Group Blog
 
<<
มกราคม 2556
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
5 มกราคม 2556
 
All Blogs
 
ร้านหนังสือในข้าวสาร ... ตอน Missing

สวัสดีครับคุณผู้อ่านที่รักทุกท่าน ด้วยความยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งกับเรื่องเล่าเล่นๆ อ่านขำๆ ฆ่าเวลาจากร้านหนังสือเล็กๆในถนนข้าวสาร ถนนแห่งความฝันสายที่ยาวไม่ถึงครึ่งกิโลเมตร แต่กลับบรรจุเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว นักเดินทางจากทุกสารทิศทั่วโลก ผู้ซึ่งปรารถนาจะได้แวะมาเยี่ยมเยือนสักครั้ง ไม่ว่าจะเป็นสาวชาวนิวซีแลนด์ผู้ย่นหน้าใส่ความเงียบสงบแห่งดินแดนบ้านเกิด หนุ่มเยอรมันผู้ปรารถนาจะท่องตะวันออกไกล จากจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง มองโกเลียยันไซบีเรีย คุณลุงวัยเกษียณจากไอร์แลนด์ผู้บินเดี่ยวเพื่อ "ใช้ชีวิต" ที่เหลืออยู่ตามใจปรารถนา ครอบครัวพ่อแม่ชาวอียิปต์ที่อยากจะพาลูกมาเที่ยวน้ำตก ป่าเขาลำเนาไพร และชายหาดแสนสวย นอกเหนือไปจากทะเลทรายอันแห้งแล้งที่พบเจออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

คู่รักชาวสแปนิชบางคู่มาเริ่มต้นทริปฮันนีมูนที่นี่อย่างมีความสุข หนุ่มอิสราเอลบางคนมาเริ่มผจญภัยด้วยการทำไกด์บุ๊คและแผนที่หายบนรถตุ๊กตุ๊กที่ถนนข้าวสาร หนุ่มอิตาเลียนที่มาตามหาความรักจากสาวไทยที่เขาหลงรัก หรือแม้แต่ฝรั่งหนุ่มคนนั้นก็มาอกหักที่นี่หลังจากสาวอิตาเลียนที่รักกันมา 7 ปี บอกเลิกกับเขาตอนคริสมาสต์ หลังจากเขาล่วงหน้ามารอเธออยู่พร้อมกับโทรศัพท์ที่ไม่มีเสียงรับสายจากปลายทาง ( 1 ปีผ่านไป เมื่อชายหนุ่มกลับมาอีกครั้ง ผมได้แต่ตบไหล่ปลอบไปว่า "ลืมเขาได้แล้ว" ) ... บางคนสุข สมหวัง ... บางคนเหนื่อยและเศร้า ... แต่ทุกคนก็เคยมา ที่นี่ ... "ถนนข้าวสาร"

ครับ ... ร้านหนังสือยังคงเปิดอยู่ ให้บริการกับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะเหล่าแบ็คแพ็คเกอร์ ผู้ต้องการหนังสือไกด์บุ๊คภาษาต่างประเทศเพื่อเป็นคู่มือเดินทางหลากหลายภาษาไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน สเปน ฮีบรูว์ และอื่นๆ ทั้งหนังสือใหม่หรือมือสอง นอกจากนี้ทางร้านก็ยังมีหนังสืออ่านภาษาต่างประเทศให้ได้เลือกหากัน อันคัดสรรแล้วจากเหล่าแบ็คแพ็คเกอร์ที่มักจะเลือกเอาหนังสือที่ "ดีที่สุด" "ชอบที่สุด" ไปเป็นเพื่อนท่องโลกด้วยกัน ก่อนจะผลัดเปลี่ยนสลับมือกันไปไม่ว่าจะเป็นขายหรือแลกตามร้านหนังสือมือสอง หรือไม่ก็ทิ้งไว้ตามเกสต์เฮาส์ที่พัก

