ร้านหนังสือในข้าวสาร ... ตอน Game of thrones ... 18+ / New Ed.
สวัสดีครับคุณผู้อ่านที่รักทุกท่าน ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งกับเรื่องเล่าจากร้านหนังสือร้านเดิม ... โดยต้องขอโทษผู้อ่านสำหรับบล็อกก่อนหน้านี้ครับ ที่ลงซ้ำไป คือมันเกิดความผิดพลาดทางเทคนิคนิดหน่อย ทำให้บล็อกที่ลงไปกลายเป็นบล็อกเก่าของแม่-ลูกชาวฝรั่งเศสเมื่อสัปดาห์ก่อน ... นับว่าเป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเป็นลูกติดพันต่อเนื่องกันอย่างไม่น่าให้อภัย ... ผมจะเล่าให้ฟัง ... สุดสัปดาห์ก่อนเป็นหนึ่งในไม่กี่วันที่ผมจดจำได้เป็นอย่างดี ... เช้าวันนั้นเป็นเช้าแรกที่แดดแรง ดูดีไม่มีพิษภัยใดๆกับเสื้อผ้าชุดที่ซักตากไว้ และเหมาะสำหรับการต่อยอดไปยังเสื้อผ้าชุดที่สอง ผมแว่บไปเอาผ้าเข้าเครื่องก่อนจะกลับมาเร่งมือทำความสะอาดชั้นหนังสือแฟนตาซีกลางร้านรับเพื่อนใหม่ที่เพิ่งรับซื้อเข้ามาได้ หนึ่งในนั้นคือ "Game of Thrones" จากนักอ่านหนุ่มที่เอามาขายเมื่อวันก่อน เล่มนี้เข้ามาในสภาพมหาเทพ คือใหม่กิ๊ก มุมดีไม่มีหักงอ หน้ากระดาษด้านในไม่มีพับยับย่น ชายหนุ่มโฆษณาเต็มที่ ผมพิจารณาอย่างละเอียดก่อนจะรับซื้อไว้ในราคาสูงเป็นพิเศษด้วยเหตุผล 2 ประการ หนึ่งคือมันใหม่ยังอยู่ในกระแส-ยังขายได้ เหมือนกับ "Hunger game" ภาษาสเปนเล่มนั้น และสองคือมันเป็น "Game of Thrones" เล่มแรกที่ได้มีโอกาสย่างกรายเข้ามาในร้าน
"Game of Thrones" หน้าปกฉบับที่ได้มาเป็นเล่มแรก ... ผมลองเข้าไปหาดูเวอร์ชันภาพยนตร์ใน Youtube ... ติดเรท 18+ นะครับ เช็ดทำความสะอาดเสร็จแล้ว ผมคว้าหนังสือเวย์มานั่งอ่านอย่างสบายใจ หุหุ ... งานก็เสร็จแล้ว ผ้าที่ตากไว้กำลังหอมแดด ผ้าที่ซักใหม่จวนจะเสร็จ นั่งอ่านหนังสือชิลล์ๆ อะไรจะมีความสุขปานนั้น ... แต่ผมคิดผิด !!! ไม่ถึงชั่วโมงหลังจากนั้น ทัศนียภาพถนนข้าวสารก็ถูกบดบังพร่ามัวไปด้วยสายฝนที่พัดกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เสียงฟ้าฝนเรียกผมไปที่กระจก ผมหัวเราะกับตัวเองสำหรับผ้าในเครื่องที่กำลังปั่นแห้งจวนเสร็จ ก่อนจะไปยืนดูระดับน้ำที่ริมถนนหน้าร้านตั้งแต่ฝนเริ่มตก น้ำไหลลงท่อระบายน้ำอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งน้ำเริ่มเอ่อสูงขึ้นเพราะไหลลงท่อไม่ทัน หนูท่อตัวใหญ่ 3-4 ตัวเริ่มวิ่งหนีน้ำขึ้นมาไล่ๆกัน ตามมาด้วยแมลงสาบที่เดินพาเหรดกันขึ้นมาเป็นแถวจนร้านรองเท้าข้างบ้านต้องเก็บของ ฉีดยาฆ่าแมลงฟุ้งก่อนจะปิดร้านตามหนุ่มแจ็คที่เก็บราวเสื้อยืดไปตั้งแต่ฝนเริ่มตก พนักงานจากร้านอาหารอินเดียก็วุ่นวายอยู่กับเพื่อนตัวเล็กที่หน้าร้านเหมือนกัน ... จนในที่สุดน้ำไหลลงท่อไม่ทัน เพิ่มระดับสูงพ้นปากท่อขึ้นมาจนกระทั่งปริ่มกับระดับของทางเท้า เปลี่ยนทัศนีภาพทางเดินถนนกลายเป็นทะเล พร้อมริ้วคลื่นที่โถมตามแรงล้อรถเข้าสู่ชายหาด-ฟุตบาทปูน อย่างที่ไม่ค่อยจะได้เห็นบ่อยนัก ลูกหนูตัวเล็กๆตาปิด 4-5 ตัวครอกนั้นค่อยๆทยอยลอยขึ้นมากับระดับน้ำ ก่อนจะตะกายขึ้นมาบนทางเดินจนได้
ถนนข้าวสารพร่ามัวไปด้วยสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ภาพจากหน้าร้าน
