Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2555
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
15 ธันวาคม 2555
 
All Blogs
 
ร้านหนังสือในข้าวสาร ... ตอน Merry X'mas & happy new year

สวัสดีครับคุณผู้อ่านที่รักทุกท่าน ยินดีที่ยังมีชีวิตอยู่ ยังกินข้าวได้ นอนหลับ มีอวัยวะครับ 32 ประการ และได้มาเขียนบล็อกเรื่องเล่าเรื่อยเปื่อยจากร้านหนังสือมือสองในข้าวสารให้ได้ฟังกันอีก ร้านนี้มีหนังสือโลนลีแพลนเน็ตมือสอง ไกด์บุ๊คแบรนด์อื่นๆอาทิเช่น ราฟท์ไกด์ ฟุตปริ๊นท์ ดีเค อินไซด์ไกด์ นอกจากนั้นก็ยังมีหนังสืออ่านภาษาต่างประเทศอีกหลากหลาย อาทิเช่น เฟรนช์ ด๊อยช์ สแปนิช ดัชท์ สวีดิช ดานิช ฟินนิช โปลิช นอร์วีเจียน รัชเชียน ฮีบรูว์ ... มีจับพลัดจับผลูได้ ภาษากรีซ กับ ตากาล็อก มาอีกอย่างละเล่ม ตอนที่เช็คๆดูอยู่ ผมเองยังแปลกใจอยู่ว่า "มาได้ไง" ...

ครับ ภาษาแปลกๆเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็มาจากเหล่าแบ็คแพ็คเกอร์ทั้งหลายที่เอามาแลกเป็นหนังสือ หรือไม่ก็ขอเป็นส่วนลดสำหรับเล่มอื่นไป ... ผมจำได้ว่ามีอยู่คู่หนึ่งเป็นฮิปปี้ที่อ่านออกเขียนได้ถึง 7 ภาษา ทั้งฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี โปแลนด์ สเปน และ โปรตุเกส นอกเหนือไปจากภาษาอังกฤษที่เป็นไฟต์บังคับอยู่แล้ว ... หนังสือภาษาโปรตุกีซของโอโชเล่มหนึ่งที่มีอยู่ก็ได้มาจากเธอนี่แหละ


ฮิปปี้คู่นี้เป็นลูกค้าขาประจำที่อ่านหนังสือได้ถึง 7 ภาษา คู่ควรกับการเป็นแบ็คแพ็คเกอร์มืออาชีพจริงๆ แถมชายหนุ่มถักผมเดร็ดล็อคดูเข้ากั๊น เข้ากัน


 "Corpo e mente em equilibrio" ... ถ้าแปลเป็นไทยก็ประมาณ "การปรับสมดุลย์ของร่างกายและจิตใจ" น่าจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับการทำสมาธิ การศึกษาความสงบในจิตใจ ที่ชาวตะวันตกสนใจศึกษากันอย่างมากมายอยู่ในเวลานี้

****************************************

ในสายตาของผมที่ผ่านหน้าโรงแรมบ้านชาติอยู่เกือบทุกวี่ทุกวัน ความเปลี่ยนแปลงค่อยๆดำเนินไปตามกาลเวลา แผงเหล็กโลโก้ย้ายที่หาทำเลใหม่จากเดิมอยู่ที่หน้าเบอร์เกอร์คิง เปิดทางให้กับเคาเตอร์สำหรับผสมคอกเทลที่เพิ่มเติมเข้ามาด้านหน้าแต่เยื้องต่ำลง ส่วนทางเดินข้างโรงแรมด้านขวาติดสตาร์บัคส์ก็ติดไฟสว่าง และเริ่มมีแผงขายเสื้อยืดลวดลายต่างๆมากมายให้ลูกค้าฝรั่งเลือกชมกัน สัปดาห์ที่ผ่านมา ต้นสนประดับไฟสว่างพราวถูกตั้งลงตรงลานกลางแจ้งหน้าโรงแรม บ่งบอกถึงบรรยากาศงานฉลองคริสมาสต์ปลายปี พร้อมสายลมเย็นเริ่มแผ่วพริ้วยามค่ำ ขณะที่ไม่ลึกเข้าไปเท่าไหร่นักจากหัวมุมซอยรามบุตรีสัก 3-4 คูหา โรงแรมได้ขยายออกมาติดถนนเห็นระเบียงไม้ชั้นสองที่ยังต่อเติมไม่เสร็จดีและแผ่นสังกะสีที่ปิดไว้ริมทางเท้ายังไม่ได้รื้อออก ... เดิมทีตรงนั้นเคยมีร้าน "ก๋วยจั๊บอาม่า" เป็นแผงลอยอยู่ในซอกตึกเล็กนิดเดียวขายมาหลายสิบปี จนกระทั่งไม่กี่ปีก่อนย้ายไปซื้อห้องแถวริมถนนอยู่แถวตลาดนานา เปิดเป็นร้านขายก๋วยจั๊บอยู่เยื้องเขตพระนครไม่เท่าไหร่ ผมเคยแวะเวียนไปบ้าง ร้านตบแต่งโทนสีส้มดูสะอาดสอ้าน ราคาก็ยังมิตรภาพเหมือนเดิม ... รสชาติเยี่ยมแค่ไหน ก็พิสูจน์ได้จากหนังสือ ชิมไปบ่นไป ของคุณสมัครได้ครับ