ผมเปิดร้านวันนี้หลังจากตื่นไปใส่บาตรที่ตลาดเช้าบางลำพู แล้วนั่งแช่กินน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ เสียเกือบชั่วโมง ได้เห็นชีวิตของผู้คนมากมายที่ทำมาหากิน เ้กิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป บางอย่างแปลกใหม่ บางอย่างเหมือนเดิม เป็นอยู่อย่างนั้นดั่งที่ทุกคนก็พบเห็นกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน สุดแต่ว่าใครจะมอง ผ่าน คิด พิจารณา อย่างไร เอาไว้เหมาะๆ จะเขียนเรื่องเล่านอกร้านหนังสือเรื่องตลาดเช้าบางลำพูให้ฟังกันอีก ... เพียงแต่วันนี้ ผมกลับมาถึงร้านพร้อมกับรอยยิ้มชอบใจ เพราะที่หน้าร้านหลังจากผมเปิดประตูเหล็กก่อนไปตลาด ยกไว้ครึ่งบานเพื่อกันแสงแดดเลียปกหนังสือ ทำให้พื้นกระเบื้องสะอาดหน้าร้านที่ยกสูงกว่าพื้นทางเดิน มีที่ว่างพอนั่งได้ จึงเป็นอะไรที่เหมาะเจาะพอที่จะมีสองสาวผมทองในชุดเสื้อกล้ามคอกว้างลึก เผยให้เห็นสายบิกินีสีดำเล็กจิ๋ว พร้อมกับกางเกงยีนส์ตัดขาสั้นกุด สวมแว่นกันแดดมาทรุดกายลงนั่ง "ตากแดด" อยู่หน้าร้านใกล้เคียงกับชายหาดภูเก็ต ( มีเพียงส่วนเกินนิดหน่อย คือเสื้อกล้ามกับกางเกงตัวนั้น ) ... เกือบชั่วโมงที่พวกเธอคุยกันไปพลาง ขณะที่ผมเดินผ่านไปมา เอาน้ำที่กรวดไว้จากการใส่บาตรไปรดต้นไม้หน้ากำแพงวัดบ้าง รดน้ำต้นไม้นางกวักบ้าง จนหน้าตาของพวกเธอ "แดง" ได้ที่และเหงื่อเริ่มซึม พวกเธอก็ลุกขึ้นพร้อมโบกมือ ยิ้มให้ ก่อนจะเดินจากไป

... ก็เป็นการเปิดร้านที่ดีอีกวันหนึ่ง หุหุ ...

ว่าแต่เมื่อกี้พูดถึงส่วนเกินที่เป็นเสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นไปแล้วนิดหน่อย ก็ขอพูดถึงส่วนขาดหรือ "Missing" บ้างดีกว่าครับ สำหรับผมแล้ว คำนี้มีเรื่องให้ผมนึกแว่บขึ้นมาได้ 4 อย่าง

"Missing" อย่างแรก คนทำงานโดยเฉพาะมนุษย์โรงงานทั้งหลายคงรู้จักดีและมันไม่ใช่เรื่องดีแน่ ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับของเสียอันเนื่องมาจากสินค้าที่ผลิตออกมาแล้ว คุณสมบัติบางอย่างหายไป ไม่ได้ตาม "Spec." และแน่นอนมันหมายความถึง "Defect", "ของเสีย", "Customer complaint" หรืออะไรที่เป็นการบ้าน ต้องหาวิธีแก้ไข ป้องกัน บลา บลา บลา ... เพื่อไม่ให้เกิดขึ้นอีก ... พอดีผมเคยมีหน้าที่รับผิดชอบตรงๆ เกี่ยวกับอะไรพวกนี้มาบ้างก็เลยทำให้แวบขึ้นมา ว่าแต่อันนี้ขอใช้สิทธิ์ไม่เอ่ยพาดพิงมากนักก็แล้วกันครับ เพราะเป็นภัยต่อความมั่นคงของชีวิตและสุขภาพ ... เอ้อ พูดเล่นครับ อย่าคิดมาก หุหุ

