ร้านหนังสือในข้าวสาร ... ตอน The returner ... เธอ อยากกลับมาไหม
สวัสดีครับคุณผู้อ่านทุกท่าน ด้วยความยินดีที่ยังมีชีวิตอยู่ ยังมีอวัยวะครบ 32 หายใจได้ดี กินอิ่ม นอนหลับ ยังสามารถอ่านหนังสือได้ และเอานิ้วจิ้มๆลงคีย์บอร์ดเขียนเล่าเรื่องราวความเป็นมาเป็นไปในบางวันจากร้านหนังสือเล็กๆแห่งหนึ่งในถนนข้าวสาร ตอนทำร้านใหม่ๆ ผมเคยนึกถึงบรรยากาศร้านแบบในหนัง บางทีจะเป็นฉากร้านเก่าๆขายอุปกรณ์พ่อมด-แม่มดในแฮรี พอตเตอร์ ตอนที่แฮรีเข้าไปหาซื้อไม้กายสิทธิ์ในภาคแรก ร้านดูลึกลับน่าค้นหา หรือไม่ก็ฉากห้องสมุดที่เก็บ "Book of secrets" - "หนังสือแห่งความลับ" ของประธานาธิบดีสหรัฐ ในหนัง "National Treasure 2" ถ้าร้านเป็นแบบนั้นละก็ คงได้นอนหลับบนกองหนังสือแทนเตียงแน่ๆ ... บางทีร้านอาจจะเป็นแบบฉากหวาดเสียวหน้าชั้นหนังสือของ เคียรา ไนท์ลีย์ ในหนัง "Atonement" ก็อาจจะทำให้ร้านหนังสือดูตื่นเต้นดี ติดเรทนิดหน่อย ... แต่ไม่อยากเห็นร้านเลอะเทอะไปด้วยเลือดแบบบ้านของ "พอล" พ่อค้าหนังสือมือสองในหนัง "Unfaithful" ที่ถูกริชาร์ด เกียร์เอาลูกแก้วตีกบาลดับคามือข้างกองหนังสือในห้องของตัวเอง หลังจับได้ว่าพ่อค้าเจ้าเสน่ห์แอบกิ๊กกับ ไดแอน เลน - เมียรัก คุณแม่ลูกหนึ่ง
ร้านขาย "ไม้กายสิทธิ์" ในแฮรี พอตเตอร์-ภาคแรก บรรยากาศน่าเข้าจริงๆ แถมถ้าได้ไม้กายสิทธิ์มาสักอันละก็ จะเอามาสาปนักการเมืองขี้ฉ้อบ้านเราให้กลายเป็นลิงให้หมดเลย
"Library of Congress" ห้องสมุดรัฐสภาและหอสมุดแห่งชาติสหรัฐอเมริกา ที่เก็บ "Book of secrets" ของท่านประธานาธิบดี ... เอ้อ ถ้าร้านหนังสือใหญ่ขนาดนี้คงไม่ต้องออกไปไหนแล้วละ
Love scene ของ "เคียรา ไนท์ลี" กับ "เจมส์ แม็คอะวอย" ดาวดวงใหม่ผู้จุติจากบทบาทของ "Charles Xavier" หรือ "Professor-X" จาก "X-Men First class" ... แหม หนังสือในตู้ข้างหลังด้านขวาแถวกลางนั่นเป็น Encyclopedia Britannica หรือเปล่าครับ ถ้ายังไงก็ระวังนิดหนึ่ง ชั้นหนังสือด้านหลังมันน่าจะดีไซน์ไว้แค่รับน้ำหนักหนังสือหรือของที่มันวางอยู่นิ่งๆน่ะ ... ไปใช้งานมันผิดวิธีแบบนั้น เดี๋ยวมันเกิดถล่มลงมา สันหนังสืออาจจะยับ มุมหนังสือจะขาดน่ะ ... เสียดายครับ
