Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
2 ตุลาคม 2553
 
All Blogs
 
ร้านหนังสือในข้าวสาร ... ตอน ฝันร้ายในพม่า

ร้านหนังสือในข้าวสาร ... ตอน ฝันร้ายในพม่า

สาวออสซี่คนนั้นเคยเป็นลูกค้าของผมมาก่อน ผมจำได้ เธอแด่งหน้าจัด สูบบุหรี่ รูปร่างสูงใหญ่ ไม่ใช่สาวน้อยอายุ 20 กว่าแน่ๆ เธอเคยเอาหนังสืออ่านภาษาอังกฤษเล่มเก่ามาแลกเล่มใหม่ไปไม่ต่ำกว่า 2 เล่มแล้ว 1 ในนั้นน่าจะเป็น “Eat pray love” ของเอลิซาเบท กิลเบิร์ท ที่จูเลีย โรเบิร์ทแสดงนำในเวอร์ชันภาพยนตร์จากฮอลลีวู้ด มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับหญิงสาวที่ไม่ประสพความสำเร็จในชีวิตแต่งงาน หลังการหย่าร้าง ตัวเอกในเรื่องออกเดินทางค้นหาตัวเองไปเรื่อย ตั้งแต่อิตาลี ผ่านอินเดีย ไปยังบาหลี / อินโดนีเซีย สาวออสซี่บอกว่าเรื่องราวในหนังสือเรื่องนี้สนุกมาก และมันเป็นหนังสือที่ผมควรอ่าน ผมรับคำเชื้อเชิญด้วยความยินดี พลางเก็บหนังสือเล่มนั้นไว้ต่อคิวจากไวท์ไทเกอร์ เรื่องเล่าจากฆาตกรแห่งบังกาลอร์ ของอาราวิน อดิกะ
หลายวันหลังจากนั้น เธอก้าวเข้ามาในร้านของผมอีกครั้ง พร้อมถามหาหนังสือโลนลีแพลนเน็ตประเทศพม่า ผมหยิบให้เธอดู 2 เล่ม เป็นมือ 2 ฉบับปี 2005 กับปี 2009 พิมพ์ครั้งล่าสุดห่างกัน 4 ปี พม่าเป็น 1 ในไม่กี่ประเทศที่ ทางโลนลีแพลนเน็ตพิมพ์ห่างกันนานถึง 4 ปี นัยว่าไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก ก็เลยไม่ได้พิมพ์บ่อย ไม่เหมือนเมืองไทย เมืองท่องเที่ยวอันโด่งดัง ที่พิมพ์ใหม่ทุก 2 ปีมาหลายครั้งแล้ว
เธอเลือกฉบับปี 2009 พร้อมจ่ายเงินค่าหนังสือ ก่อนรับเงินผมบอกเธอว่า หนังสือเล่มนี้ถูกฉีกหายไป 4 แผ่น 8 หน้า แต่โชคดีว่ามันเป็นหน้าภาพสีกลางเล่ม ไม่ใช่หน้าเนื้อหาหรือหน้าแผนที่ ถ้าเธอไม่เอาก็ไม่เป็นไร เธอพยักหน้าหงึกๆ พร้อมกับพลิกดูนิดหน่อยแล้วบอกว่าไม่เป็นไร ผมจึงรับเงินค่าหนังสือ พร้อมหยิบโปสการ์ดจากห้องสมุดแสงอรุณแถมให้เธอไป 1 ใบ
“หนังสือโลนลีแพลนเน็ตของร้านผมเล่มนี้ ถ้าคุณใช้เสร็จแล้ว ผมรับซื้อคืนครึ่งราคานะ คุณจะไปเที่ยวนานหรือเปล่า ที่พม่าน่ะ” ผมเอ่ยถาม
“ฉันน่าจะไปนานเหมือนกัน อาจจะเป็นปีนะ คุณยังรับซื้อคืนหรือเปล่า” เธอตอบ พร้อมถามอย่างไม่แน่ใจ
“รับสิ ลูกค้าของผมเคยซื้อไปนานที่สุดนี่ก็ประมาณ 8-9 เดือน แต่โลนลีแพลนเน็ตพม่าเล่มนี้เป็นปี 2009 ซึ่งเพิ่งออกไม่นานนี่เอง ยังรับซื้อคืนครึ่งราคาได้อีกหลายปีเลยแหล่ะ” ผมยิ้ม
“ว่าแต่คุณไปเที่ยวนานเป็นปีเลยเหรอ” ผมยิงคำถามต่อ พลางคิดในใจ ทำไมรวยจัง ไม่ต้องทำมาหากินกันหรือไงเนี่ย