"Missing" อย่างที่สองคือ หนังสือภาพสำหรับเด็กที่เอ่ยถึง "ปรัชญาชีวิต-วิธีคิด" ที่เหล่าหนอนหนังสือควรจะรู้จัก มันคือ "The Missing piece" ครับ ขอแนะนำสำหรับมือใหม่หัดอ่าน และโดยเฉพาะผู้ที่คิดว่าการสร้าง "ภูมิคุ้มกัน" ชีวิตและหัวใจเป็นสิ่งจำเป็น เวลาพลาดอะไรบางอย่างแล้วจะได้ไม่ต้องทำให้ชีวิต "หล่นหาย" มากมายจนเกินไปนัก


"The Missing Piece" เป็นนิยายภาพสำหรับเด็กของ "Shel Silverstein" บอกเล่าเรื่องราวที่มีความหมายของการตามหากับสิ่งที่ขาดหายไป ตีความได้หลายอย่างครับ ไม่เฉพาะ "รักแท้" แต่อะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น "ตัวตน" หรือ "ความฝัน" ... ถึงแม้จะเป็นผู้ใหญ่ก็ไม่น่าพลาดครับ เพราะหลายๆคนโตมาเพราะกินข้าวเท่านั้น ไม่ได้รู้ตัวหรอกว่าตัวเองนั้น หัวใจ "รั่ว" หรือ ภูมิคุ้มกันหัวใจ "บกพร่อง" แค่ไหน


"The Missing Piece Meets the Big O" เป็น "ตอนต่อ" หรือไม่ก็ "ตอนจบ" ที่ผู้เขียน "สอน" ให้เด็กๆได้รู้จักความจริงกันแต่เนิ่นๆ เพราะจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดมากนักหลังจากมาเจอของจริงเอาตอนโตเป็นผู้ใหญ่ ... ส่วนถ้าผู้ใหญ่คนไหน "มีปม" หรือ "ภูมิคุ้มกันพร่อง" อยู่บ้าง จะอ่านเรื่อง จะดูภาพ กันยังไง ก็เตรียมผ้าเช็ดหน้าเผื่อๆไว้บ้างก็ได้นะครับ บางทีอาจจำเป็นต้องใช้

"Missing" อย่างที่สามคือไกด์บุ๊คโลนลีแพลนเน็ตไทยแลนด์ ปี 2009 มือสองในภาพด้านล่างนี้แหละครับ ... เอ้า ได้เลี้ยวกลับเข้ามาในร้านหนังสือเสียที ... ผมแลกมาตอนแรกก็ไม่ได้ดูละเอียดครับ ยอมรับว่าชุ่ยมากเพราะ หนังสือขาดหายไปตั้ง 37 หน้า แยกเป็น 2 ช่วง ช่วงหนึ่ง 30 หน้ากับอีกช่วงหนึ่ง 7 หน้า ครอบคลุม 5 จังหวัดภาคเหนือ ทั้ง พะเยา แพร่ น่าน พิษณุโลก และ ตาก ... มาเห็นอีกทีตอนหลังก็ได้แต่หงุดหงิด ตบแต่งหนังสือไปแกนๆ เสร็จแล้วก็แปะป้ายราคาไว้ถูกกว่าเพื่อนเล่มข้างๆไว้หน่อยหนึ่ง พร้อมกับปรามาสในใจไปว่า "จะมีฝรั่งที่ไหนมาซื้อเอาไปหนอ ใครโชคร้ายอยากได้หนังสือขาดๆไป จะลดราคาให้ถูกๆ" นอกจากนั้นก็คิดในใจไปว่า "จะฉีกไปทำไมกันนะ 5 จังหวัดนี้ ส่วนใหญ่ที่เคยเห็นฉีกไปก็มีเชียงใหม่บ้าง เชียงคานบ้าง ภูเก็ตบ้าง กระบี่บ้าง พึ่งเคยเจอเล่มนี้แหล่ะ ... ฝรั่งที่ไหนกันจะไปแพร่ พะเยา ผมคนไทยเองยังไม่เคยไปเลย แถมยังไม่แน่ใจด้วยว่าอยู่ตรงไหน ถ้าให้ชี้ลงในแผนที่แข่งกับเด็ก เผลอๆอาจแพ้ด้วยซ้ำ"