ห้องนอนของพ่อค้าหนังสือมือสอง ... สินค้าหนังสือเก่าบางส่วนกองเต็มใต้เตียงที่ผ้าปูยับยู่ยี่จา่กสงครามครั้งสุดท้าย ก่อนที่พ่อค้าจะถูกสามีของกิ๊กเอาลูกแก้วตีกบาลดับอนาถคากองหนังสือ เลือดนองเชียว ... หนังสือชุ่มเลือดเล่มนั้น คือ "White Fang" อมตะนิยายคลาสสิคของ "Jack London" หรือที่ถูกแปลเป็นภาษาไทยว่า "ไอ้เขี้ยวขาว" ... หลังผ่านพ้น 7 วัน มันจะกลายเป็นหนังสือผีสิง หวังว่าคงไม่ได้ตกมาอยู่ในมือคุณ ( ขอบคุณภาพจากคุณ Autumn whispers / pantip ) ร้านหนังสือยังคงเปิดอยู่นะครับ สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการไกด์บุ๊คโลนลีแพลนเน็ต ไกด์บุ๊คภาษาต่างประเทศ มือหนึ่ง มือสอง แผนที่ท่องเที่ยว สำหรับแบ็คแพ็คเกอร์ชาวไทยเอาไว้เลือกใช้งานกัน ฝากเพื่อน ฝากญาติก็ได้ ขายคืนที่ร้านก็ยังได้เงินคืนครึ่งราคา หรือถ้าจะซื้อขาดไปเลยก็ลดเงินสดให้ 20% นอกจากนี้ก็ยังมีหนังสืออ่านภาษาอังกฤษมือสอง มือหนึ่งให้ได้แวะช็อป แวะชมกัน ไม่มากก็น้อย พอหอมปากหอมคอ ... ตามข่าวเศรษฐกิจโลกซบเซา สหรัฐจะบอมบ์ซีเรียวันไหนก็ยังไม่รู้ หนี้ครัวเรือนบ้านเรา ราคาค่าใช้จ่ายรายวัน คุณภาพการศึกษาบ้านเรา หลายคนก็บ่นลำบาก หลายคนก็ว่าคิดมาก มองต่างมุมก็ว่ากันไป ก็มีคนเขาเตือนกันไว้สองพันกว่าปีแล้ว ว่าชีวิตคือทุกข์ มีเหตุที่มา แก้ได้ที่ต้นเหตุ และเผื่อไว้ให้ด้วยว่า ถ้าแก้ไม่ได้ก็คงต้องวางเฉยกันสักที ... ประหนึ่งเห็นภาพตัวเองยืนอยู่บนฝั่งแม่น้ำที่สายธารไหลผ่านไปลงทะเล มหาสมุทร ระเหยกลายเป็นไอฝนตกลงมาเป็นวัฏจักรที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ชีวิตก็เป็นเพียง 1 วงรอบ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไม่ต่างกันทุกผู้ ทุกนาม ทักทายกันเล่นๆแล้ว ก็เข้ามาที่ร้านหนังสือกันครับ บ่ายวันก่อนนี้ผมเฝ้าร้านอยู่เงียบๆ ดูหนังซอมบี้เรื่องล่าสุดของ แบร็ด พิท ต่อจากหนังตระกูลซอมบี้ ผีลืมหลุม กลับจากป่าช้า "Return of the living dead" ที่ทยอยไล่ดูมาหลายวัน เห็นพัฒนาการของซอมบี้จากสมัยก่อนจนถึงสมัยนี้ที่วิ่งเร็วเป็นหมาบ้าจากเมื่อก่อนที่คืบทีละก้าวเป็นหมาขาหัก พอๆกับผีจีนที่กระโดดทีละก้าวๆแล้วก็เหนื่อยแทน ... พักหนึ่งก็เจอลูกค้าหนุ่มหุ่นสูงโปร่ง ผมทอง บ่งบอกสัญชาติเยอรมัน สวมกางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ เสื้อเชิร์ตแขนยาวพับถึงศอกทะมัดทะแมง เดินเข้าร้านมาแจ้งวัตถุประสงค์อย่างเป็นทางการพร้อมรายละเอียดชัดเจน "Hello, Do you have Stefan Loose Myanmar? I need one." ... สวัสดี คุณมีหนังสือไกด์บุ๊คเมียนมาร์ของสเตฟาน โลซ ไหม - ลูกค้าถามเสียงฉะฉาน "Of course, yes. I have 2. Latest