“ไม่หรอก ฉันไปทำงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษที่ย่างกุ้งน่ะ สัญญาปีต่อปี แต่ถ้าทุกอย่างมันโอเค ฉันก็อาจจะอยู่นานหลายปีก็ได้” เธอตอบพลางเดินพลิกๆดูหนังสือมือ 2 ตรงชั้นกลางร้าน
“คุณมีหนังสือชื่อ มิสเตอร์ไนซ์ หรือเปล่า” เธอถามหาหนังสือขายดีติดอันดับท็อปเท็นตลอดกาลของนักอ่านแบ็คแพ็คเกอร์ มันเล่าเรื่องเกี่ยวกับนักค้ายาเสพติดชนิดอ่อนคนหนึ่ง ประเภทกัญชาอะไรทำนองเนี้ย
“มีครับ แต่เป็นเล่มใหม่นะ เรื่องนี้ถ้าเป็นมือสองจะหายาก แต่คุณเป็นลูกค้าประจำ ถ้าคุณซื้อไป ผมรับซื้อคืนครึ่งราคาตอนคุณกลับมาเที่ยวเมืองไทยก็แล้วกัน ปกติถ้าเป็นหนังสือทั่วไปที่ไม่ใช่ไกด์บุ๊ค ผมจะซื้อคืนไม่ถึงครึ่งราคาน่ะ คุณคิดว่าไง” ผมเสนอข้อเสนอพิเศษ
เธอนิ่งคิดพักหนึ่ง ก่อนตอบ “ตกลง ฉันซื้อ” พร้อมจ่ายเงินค่าหนังสือ
ผมหยิบหนังสือ มิสเตอร์ไนซ์ เล่มใหม่ส่งให้ รับเงินค่าหนังสือพร้อมอวยพรให้เธอเดินทางโดยสวัสดิภาพ เธอจะบินออกจากเมืองไทยหลังจากนี้อีกประมาณ 1 สัปดาห์ ผมบอกไปว่า ถ้าเธอต้องการแผนที่ประเทศพม่าเพิ่ม ก็มาซื้อได้ผมมีขายให้ราคาพิเศษ เธอกล่าวขอบคุณแล้วเดินออกจากร้านไป หลังจากนั้นผมเจอเธอแว๊บๆ อีกประมาณ 2-3 ครั้งที่หน้าร้าน เกสต์เฮาส์ที่เธอพักน่าจะอยู่แถวซอยรามบุตรีนี่เอง
เวลาผ่านไปประมาณ 2 สัปดาห์ ผมอ่านไวท์ไทเกอร์จบไปแล้ว จึงเริ่มตั้งต้นอ่าน “Eat pray love” เย็นวันหนึ่ง หลังจากรดน้ำต้นนางกวักหน้าร้าน ผมเดินกลับเข้ามาจัดเรียงชั้นหนังสือโลนลีแพลนเน็ตมือ 2 - ภาษาฝรั่งเศส พร้อมฟังเพลง Fight for this love ของ เชอร์รีล โคล อยู่เพลินๆ
“ไฮ สวัสดี” เสียงลูกค้าทักขึ้นจากหน้าร้าน เป็นเสียงผู้หญิง ทักเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงออสซี่ พร้อมเสียงกรุ๋งกริ๋งของกระดิ่งหน้าประตูดังขึ้น
“สวัสดีครับ” ผมเอ่ยขึ้นพร้อมหันหน้าไปที่ลูกค้ายามเย็น
“อ้าว คุณกลับมาแล้ว แต่ทำไมเร็วนักล่ะ” ผมถาม
“ฉันเปลี่ยนแผน ที่นั่นมันไม่โอเคน่ะ ฉันเลยตัดสินใจขอลาออก แล้วก็กลับมาตั้งหลักที่เมืองไทยนี่แหล่ะ” เธอเล่า สีหน้าไม่ดีนัก
ผมเรียกให้เธอนั่งก่อน พร้อมซักถามรายละเอียด เธอเล่าว่า หลังจากที่เธอไปถึงพม่าแล้ว เธอเข้าพักที่โรงแรมระดับ 3-4 ดาวใจกลางเมือง คิดว่าคงตั้งหลักสักพักนึงก่อนขยับขยายหาที่พักใหม่ บรรยากาศทั่วๆไปดูอึดอัดยังไงไม่รู้เพราะว่า เธอเป็นผู้หญิงต่างชาติคนเดียวในโรงแรม ไปไหนมาไหนก็มีคนจับตามองแปลกๆ วันหนึ่งระหว่างที่เลือกซื้อของใช้อยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ต พอดีที่บริเวณน่องด้านซ้ายของเธอมีแผล ปิดผ้าพันไว้ อยู่ดีๆก็มีเด็กอายุราวๆ 10 ขวบวิ่งมาเตะที่แผลของเธอจนเจ็บมาก แถมยังทำหน้าล้อเลียนเธออีก ผมถามว่าเด็กนั่นมาหยอกเล่นหรือเปล่า เธอบอกว่าไม่หรอก เธอชอบเล่นกับเด็กอยู่แล้ว เธอดูออกว่านี่ไม่ใช่หยอกเล่น แถมพอถึง 6 โมงเย็น ร้านรวงต่างๆก็ดูเหมือนจะปิดจนหมด เธอไม่สามารถไปไหนมาไหนได้เลย ต้องอยู่แต่ในโรงแรม