ถนนหน้าร้านกลายสภาพเป็นทะเล เมื่อน้ำล้นท่อระบายสูงถึงระดับฟุตบาท
"Message in the bottle" ของเควิน คอสเนอร์ เวอร์ชันถนนข้าวสาร ... เปลี่ยนจากขวดแก้วปิดจุกคอร์คกลายเป็นขวดพลาสติกนมเมจิรสชอคโกแลต
ริ้วคลื่นคลั่งโถมซัดชายหาดยามต้องแรงลม ... เวอร์ไป เอาเป็นแค่ ... รถเมล์วิ่งผ่านน้ำขังกระเซ็นข้างทางก็พอ
เศษขยะลอยเกลื่อนเหมือนชายหาดพัทยาสมัยก่อนก็ไม่ปาน มาพร้อมกับซากหนูเด็กที่จมน้ำตายเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากสาวๆต่างชาติเป็นระยะ ... ยังดีที่พนักงาน กทม. กวาดเก็บขยะทั้งหมดอย่างรวดเร็ว ... เยี่ยมจริง
พี่ชายคนไทยท่านนี้แก้สถานการณ์เฉพาะหน้าโดยถอดรองเท้าลุยกันเลย
ส่วนแบ็คแพ็คเกอร์คู่นี้สวมบูทสูงท่วมหัวเข่า ถ้าไม่พับกองไว้ก็น่าจะถึงขาอ่อน ... พร้อมรบระดับสูงสุด ... ทั้งคู่เกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆ
ถนนข้าวสารหลังฝนหยุดใหม่ๆ น้ำท่วมสูงระดับข้อเท้า
ฝรั่งนักท่องเที่ยวบางคนเห็นเป็นของแปลก ถ่ายรูปเล่นกันอย่างสนุกสนาน
บอนแดงของผมกระถางนั้น เจอฝนถล่มหนัก ก้านใบหักคอพับคออ่อนไปตามๆกัน
บรรยากาศฝนตกหนักคืนก่อนตอนหัวค่ำ กว่าฝนจะขาดเม็ด ฟ้าใส ก็กินเวลาเป็นชั่วโมง ทำเอาถนนข้าวสารกลายเป็นทะเลกรุงเทพให้เหล่านักท่องเที่ยวเดินลุยน้ำท่วมตาตุ่มกันเป็นที่สนุกสนาน และหลังฝนตก ผมเพิ่งรู้ตัวว่าพลาดมหันต์เป็นประการที่สอง ... ผ้าที่ผมกำลังจะได้ชื่นชมความหอมแดดอยู่เมื่อเช้า ถูกฝนสาดเปียกต้องซักใหม่ทั้งหมด ... เวรกรรม ....................................... ค่ำวันนั้นลูกค้าคู่ชาย-หญิงสองคนเข้ามาในร้าน หนึ่งในนั้นก้าวเข้ามาด้วยสายตามาดมั่นและยิงคำถามเข้ามาอย่างแรง "คุณมี "Game of Thrones" หรือเปล่า" "มีสิ เล่มนี้ขายดีมากเลย" ผมกระพริบตาปริบๆก่อนสยายยิ้มและพาลูกค้าเดินไปชี้ให้ดูเป้าหมายในห่อพลาสติกตึงเปรี๊ยะเหมือนสาวน้อยแรกรุ่น น่าทนุถนอม ลูกค้ามองตาเป็นประกายหยิบขึ้นมาถือพลิกอยู่ในมือ ก่อนหันไปบอกอีกคนที่ยืนดูอยู่ข้างๆ "เยี่ยมจริงๆเลย ถามมาตั้งหลายร้าน ข้างนอกนั่น ไม่มีสักร้านนึง" "คุณมาได้ถูกจังหวะพอดี นี่ผมเหลือเป็นเล่มสุดท้ายเลยนะ" ผมตอกไข่ใส่ซอสเพิ่มลงไปเล็กน้อย พลางคิดในใจ "เล่มสุดท้าย - ไม่เป็นไรน่า มันเป็นแค่ไวท์ไลเล็กๆน้อยๆ ใครๆเขาก็ทำกันนี่นา" ลูกค้าหันมาสวมกอดผมเต็มอ้อม ทำเอาผมกลั้นหายใจหลับตาปี๋ไปทันใด ก่อนจะถามราคา "เล่มนี้เท่าไหร่นี่" ผมยิ้มเขินๆ ทำมือพลิกให้ดูป้ายราคาด้านหลัง ลูกค้าพยักหน้าและชำระเงินอย่างรวดเร็ว ผมหยิบหนังสือใส่ถุงส่งให้พร้อมอวยพรให้ลูกค้าเดินทางโดยสวัสดิภาพก่อนออกจากร้านไป สายตามองส่งลูกค้าอยู่ที่หน้าร้านพร้อมคิดอยู่ในใจถึงความผิดพลาดอย่างมหันต์ครั้งที่สามในวันเดียวกัน "เฮ้อ ... ไม่น่าเลย รู้งี้ถ้าแลกไว้ได้อีกเล่มหน้า เก็บไว้ขายให้กับสาวสวยเซ็กซี่ดีกว่า เผื่อจะได้รางวัลพิเศษอย่างนี้บ้าง" "ว่าแต่กลิ่นของฝรั่งผู้ชายไซส์ "วิน ดีเซล" ที่ตะลอนๆมาทั้งวันนี่มันช่าง ... @#!$%& ... จริงๆ นี่ยังดีนะที่ไม่มีลูกติดพันมามากกว่านี้ ... หึย์ย์ย์ย์ ...."
Create Date : 03 ตุลาคม 2555 |
Last Update : 4 ตุลาคม 2555 0:05:25 น. |
|
0 comments
|
Counter : 3055 Pageviews. |
|
|