ในขณะที่ผับ "กัลลิเวอร์" ก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน ... ผมยืนมองดูพนักงานรื้อถอนรถสามล้อคันนั้นลงมาจากผนังหน้าร้านชั้นสอง ปิดตำนานแลนด์มาร์คสำคัญตรงหัวมุมถนนข้าวสารที่ยืนยงคงกระพันมานานหลายปี ... ไม่รู้ว่าเจ้าของผับจะปล่อยว่างไว้หรือจะเอารถอะไรมาใส่แทน


"รถสามล้อ" คันนั้นที่ถูกปลดลงหลังจากลอยฟ้ามานาน ... น่าจะเกิน 10 ปี ... แต่ตอนรื้อเอาลงมา ผมไม่ทันเห็นว่าคนงานหย่อนลงมายังไง เสียดายมาก


 ป้ายใหม่ "Gulliver Traveler's club" ในวันที่ไร้รถสามล้อลอยฟ้าคันนั้น

****************************************************************

หลังจากแก็งค์หนุ่มสาว 4 คนชาวแอฟริกาใต้ซื้อแผนที่เซาท์เทิร์นไทยแลนด์ไป 1 ฉบับพร้อมกับขอข้อมูลการเดินทางลงไปเกาะเต่าเพื่อฉลองสิ้นปี เปรียบเทียบกันระหว่างรถทัวร์รอบค่ำกับรถไฟตู้นอน ผมค้นข้อมูลในอินเตอร์เน็ตให้ไป เพื่อการตัดสินใจร่วมกันของทั้ง 4 คน ซึ่งสุดท้ายแล้วดูเหมือนว่าตาอยู่-รถทัวร์เช้าจะได้ลูกค้า 4 คนนี้ไปเพราะ

1) รถทัวร์รอบดึกไปถึงชุมพรเร็วไป ทั้งหมดไม่อยากไปแกร่วรอเรือข้ามเกาะหลายชั่วโมงก่อนสว่าง

2) รถไฟตู้นอนเหมาะสมที่สุด เพราะเป็นเซคกันคลาส มีแอร์ ... แต่ดันไม่มีเตียงเสียฉิบ ทั้งหมดไม่อยากนั่งหลับไปทั้งคืน

ดังนั้นทั้งหมดจึงเห็นด้วยร่วมกันว่าไปรถบัสรอบเช้า 6 โมงถึงชุมพรประมาณเที่ยง แล้วข้ามไปเกาะเต่าก็โอเค ถึงจะตื่นเช้าหน่อยก็พอรับได้ สามารถไปเฮฮาปาร์ตี้กันต่อได้เลย โดยไม่ต้องทรมานกับการนอนไม่เต็มที่บนรถบัสรอบดึก หรือนั่งไปทั้งคืนบนรถไฟ