ระหว่างนั้นก็มีตำรวจเข้ามาตรวจดูห้องพักของเธอ ปกติเธอจะใส่เสื้อเชิร์ตสีขาวอยู่แล้ว ดังนั้นก็จะมีผงซักฟอกเป็นผงสีขาวชนิดเข้มข้นติดไว้เสมอ แล้วเธอก็มีกระเป๋าคาดเอวแฟชันที่ตกแต่งด้วยช้อนกาแฟตัดด้ามออกเหลือแต่ส่วนที่เป็นตัวช้อนติดไปด้วยหนึ่งใบ มันมีตัวช้อนเจาะติดอยู่ประมาณ 10 อันได้ ปะปนอยู่กับหมุดโลหะที่ติดเป็นลวดลาย แล้วเธอก็มีหนังสือ มิสเตอร์ไนซ์ ที่ซื้อไปจากร้านของผม ซึ่งเนื้อหาเกี่ยวกับยาเสพย์ติด ตำรวจที่มาตรวจก็ตกใจกันใหญ่ ซักถามเธอละเอียดยิบ หาว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพย์ติด ค้นห้องพักของเธอจนวุ่นวายไปหมด คิดว่าเธอใช้ช้อนใส่ผงยาเสพย์ติดลนไฟเหมือนในหนังฝรั่ง เธอต้องอธิบายแก้ข้อกล่าวหาแทบแย่กว่าตำรวจจะเชื่อและก็พากันกลับไป
ส่วนบรรยากาศที่โรงเรียนที่เธอสอนก็ไม่ดีเลย ครูพม่าคนอื่นๆดูเหมือนจะรู้ว่าเธอได้เงินเดือนสูงมาก พวกนั้นจึงแสดงกิริยาอาการกับเธอไม่ค่อยเป็นมิตรนัก แถมยังไม่ค่อยมีใครพูดกับเธอด้วย แล้วเจ้าของโรงเรียนก็ให้เธอแปลเท็กซ์บุ๊คเล่มใหญ่มาก เธอต้องเอากลับไปทำที่โรงแรม เพื่อรีบทำตอนกลางคืนให้เสร็จโดยเร็ว บางคืนเธอทำงานไปร้องไห้ไปทั้งคืน แถมเครื่องคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คของเธอก็มีคนส่งสแปมเข้ามาเต็มไปหมด จนแทบจะใช้งานไม่ได้ เธอรีบปั่นงานจนเสร็จประมาณ 1 สัปดาห์แล้วก็ตัดสินใจลาออก ยังดีที่ทางโรงเรียนให้เงินมาสำหรับ 1 สัปดาห์ที่เธอไปทำงานที่นั่น
ยังไม่หมดแค่นั้น ไม่รู้ว่าตำรวจที่นั่นคิดยังไง คงยังสงสัยเธอเรื่องยาเสพย์ติดอยู่ดี ปรากฏว่ามีคนยัดช้อนกาแฟเข้ามาในกระเป๋าเดินทางของเธอ ตอนเดินทางกลับ เธอบอกว่าตอนแพ็คกระเป๋าออกจากโรงแรมน่ะไม่มีแน่ เพราะแพ็คเอง แล้วก็ลากมาเอง ถ้ายังงั้นก็ต้องมีคนใส่เข้ามาตอนกระเป๋าเดินทางผ่านการโหลดเข้าในเครื่องบินน่ะแหละ ก็เรื่องช้อนนี่มันเกี่ยวกับยาเสพย์ติดตอนที่เธอถูกค้นห้องพักแล้วใครที่สนามบินจะเป็นคนทำล่ะ ถ้าตำรวจไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย !!!
ผมฟังไปก็คิดตามไป ประจวบเหมาะกับวันก่อนเพิ่งได้ดูหนัง แรมโบ ภาค 4 ที่พี่บึ้กเข้าไปลุยช่วยอาสาสมัครจากโบสถ์คริสต์ ที่ถูกทหารพม่าจับไป หนังเรื่องนี้ถูกแบนห้ามฉายในหลายประเทศ ภาพหน้าผู้พันอำมหิตที่ชื่นชอบเด็กชาย กับความเถื่อนดิบของทหารพม่า ลอยวนเวียนอยู่ทั่วชั้นหนังสือ คราบเลือดที่สาดกระจายตลอดทั้งเรื่องดูเหมือนจะกระเด็นมาโดนกระจกหน้าร้านของผมด้วย รู้สึกแหยงๆยังไงพิกล