edition year 2012 & old edition year 2007." ... มีสิ 2 เล่ม เป็นฉบับล่าสุดปี 2012 เล่มหนึ่ง กับ ฉบับเก่าปี 2007 อีกเล่มหนึ่ง - ผมตอบพร้อมแจกแจงรายละเอียด "Let me see." ... ขอผมดูหน่อย - ลูกค้าพยักหน้าก่อนที่ผมจะเดินไปหยิบมาให้ดูเปรียบเทียบสภาพและราคากันทั้ง 2 เล่ม "I prefer this latest one. Can you give me a bit discount?" ... ผมเอาเล่มนี้ คุณลดราคาหน่อยได้ไหม - ลูกค้าหนุ่มแกะซองพลาสติกห่อ พลิกดูหน้าหนังสือด้านในแล้วพยักหน้า "I buy back in half price. You come back here bangkok, correct?" ... ผมซื้อคืนครึ่งราคานะ ออกจากพม่าคุณต้องกลับมากรุงเทพนี่ ใช่ไหม - ผมถามยิ้มๆ ลูกค้าไปพม่าเกือบร้อยเปอร์เซนต์จะจับเครื่องบินกลับมาที่เมืองไทย ฉะนั้นถ้าไม่ใช่ลูกค้าประเภทสะสมหนังสือไกด์บุ๊คที่ใช้ในการเดินทางเก็บเข้าคอลเลคชันเป็นที่ระลึก ลูกค้ามักจะเอาไกด์บุ๊คพม่ามาขายคืนที่ร้าน ในสายตาวิเคราะห์ลูกค้า ผมเดาว่าหนุ่มเยอรมันคนนี้ ไม่ใช่ลูกค้านักสะสมหนังสือแน่นอน "Yes, I come back." ... ใช่ ผมกลับมา - ลูกค้าหนุ่มตกลงยอมรับข้อเสนอซื้อคืนครึ่งราคาแล้วจ่ายเงิน "You come alone, do you travel alone?" ... คุณมาคนเดียวนี่ คุณเดินทางคนเดียวเหรอ - ผมถามพร้อมหยิบหนังสือใส่ถุงและยื่นส่งให้พร้อมเงินทอน "No, I traveled with my girlfriend since last 2 months. Start from vietnam, cambodia and here. But my girlfriend back already to study. Only me come here and go to myanmar." ... ไม่ใช่ ผมมาเที่ยวกับแฟนสาวน่ะ ตั้งแต่ 2 เดือนก่อน เราตั้งต้นจากเวียตนามเหนือ ไล่ลงมาใต้ ต่อมาที่กัมพูชาและก็เมืองไทยนี่ แต่พอดีว่าแฟนผมต้องกลับไปเรียนต่อก่อน เลยเหลือผมคนเดียวเดินทางต่อจากนี่ไปพม่า - ชายหนุ่มอธิบายที่มาที่ไปของการบินเดี่ยวครึ่งทาง "Don't you go back to study with your lady?" ... อ้าว แล้วคุณไม่ต้องกลับไปเรียนพร้อมกับแฟนเหรอ มาด้วยกัน - ผมถามอย่างสงสัย "No, I finished already. Later I go back to work." ... ไม่ต้อง ผมจบแล้ว ถ้าจะกลับไปก็ทำงานแล้ว - ชายหนุ่มตอบยิ้มๆ "Welcome for your single life again." ... อ้อ เข้าใจล่ะ ... ยินดีด้วยกับชีวิตโสดอีกครั้ง - ผมพยักหน้าพร้อมสัมผัสมือชายหนุ่มหนักแน่น อวยพรให้เที่ยวสนุก "See you in next 2 weeks" ... 