"คุณมาเที่ยวเมืองไทยครั้งแรกใช่ไหมนี่" ผมถามไปที่หัวหน้าแก็งค์หนุ่มผิวขาว ผมหยิก

"สำหรับพวกเพื่อนผมเป็นครั้งแรก แต่สำหรับผมเป็นครั้งที่สองแล้ว เรามีเวลา 4 สัปดาห์ กลับหลังปีใหม่" เสียงตอบมายิ้มๆ พร้อมกระดกขวดเบียร์สีดำในมือขึ้นจิบ

"อ้อ ... ถ้างั้นผมถามคุณหน่อยสิ ทำไมถึงเป็นเมืองไทยนี่ ทำไมไม่เป็นเวียตนาม กัมพูชา หรือที่อื่น" ผมถามไปด้วยวิญญาณคนอยู่ในธุรกิจการท่องเที่ยวที่ต้องการข้อมูล

"เมืองไทยนี่ทะเลสวย สำคัญเลยคือสะดวก ... เช่น นี่ไงถ้าผมจะไปเกาะเต่า แล้วผมซื้อตั๋วไปเกาะเต่า ผมก็มั่นใจว่าปลายทางนี่ผมจะไปโผล่ที่เกาะเต่า แล้วก็ราคานี่ไม่ใช่ปัญหาเลย ไม่เหมือนอย่างเมืองจีน ... " ชายหนุ่มอธิบายให้ฟังว่า บ้านเราไม่ใหญ่มากนัก เดินทางสะดวก สื่อสารกันได้ ในระดับค่าใช้จ่ายที่คุ้ม ยกตัวอย่างเปรียบเทียบกับจีนก็น่าจะประมาณว่า ใหญ่เกินไป การเดินทางอาจจะไม่ค่อยสะดวกนัก และคุยกันก็ลำบาก ผมพอสรุปใจความสำคัญเป็นข้อมูลให้ท่านปลัด ททท. ประมาณว่า

"การเดินทางไปท่องเที่ยวต่างถิ่นอย่างเมืองไทย ถ้ามันไม่ยากนัก แถมสื่อสารกันก็พอรู้เรื่องได้ ก็ย่อมดีกว่าการไปยังเมืองที่เที่ยวยาก แถมสื่อสารก็ลำบาก"

ผมอวยพรให้ทั้ง 4 คนเดินทางโดยสวัสดิภาพก่อนจะออกจากร้านไป ขณะเดียวกันสาวผิวสี ผมหยิกอีก 1 คนก้าวเข้ามาในร้าน ตามมาต้อยๆด้วยเด็กหญิงตัวเล็กประมาณ 5-6 ขวบ

"ฉันขอดูตุ๊กตาคู่แฝดสวมหมวกส้มคู่หน้าตู้หน่อยสิ" หญิงสาวเอ่ยปาก พร้อมรอยยิ้มกว้างบ่งบอกความรู้สึกถูกอกถูกใจชัดเจน

ผมหยิบจากหน้าตู้มาวางห้อยเท้าให้เธอดูบนปึกหนังสือตรงหน้า เธอหัวเราะแล้วหยิบขึ้นมาถือในมือตัวหนึ่ง ส่วนอีกตัวเธอส่งให้เด็กน้อยประคองไว้ เด็กน้อยหัวเราะเสียงใส ตาเป็นประกาย

"แล้วคู่ที่สวมหัวด้วยผักกาดหอมล่ะ" เธอหมายถึงอีกคู่หนึ่งที่ใส่กางเกงเอี๊ยมมีสายคล้องไหล่ พร้อมเสื้อเชิ้ตลายสก็อต นั่งบนเก้าอี้ไม้ทาสีขาวสะอาด+พนักพิงสีเขียวสวย พร้อมกับตะแกรงเหล็กดัดมีช่องกลม 3 ช่องใส่กระถางต้นกล้วยเล็กจิ๋ว 3 กระถาง และ ที่หนีบกระดาษทำเป็นรั้วไม้เล็กๆสีเขียว ทั้งหมดเป็นของประดับตกแต่งชิ้นเล็ก ที่ถูกสรรหามาจัดประกอบเข้าด้วยกัน ... เธอพยักหน้าให้หยิบมาทั้งชุด

"ทั้งหมดเท่าไหร่นี่" เธอถามพร้อมยิ้มกว้าง หลังจากผมหยิบทั้งชุดออกมาวางไว้ให้ดู ... เธอหมายถึงชุดคู่แฝดสวมหมวกหัวผักกาด

