเสียให้เป็นเรื่องเป็นราว บวชเสร็จแล้วจะได้เบียดเลย ใช่ไหม ... พี่" เสียงหัวเราะเฮฮาพร้อมพยักเพยิดมาทางผม ...

"ฮ่าๆๆ ... เหรอ" ผมหัวเราะ มองไปทาง "คุณโชค" ซึ่งหัวเราะอยู่เบาๆก่อนตีกรรเชียงออกไปกลางสระ

................................................................

"พี่คะ หนูขอคุยด้วยหน่อย" เก๋เดินมาเรียกผมเบาๆ มือถือกระดาษม้วนๆอยู่แผ่นหนึ่ง

"ได้สิ" ผมพยักหน้าแล้วเดินนำออกไปห้องประชุมเล็กข้างๆ "เป็นไงบ้าง เรา หลังจากคุยกันวันนั้นแล้วก็หายจ้อยไปเลย"

"หนูทนไม่ไหวแล้วพี่ ... หนูขอลาออก" เก๋กล่าวพร้อมกับยื่นใบลามาให้ผม ตาแดงเริ่มช้ำน้ำตาคลอ

ผมกระพริบตาปริบๆ "เดี๋ยวสิ ออกตอนนี้แล้วจะเอาเงินที่ไหนใช้ ลูกเธอก็ยังเรียนอยู่ไม่ใช่เหรอ แล้วที่เม็นไม่มาล่ะ ว่าไง"

"มาแล้วพี่ หนูไม่ท้องแล้ว แต่หนูคงเครียดน่ะ มันเลยมาช้าไป" เธอเล่า

ผมพยักหน้า ลูบคางแล้วถามกลับไป "อือ ... ก็โอเค ถ้างั้นก็ทำงานต่อได้ตามปกติสิ แล้วจะออกทำไมล่ะ"

"มันไม่เอาหนูแล้ว ... พี่ ... มันไม่รักหนูแล้ว มันบอกว่ามันมาคิดๆดูแล้ว ก่อนที่จะได้กัน มันก็อยู่ได้ปกติดี แต่ตอนนี้เรามีแต่ทะเลาะกันตลอด ไม่เหมือนตอนแรกๆ มันเลยรู้สึกว่าถอยกลับไปเหมือนเดิม น่าจะดีกว่า ... หนูไม่มีใครแล้วพี่ จะทนอยู่ได้ยังไง ... มันตีสองหน้าได้ตลอดเวลา ก่อนนี้เจอกันข้างนอกก็เข้าหาหนูจนใจอ่อน แต่ขณะที่อยู่ในบริษัทนะ มันไม่เคยจะพูดจะทักอะไรกับหนูเลย เราก็เก็บไว้ในใจเงียบๆ แล้วตอนนี้สิ หนักเข้าไปอีก มันบอกใครๆเขาว่าเลิกคุยกันแล้ว เช้าถ้าหนูจะติดรถมาก็ให้บอก ไม่งั้นมันไม่รอแล้ว ตอนเย็นหนูก็ต้องกลับเอง โทรไปก็ไม่รับ อยู่ในบริษัท หนูไม่อยากเห็นหน้ามันเลย มันบอกว่าหนูจะทำให้มันอยู่ไม่ได้ ถ้าหนูไม่ออก-มันจะออกเอง ... แต่ละคืนๆผ่านไปยากเหลือเกิน หนูนอนร้องไห้อยู่คนเดียว นอนไม่หลับ บางที 3 - 4 วันติดๆกัน จนทำงานไม่ไหว ... ก่อนนี้มันทำเป็นพูดดี ธรรมะ ธรรมโม พี่รู้ไหมตอนอยู่บนเตียงด้วยกันน่ะ ปากของมันยังเอามาใช้งานด้วยเลย" เก๋เล่าไปร้องไห้ไปอย่างคับแค้น