2 สัปดาห์หน้าเจอกันใหม่ - ชายหนุ่มโบกมือลา ก่อนออกจากร้านไป ลูกค้าหนุ่มเยอรมันกับไกด์บุ๊คสเตฟานโลซเมียนมาร์เล่มนี้ เป็นลูกค้าที่น่ารักครับ แต่งตัวเรียบร้อย พูดจาสุภาพ ท่าทางไม่เกเร หนังสือน่าจะได้รับการดูแลอย่างดี ไม่ช้ำชอกจากการใช้งานสมบุกสมบันเกินเหตุ แตกต่างจากแบ็คแพ็คเกอร์ขาเที่ยวบางเชื้อชาติ บางคน ที่เห็นหน้าตา ผมเผ้า แต่งตัวฮิปปี้สุดติ่ง สะพายย่าม ใส่เสื้อกล้าม คีบรองเท้าแตะ ก็ให้ทำใจได้กับหนังสือที่กลับคืนมาว่าคงมีสภาพไม่แตกต่างจากคนซื้อสักเท่าไหร่ ตัวเองพี่แกยังไม่สนใจดูแลเลย แล้วหนังสือที่ใช้แล้วคืนไปจะได้รับการดูแลดีกว่ากัน ก็คงแทบเป็นไปไม่ได้ มีอีกหลายเคสครับที่คนขายยินดีอยากให้ลูกค้ากลับมาคืนหนังสือ เช่นหนังสือไกด์บุ๊คบางภาษาที่หายาก คนขายก็ไม่ค่อยอยากจะขายขาดเท่าไหร่ แต่อยากจะให้ลูกค้ากลับมาคืนซะมากกว่า จำได้ว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งลูกค้าสเปนเข้า-ออกร้านบ่อยมาก เพราะผมมีโลนลีแพลนเน็ตภาษาสเปนโชว์อยู่หน้าร้านหลายเล่ม หรืออีกช่วงหนึ่งที่ลูกค้าอิสราเอลเข้ามาเยอะเหมือนกันเพราะโลนลีแพลนเน็ตเวียตนาม กัมพูชา ลาว อนุภูมิภาคแม่น้ำโขงภาษาฮีบรูที่มีอยู่หลายเล่มออกฤทธิ์เต็มที่อยู่ หรือแม้แต่โลนลีแพลนเน็ตภาษาอังกฤษบางปกที่ซื้อง่าย ขายง่าย ก็ดึงดูดลูกค้า เรียกว่าซื้อคืนมาไม่กี่วันก็ออกเดินทางอีกแล้ว บางกรณีที่ลูกค้าหน้าเก่าจะกลับมา ซื้อบ้าง ขายบ้าง หรือลูกค้าหน้าใหม่แต่ซื้อเยอะก็โอเค วันก่อนคุณแม่ลูกหนึ่งชาวเกาหลีก็พาลูกเล็ก 2 คน เข้ามากวาดสมุดภาพของแนนซี แชนด์เลอร์ไปหลายเล่ม หลังจากเข้ามาขอใช้ห้องน้ำเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เจ้าตัวเล็กพักใหญ่ ... หนุ่มใหญ่ที่เข้ามาซื้อโปสการ์ดปึกเดียว ภาพเดียว 40 ใบ ไม่ต้องยืนเลือกแล้วเลือกอีก อย่างนี้พ่อค้าชอบอยากให้กลับมาซื้อบ่อยๆ เช่นกัน ส่วนกรณีที่ไม่อยากให้กลับมา ก็หลายหลาก เช่น ไกด์บุ๊คบางภาษาที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเท่าไหร่ แถมไม่ใช่ไกด์บุ๊คเที่ยวเมืองไทยบ้านเราเสียอีก ส่วนใหญ่จะติดมาตอนที่รับซื้อรวมมาทีละเยอะๆ เป็น "เด็กหลังห้อง" ที่ไม่ค่อยมีลูกค้าสนใจ วางไว้จนฝุ่นเกาะ ลูกค้าถามหาหรือหยิบขึ้นมาดูทีนึงนี่แทบจะเก็บอาการไม่อยู่ แถมถ้าซื้อด้วยก็แทบจะปิดร้านฉลองเลย โดยที่ผมจะบอกลูกค้าก่อนเลยว่าปกนี้ เล่มนี้ ผมไม่ซื้อคืนนะ "เด็กหลังห้อง" โลนลีแพลนเน็ตภาษาอิตาลีสองเล่มนี้ จะมีคนซื้อออกจากร้านไปไหมหนอ ... หรือมันจะอยู่เป็นเล่มสุดท้ายตอนเลิกกิจการก็ไม่รู้ ... มาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไน - เล่มล่างที่เพิ่งเข้ามาใหม่นั้นอาจยังพอมีความหวังเป็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เพราะอยู่แถวบ้านเรานี่เอง อาจมีนักท่องเที่ยวอิตาลีรั่วๆสักคู่มาคว้าไปก็ได้ หลังจากมาเที่ยวเมืองไทย ... แต่ โอมาน เยเมน อาหรับ - เล่มบนนี่สิ ... คิดไม่ออกจริงๆ นอกจากนี้ก็จะมีบางปก บางเล่มที่เป็นประเภทฉบับใหม่กำลังจะออกวางตลาดอยู่รอมร่อ แต่สต็อกของปกเก่ายังค้างอยู่บนชั้น จากการประเมินตลาดพลาด แล้วปรากฏว่ามีผู้ช่วยชีวิตเข้ามาช่วยกอบกู้สถานการณ์อย่างฉิวเฉียด บางประเทศ นักท่องเที่ยวจะรู้อยู่ว่ามันแทบจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร แถมกำลังจะเดินทางอยู่แล้วด้วย ไม่ได้เตรียมตัวทำการบ้านมา หามาแทบทุกร้านก็ไม่มี ไม่สามารถรอปกใหม่ที่กำลังจะออกอีกเดือนได้น่ะ ... ว่างั้น ที่จำได้ก็มี โลนลีแพลนเน็ตไต้หวัน 2007 ปกใหม่กำลังจะออกอยู่ปี 2011 เดือนไหนไม่รู้ แต่ผมมีสต็อกเก่าค้างชั้นอยู่ 3 เล่ม ดูแคตตาล็อกไปก็ถอดใจแล้วว่า "ขึ้นคาน" แน่ 3 เล่มเดือนเดียวยังไงก็ไม่หมด ถ้าจะหมดคงหมดไปนานแล้ว ปรากฏว่าเกิดปาฏิหารย์อะไรไม่ทราบ ช่วงไฮซีซันหรือเปล่าก็ไม่รู้ ลูกค้าซื้อไล่ไปสัปดาห์ละเล่มหมดทันพอดีอย่างฉิวเฉียดปกใหม่ออกที่สุด ... ก่อนหน้านั้นอีกเคสหนึ่งเป็นโลนลีแพลนเน็ตเซาท์อเมริกาออนชูสตริงปี 2010 ที่โดนป้าแบ็คแพ็คเกอร์รุ่นใหญ่วัยเกษียณอีกคน คว้าไปได้ก่อนปกใหม่ออกเดือนเดียวเหมือนกัน อันนี้ทำเอาลุ้นสนุกทีเดียว ผมเก็บรูปลูกค้าเก่าบางคนไว้ เอามาแชร์กันดูเล่นๆครับ บางคนอาจรู้ตัว บางคนอาจไม่รู้ตัว
หนุ่มเยอรมันที่มาขุดโลนลีแพลนเน็ตฮ่องกง กับโลนลีแพลนเน็ตเจแปน ฉบับเก่าเก๋ากึ้กไป พ่อหนุ่มบอกว่าจะไปแค่ไม่เกิน 2 อาทิตย์แล้วกลับมาคืน จนป่านนี้ก็นานแล้ว คงกลับบ้านหรือไม่ก็ได้เมียหมวยกิ๊ไปแล้วมั้ง ... ลูกค้าหนุ่มนี่ไม่กลับมาก็ดีแล้ว เพราะ 2 เล่มนั้นเก่ามากแล้ว ถ้ากลับมาขายคืนนี่ไม่รู้จะไปขายใครต่อ
สาวหมวยจาก ม.บูรพา กลับมาพร้อมกับเพื่อนที่เรียนด้วยกัน พาเพื่อนมาซื้อโลนลีแพลนเน็ตไทยแลนด์มือสอง ปี 2009 ในราคาเดียวกัน หึ หึ ... สองคนนี่ไม่กลับมาท่าจะดีกว่า เพราะกว่าจะเรียนจบ โลนลีแพลนเน็ตไทยแลนด์ฉบับใหม่ ปี 2015 น่าจะออกแล้ว