ผมคิดราคาทั้งหมดบอกเธอไป ... เธอหันหลังกลับเดินออกจากร้าน ไปตามชายหนุ่มผิวขาวที่ยืนสูบบุหรี่อยู่นอกร้าน แล้วแจ้งความประสงค์ไปก่อนจะเดินไปทางด้านชั้นไม้อีกด้านหนึ่ง เสียงเด็กน้อยกับแม่ของเธอหัวเราะกันคิกคักอยู่ตรงตู้กระจกวางของกระจุกกระจิก

"เราซื้อทั้งชุดนี้" ชายหนุ่มยิ้ม แล้วเอ่ยขึ้นพร้อมกับควักกระเป๋าเงินออกมา

ผมพยักหน้าแล้วค่อยๆทยอยห่อตุ๊กตาแยกกัน 2 กล่องเล็ก พร้อมกับส่วนที่เหลืออีก 1 ถุงผ้าก่อนจะรวมกันใส่ถุงใหญ่ ผมรับเงินแต่สายตามองข้ามไปยังแม่ลูกด้านหลัง

"ขอบคุณมาก ขอให้เที่ยวให้สนุกนะครับ" ผมกล่าวกับชายหนุ่มก่อนจะเดินไปที่เด็กน้อย แล้วหยิบตุ๊กตาเด็กสาวผมสีทองกับผมสีดำให้เธอไป 2 ตัว มันเป็นตุ๊กตาติดแป้นสปริงชนิดที่เอาไว้ติดหน้ารถ เวลาขับรถ สปริงจะสั่นตลอดเวลาทำให้ตุ๊กตาเด้งไปมาดูน่าตลก นั่นเป็นต้นเหตุของเสียงหัวเราะคิกคักจากแม่ลูกทั้งสอง

"For you.  Merry X'mas & happy new year." ผมบอกไปยังเจ้าของใหม่ของตุ๊กตา

"Oooo ... Thank you" เด็กน้อยประคองของขวัญชิ้นเล็กก่อนหันไปยิ้มกับแม่ของเธอ

SmileySmileySmiley

ปล. วันก่อนลูกค้าเอาโปสการ์ดจากเวียตนาม มาฝากส่งที่ร้านไปเยอรมันนี 3 ฉบับ แน่นอนว่าเพื่อนที่เยอรมันจะได้โปสการ์ดเวียตนามแต่แสตมป์ไทย แต่ที่สะดุดตาผมคือ .....


แตงกวาลูกขนาดยักษ์ในหาบของแม่ค้า มันใหญ่กว่าน่องของผมอีก ... นี่มันต้นตระกูลแตงกวาใหญ่สุดที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ใหญ่กว่าบวบแถวบางลำพูนี่เป็นกอง ผมเคยกินกับน้ำพริกกะปิหรือคั่วกลิ้ง ขนาดสักคืบนึงก็ไม่ค่อยจะเคยเห็นแล้ว ...


ทำให้นึกไปถึง วันนั้นเพิ่งกลับเข้าบ้านมา หางตาเห็นใบนางกวักอยู่หลายใบโดนแทะแหว่งวิ่น ผมเลยรีบวางกระเป๋าแล้วเอามีดมาตัดใบที่แหว่งๆออกทิ้ง เจอเพื่อนหนอนชาเขียวเข้าหลายตัวเหมือนกัน ตัวเล็กๆพอน่ารัก บางตัวใหญ่หน่อยขนาดมีดคัตเตอร์ เจอเข้าที่ก้านไหนก็ไม่ค่อยอยากจะจับแล้ว ... ตัวสุดท้ายที่ทำให้ผมแทบจะร้องจ๊ากอย่างขวัญบินคือตัวในรูปนี่ครับ มันอ้วนกว่าปากกาเขียนไวท์บอร์ดด้ามนั้นอีก เห็นแล้วขนลุก ... หึย์ย์ย์ย์ SmileySmileySmiley




Create Date : 15 ธันวาคม 2555
Last Update : 15 ธันวาคม 2555 22:27:38 น. 0 comments
Counter : 2089 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jettajan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add jettajan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.