ผมถอนหายใจ ยื่นผ้าเช็ดหน้าไปให้ "เอาเถอะๆ ... ผมพอเข้าใจ แต่ว่าถ้าเธอลาออกแล้วเธอจะเอาเงินที่ไหนใช้ ทั้งส่งลูกเรียน ทั้งส่งให้แม่กับพ่อใช้บ้าง .. เธอลองกลับมาเป็นเหมือนตอนเข้าทดลองงานอาทิตย์แรกดูได้ไหม ทำงานไปตามปกติ มาเอง กลับเอง มอเตอร์ไซค์เธอมีนี่นา เวลาทำงานก็อยู่ในแผนก เธอก็ไม่เห็นใครอยู่แล้ว ตอนกลางวันก็กินข้าวเร็วๆหน่อยหรือจะเปลี่ยนไปกินตอนเบรคสายหรือเบรคบ่ายก็ได้ ... เธอทุ่มใจให้ใครอื่นจนหมด จนลืมตัวเอง ถ้าเธอเป็นอะไรไปตอนนี้ ถามซิว่าใครจะเป็นคนเสียใจที่สุด ถ้าไม่ใช่แม่กับลูกของเธอ ... ทำไมเธอไม่เอาเวลาที่เธอเสียใจไปดูแลลูกสาวที่บ้าน เสาร์-อาทิตย์ลองพาลูกไปเที่ยวบ้างสิ ลูกเธอน่าจะดีใจ ซื้อของให้แม่บ้าง เขาคงมีความสุข ดีกว่าที่เธอจะเอาเวลามาคิดถึงคนที่เขาไม่ได้รักเธอจริงๆเหมือนคนที่คลอดเธอ-เลี้ยงเธอมาก็คือแม่ และคนที่เธอคลอดออกมารอความรักของเธออยู่ก็คือลูก ... ใช่ไหม เธอเคยบอกว่าลูกร้องไห้ทุกทีที่เธอต้องจากมาทำงาน เจอกันอาทิตย์ละครั้ง ... เธอไม่สงสารลูกบ้างเหรอ เด็กเล็กแค่ 8 ขวบเอง พ่อก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน แล้วเธอที่เป็นแม่ก็ยังไม่สนใจเขาอีก"

เก๋เริ่มหยุดสะอื้น มองหน้าผม "พี่ ... ลูกหนูคิดอย่างงั้นจริงๆเหรอ"

ผมส่ายหน้า ยักไหล่ "เธอเป็นคนที่จะรู้ดีที่สุด ผมไม่เคยเห็นลูกสาวของเธอนะ แต่เธอเป็นคนที่เห็นน้ำตาเขาทุกอาทิตย์ ... เธอทำความทุกข์ให้กับชีวิตเล็กๆมา 3 ชีวิตแล้ว ตอนนี้มีเด็กเล็กอยู่กับเธออีกคนหนึ่ง เธอจะอดทนกับความเจ็บปวด ทำเพื่อลูกสาวคนเดียวของเธอไม่ได้หรือ"

เก๋ปาดน้ำตาพยักหน้า "หนูจะลองดูค่ะพี่ ... ขอบคุณนะคะ"

ผมถอนหายใจเฮือก "ผมขอเก็บใบลาออกของเธอไว้ก่อนนะ ... เอ้อ แล้วตุ๊กตากุมาร 3 ตัวนั่นล่ะ ที่เธอเล่าให้ฟังน่ะ เอามาไว้ในห้องแล้วหรือยัง"

"เปล่าค่ะ พี่ ... หนูไปลองถามพระที่วัดดู ท่านบอกว่าให้เขาอยู่อิสระของเขาข้างนอกดีกว่าไหม ถ้าเรียกเขาเข้ามา มันจะเป็นการกักขังเขาไว้หรือเปล่า ถ้าเราทำสมาธิ ทำบุญให้เขาบ่อยๆ เขาจะอิ่มแล้วจะไปเอง ก่อนนี้หนูไม่เคยสนใจ ไม่เคยอะไรกับเขาเลย ทั้ง 3 คนคงทุกข์มากว่าแม่ไม่รักเขา คงเพราะหนูทำเขาไว้เยอะ หนูเลยโดนบ้าง ไม่มีความสุขเลย ทำงานการอะไรก็ไม่ขึ้น หนูคงจะต้องเจ็บปวด เจ็บช้ำใจอย่างนี้ไปอีกนาน มันเป็นกรรมของหนูแน่ๆเลย" หญิงสาวครางแผ่วๆอย่างสลดสังเวชตัวเอง

ผมได้แต่ถอนใจ พยักหน้า "เอาน่ะ ... ลองดู ทำให้ดีที่สุดก็แล้วกัน คิดถึงลูกไว้ คิดถึงแม่ไว้"

................................................................