“แล้วนี่คุณมีแผนจะทำยังไงต่อล่ะ” ผมถามหลังจากที่เธอเล่าจบลง
“เมื่อคืนฉันเพิ่งใช้อินเตอร์เน็ตสมัครงานไป ฉันคงรออยู่ที่เมืองไทยนี่สักพักนึง ว่าแต่ฉันต้องใช้เงินอีกก้อนหนึ่ง อาจจะต้องขายคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คของฉัน คุณรู้หรือเปล่าว่าแถวนี้มีที่ไหนรับซื้อบ้าง” เธอตอบพร้อมถามมา
“คุณต้องไปพันธุ์ทิพย์แล้วล่ะ ที่นั่นเป็นแหล่งค้าขายคอมพิวเตอร์แหล่งใหญ่ คุณรู้จักไหม” ผมเลิกคิ้วถาม
“อ๋อ รู้จัก คุณพอจะรู้ราคารับซื้อหรือเปล่า”
“ผมว่า 5000 บาทได้มั้ง ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
“โอเค พรุ่งนี้ฉันจะไปลองดู ขอบคุณมากนะ” เธอยิ้ม แล้วสัมผัสมือกับผมก่อนออกจากร้านไป
วันรุ่งขึ้นตอนหัวค่ำ เธอเอาหนังสือมาขายคืนพร้อมกับกล่าวคำลา เธอบอกว่าขายคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คได้ 3000 บาท แล้วก็งานที่เธอสมัครไปเมื่อวันก่อนตอบรับมาแล้ว เขารับเธอเป็นบิ๊กบอสของสำนักพิมพ์ที่ผลิตแมกกาซีนชื่อดังในออสเตรเลีย รายได้วันละ 300 ปอนด์ ผมคำนวณในใจคร่าวๆ วันละ 300 ปอนด์ก็ประมาณหมื่นกว่าบาท โอ้ !!! พระเจ้า จอร์จ เดือนนึงก็ปาเข้าไปตั้งสี่แสนกว่า ตกลงที่เธอเสียงานครูที่พม่านี่มันโชคร้ายหรือโชคดีกันแน่
ผมแสดงความยินดีกับงานใหม่ และอวยพรให้เธอเดินทางโดยสวัสดิภาพ เธอยิ้มขอบคุณและมอบลูกกระพรวนให้ผมมา 2 ลูก ซึ่งปกติเธอใช้มัดติดกับสายเชือกถักที่ข้อมือ เธอบอกว่า ถ้าเธอมีเวลาว่างจากงานที่ออสเตรเลีย เธอจะมาเที่ยวที่เมืองไทย และจะไม่ลืมแวะมาซื้อหนังสือจากร้านของผมอีกอย่างแน่นอน
หลังจากเธอออกไป ผมเอาลูกกระพรวนทั้ง 2 ลูกไปเกี่ยวติดไว้กับโมบายล์ที่ประตูกระจก เสียงกรุ๋งกริ๋งของโมบายล์กับเสียงลูกกระพรวนกลิ้งแว่วไหวแผ่วเบา แต่ชัดเจนในความเงียบสงัด ยามต้องแรงลม



Create Date : 02 ตุลาคม 2553
Last Update : 2 ตุลาคม 2553 23:03:14 น. 2 comments
Counter : 1727 Pageviews.

 
เขียนได้สุดยอดมากเลยครับ อ่านแล้วน่าติดตามมากครับ
^^


โดย: sunstar77 IP: 182.52.64.217 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:13:48:25 น.  

 
ขอบคุณที่ชมครับ ดีใจที่ชอบนะครับ


โดย: jettajan (jettajan ) วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:17:27:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jettajan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add jettajan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.