"Northern missing 30 & 7 pages / Phayao, Phrae, Nan, Phitsanulok, Tak" เป็นป้ายกระดาษที่แปะพาดไว้หน้าปก เพื่อบอกกันให้ชัดๆกันไปเลย ไม่ต้องปิดๆบังๆ

ปรากฏว่าลูกค้าเช่าไปแล้วกลับมาขายคืนครึ่งราคาประมาณ 5-6 ครั้ง เพราะถูกกว่าเล่มอื่น และ ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เดินทางไปยัง 5 จังหวัดที่ขาดหายไป รวมแล้วได้ค่าหนังสือมากกว่าราคาขายเล่มใหม่เสียอีก ก่อนที่จะถูกซื้อไปโดยหนุ่มสาวเยอรมันคู่หนึ่งเมื่อสัปดาห์ก่อน มันทำให้ผมรู้ตัวเองว่าเข้าใจผิดอย่างแรง "อย่าติเรือทั้งโกลน" "อย่าคิดอะไรง่ายๆ ตัดสินอะไรจากรูปลักษณ์ภายนอก" ... "ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง" "น้ำลด ตอผุด" "น้ำกลิ้งบนใบบอน" ... เอ๊ะๆๆ หลังๆนี่ไม่ใช่แล้วล่ะ ขออภัย ขออภัย Smiley

"Missing" อย่างสุดท้ายคือการตามหาบางสิ่งบางอย่างของ "สิทธารถะ" จากฝีมือรจนาของ "เฮสเส" จริงๆผมจำได้ว่ากล่าวถึงหนังสือเล่มนี้บ่อยๆ แต่ต้องขออนุญาตใช้สิทธิ์พาดพิงอีกครั้งเพราะลูกค้าสาวน่ารักคนนี้มาคว้ามันไป เล่มมือสองปกสีน้ำเงินภาษาอังกฤษเล่มนั้น ซึ่งผมแลกไว้ได้จากลูกค้าหนุ่มคนหนึ่งนานแล้ว

สำหรับฉบับแปลภาษาไทยโดย "สีมน" จาก สุริวงศ์บุ๊คเซ็นเตอร์ ... ปกนี้เยี่ยมสุด 

"ผมอ่านแล้ว คุณซื้อไปนี่ เคยอ่านหรือยัง" ผมถามยิ้มๆ

"เคยสิ ฉันประทับใจมาก มันทำให้ฉันได้มาเจอคุณนี่ไง" เธอตอบยิ้มๆเช่นกัน

"เอ๊ะ ยังไง ... อธิบายซิ" ผมสงสัย ถามเธอ

"หลังจากอ่านจบ ฉันก็รู้สึกแตกต่างและไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป และคิดว่าฉันต้องออกเดินทางแล้ว ฉันก็เลยลาออกจากงานและเดินทางมานี่ ... ได้มาพบคุณและหนังสือเล่มนี้ในร้านของคุณ ฉันอยากได้มัน" เธอบอกพร้อมกับดูราคาก่อนจะควักเงินค่าหนังสือส่งให้

"ดีเลย หนังสือดีนั้นเหมาะกับคนที่เข้าถึงมัน ส่วนลดนี้พิเศษ สำหรับคุณ" ผมตอบแล้วคืนธนบัตรกลับไปให้ 1 ใบ พร้อมกับขอถ่ายรูปเธอเก็บไว้เป็นที่ระลึก


ลูกค้าสาวน่ารักที่ "เก็บข้าวของและลาออกจากงาน" ก่อนออกเดินทาง หลังจากอ่านหนังสือเล่มนี้จบลง

ราตรีสวัสดิ์

เจตตจัน

085-8035412

087-0719858




Create Date : 05 มกราคม 2556
Last Update : 5 มกราคม 2556 1:00:11 น. 0 comments
Counter : 1800 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jettajan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add jettajan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.