คู่หนุ่มสาวเยอรมันที่เดินเข้าเดินออก เช็คราคาอยู่ 3 รอบก่อนจะตัดสินใจซื้อ ดูมองท์กัมพูชาและลาว ไปในราคาพิเศษ หลังจากเอาไกด์บุ๊คมาร์โคโปโลประเทศกัมพูชามาแลก และต่อราคาอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง จนพ่อค้าอ่อนใจ ... ก็ผมบอกแล้วว่า ร้านอื่นไม่มี ไม่มี ... ไม่เชื่อซะงั้น ... คู่นี้ไม่ต้องกลับมาท่าจะดีกว่า เพราะไกด์บุ๊คดูมองท์ภาษาเยอรมันขายยาก
สาวอิสราเอลที่ซื้อ "Catching fire" ภาค 2 ของเกมส์ล่าเกมส์ไป แต่ไม่อยากถ่ายรูปเดี่ยว เป็นลูกค้าคนแรกที่บังคับถ่ายรูปจากพ่อค้าได้ แถมแลบลิ้นอีกต่างหาก ... ช่างไม่รู้เลยว่าพ่อค้าไม่ชอบท่าแลบลิ้นถ่ายรูปของวัยรุ่นสมัยนี้มาก มันเหมือนหมาลิ้นห้อยในหน้าร้อนน่ะ น้ำลายหยดแหมะๆ ... แหวะ
ส่วนญาติลูกสาวตัวเล็กของลูกค้าครอบครัวพ่อแม่ลูกบ้านนี้ เข้ามารื้อร้านอยู่นานสองนาน หนังสือร่วงลงพื้นตุบตับ ตุบตับ พ่อค้าไม่ว่าอะไร พ่อเค้าแม่เค้าก็ไม่ว่าอะไร ก็เลยอยากรู้ว่าบรรณารักษ์น้อยผมทองนางนี้จะทำอะไรได้บ้างกับปึกหนังสือเก่าที่วางอยู่ข้างหน้า อาศัยว่านางตัวเล็ก แรงคงไม่เยอะ แล้วท่าทางก็ไม่ซุกซนเกินเหตุ คงไม่ทำให้ชั้นหนังสือเอียงโค่นลงมา ... นั่งดูไป ถ่ายรูปไป อย่างเพลิดเพลิน (ภาพขวาสุดเป็นผลงานการจัดร้านของนาง) ... ก็ไม่รู้ว่าลูกค้าตัวเล็กผมทองนางนี้ จะอยากให้กลับมาหรือไม่อยากให้กลับมาดี ??? ... นี่ยังดีนะครับที่เจอแค่หญิงเดี่ยว ไม่เจอเป็นทีมคู่เข้าไป จริงๆแล้วที่บังหลังชั้นนั่นยังมีเทวดาตัวเล็กอยู่ในรถเข็นอีก 1 องค์ ... ถ้าเสด็จลงมาด้วยกันละก็ ... เรื่องนี้ ถึงครูอังคณาแน่ !!! สวัสดีครับ เจตตจัน 02-2820358 085-8035412 087-0719858่ ปล. เพิ่มให้อีกหน่อย ตอนนี้สนามหลวงโล่งแล้ว จริงๆพวกพี่ๆเค้ากลับกันตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เช้าวันเกิดเหตุผมวนอยู่รอบสนามหลวงเพื่อเก็บภาพอยู่ 2 รอบด้วยความประหลาดใจ ก่อนขึ้นสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ... เอ่อม ด้วยความเคารพนะครับ อันนี้ ไม่กลับมาก็น่าจะดี พวกพี่ๆเขาจะได้พักผ่อนกันบ้าง เห็นกรำศึกมานาน คงจะเหนื่อยเหมือนกัน
ตอนเก็บเห็นแบ่งเป็น 2 ช่วง ใช้เวลาประมาณ 3-4 วัน เช้าวันแรกที่เห็นนั้น ผ้าใบบังแดดถูกปลดลงมาเกือบหมด พร้อมๆกับกองพาเลทไม้ที่ย้ายมาสุมรวมกันเป็นกองๆ ก่อนทยอยขนออกไป
Create Date : 14 กันยายน 2556 |
Last Update : 14 กันยายน 2556 11:25:14 น. |
|
1 comments
|
Counter : 2515 Pageviews. |
|
|
louis vuitton outlet online //www.hotelduemondi.it/