วันจันทร์ถัดมา หญิงสาวมาทำงานตามปกติ หน้าตาดูสดใสขึ้น เธอเอาผ้าเช็ดหน้ามาคืนผม เล่าให้ฟัง

"วันอาทิตย์ หนูพาลูกไปเที่ยวมาล่ะพี่ แล้วก็พาไปกินข้าวกินขนมทั้งวันกลับถึงบ้านก็เย็นเลย แกดีใจมาก สนุกทั้งวัน"

ผมพยักหน้ากับหญิงสาว ยิ้มให้กำลังใจ "เอ้อ ... ดีแล้ว ดี ดี ... อดทน อดทน ... ลืมเขาได้แล้ว ... นะ"

สัปดาห์ถัดมา เก๋หายไปไม่ติดต่อบริษัท 3 วัน ผมแจ้งฝ่ายบุคคลเรื่องพนักงานขาดงาน พร้อมขอประกาศรับสมัครพนักงานใหม่

2 วันถัดมา เก๋โทรเข้ามาหาผม ขออนุญาตเข้ามาเก็บอุปกรณ์ เครื่องใช้ส่วนตัวที่โต๊ะทำงาน เศษกระดาษแผ่นสุดท้ายที่เธอหยิบมาดูก่อนฉีกทิ้งคือ ภาพถ่ายคู่ของเธอกับ "โชค" ตอนไปเที่ยวด้วยกัน 2 คน มันเป็นภาพในร้านอาหารริมทะเลสวย น้ำทะเลใส รอยยิ้มละไมอย่างมีความสุขกลายเป็นอดีต

"หนูลาล่ะพี่ ขอโทษด้วยที่เป็นภาระให้พี่มาตลอด แต่หนูอยู่ไม่ได้จริงๆ หนูพยายามแล้ว" เก๋กล่าวก่อนหิ้วของใส่ถุงพลาสติก

"ออกไปนี่ แล้วยังไงต่อล่ะ" ผมถามพร้อมถอนหายใจ

"หนูว่าจะไปหางานทำในกรุงเทพ ไปอยู่กับพี่สาวก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกที" หญิงสาวตอบพร้อมยกมือไหว้

"ถ้าไม่ได้พบกันอีก ก็ขอให้โชคดี" ผมอวยพรแล้วโบกมือลา ... ในใจคิดอยู่ว่า "หญิงสาวกลับมาชดใช้นายเวรจากอดีตแท้ๆ เธอมาจากกรุงเทพ ใช้เวลา 4 เดือนเศษแห่งความเจ็บปวดเพื่อชดใช้ให้เขา ก่อนที่จะกลับไปยังถิ่นที่เธอจากมา"

... ตอนนี้ผมไม่สงสัยแล้ว ว่า ... "อะไร" ... ทำให้ผมรับเธอเข้ามา

2 สัปดาห์ให้หลัง "โชค" ขาดงาน 3 วัน ไม่ได้ติดต่อกับบริษัท ฝ่ายบุคคลโทรไปที่บ้านเพื่อจะพบกับงานศพ ... ชาวบ้านเล่าว่า ศพของชายหนุ่มตอนที่ถูกขนย้ายออกมาจากห้องอยู่ในสภาพแข็งเกร็ง ตาเหลือกค้าง ปิดไม่ลง

เย็นวันรุ่งขึ้น หลังจากผมเดินบอกลาเพื่อนพนักงานจนหมด และเก็บอุปกรณ์เครื่องใช้ส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมลบข้อมูลส่วนตัวที่ค้างอยู่ในคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงานจนหมด ... ไฟล์สุดท้ายที่ลบคือ ภาพถ่ายคู่ของเราสองคน มันเป็นภาพในร้านอาหารริมทะเลสวย น้ำทะเลใส รอยยิ้มละไมอย่างมีความสุขของ "ผมและโชค" กลายเป็นอดีต

... ภาพสุดท้ายก่อนก้าวออกจากห้อง ตุ๊กตา 3 ตัวของเก๋ยืนหันหลังรับแดดอ่อนอยู่ริมหน้าต่าง เงาดำของตุ๊กตาทอดยาวพิงผนังตัดกับวงหน้าขาวโพลน ดวงตากลมวาวดำสนิท

เจตตจัน

085-8035412

087-0719858

jettajan227@yahoo.com

ป.ล. ด้วยความคารวะต่อ สรจักร ศิริบริรักษ์ - ราชาเรื่องสั้นหักมุมแห่งเมืองไทย อาทิ ศพใต้เตียง ศพข้างบ้าน อำพรางอำยวน ... ชาตะ 17 มีนาคม 2498 ... มรณะ 28 พฤษภาคม 2556 ... สิริอายุ 58 ปี




Create Date : 29 มิถุนายน 2556
Last Update : 29 มิถุนายน 2556 21:41:18 น. 0 comments
Counter : 1455 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jettajan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add jettajan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.