Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2556
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
5 ตุลาคม 2556
 
All Blogs
 
ร้านหนังสือในข้าวสาร ... ตอน Failed @ Khaosan 1

สวัสดีครับคุณผู้อ่านทุกท่าน กับเดือนสุดท้ายปลายฝน-ต้นหนาว เดือนที่กองทัพน้ำเข้าถล่มบริษัทที่นิคมบางปะอินเมื่อ 2 ปีก่อน ส่วนปีนี้ก็มีออกอาการอยู่บ้างกับปริมาณน้ำเหนือที่ไหลลงมา แต่ว่านิคมก็ป้องกันเรียบร้อยไปแล้วโดยการกำจัดเขื่อนดินที่เคยพูนสูงอยู่โดยรอบ และเปลี่ยนเป็นเขื่อนปูนแทนหลังจากที่ขุดลอกคลองรอบนิคมและล้มต้นไม้ พุ่มไม้ใหญ่น้อยโดยรอบจนเกลี้ยง ทำเอาภาพบรรยากาศเดิมๆที่ดูร่มรื่น ริมทางรถไฟที่วิ่งอยู่ติดกับบริษัทหายไป เปลี่ยนเป็นภาพกำแพงเกลี้ยงๆที่ก่อขึ้นสูงท่วมหัวจนแม้กระทั่งผมยืนมองจากหน้าต่างกระจกชั้นสองของที่ทำงานก็ไม่สามารถมองเห็นรางรถไฟได้อีกต่อไป จะเห็นก็เฉพาะตัวรถไฟสูงจากระดับครึ่งล้อขึ้นมาเท่านั้น แต่ก็ทำให้มั่นใจได้มากขึ้นถ้าเทียบกับเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อ 2 ปีก่อน ... นับว่าเป็นต้นทุนที่ต้องจ่ายไปครับ ทุกอย่างในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆอยู่แล้ว ซื้อของก็ต้องจ่ายเงิน รับเงินเดือนก็ต้องทำงานให้เขา แม้กระทั่งเป็นวณิพกก็ยังต้องร้องเพลง ยกมือไหว้แลกเงินที่ได้มา เพียงแต่ว่าต้นทุนที่ต้องใช้จ่ายไปนั้นจะคุ้มกันหรือเปล่ากับสิ่งที่ได้มา ... เรื่องเล็กๆไม่ซับซ้อนก็ง่ายอยู่ แต่เรื่องใหญ่ๆ เกี่ยวกับคนหมู่มาก เกี่ยวกับภาษี-เงินกองกลางของบ้านเมืองก็ยากขึ้น ก็ได้แต่หวังให้ตัวแทนคิดกันดีๆหน่อย อย่าปล่อยให้เกิดค่าโง่กันบ่อยนัก ... ค่าโง่จากสัญญามากมาย เสาตอม่อโฮปเวลล์เอย ค่าโง่ทางด่วนเอย สารพัด ... เอาอย่างสวิสเซอร์แลนด์น่าจะดีนะครับ กับการทำประชามติบ่อยๆ เกือบจะทุกเรื่อง แม้จะมีต้นทุนสูงพอควรแต่ก็ลดปัญหาความขัดแย้งได้ดีเหมือนกัน ... เอ๊ะ ว่าแต่วกมาไงเนี่ย ชักงง


ต้นปีที่แล้ว เขื่อนดินเดิมถูกทลายราบหลังจากไม่ได้ช่วยกั้นน้ำเลยสักนิดเดียว แนวเส้นดำๆด้านหลังไม่ไกลนั่นคือรางรถไฟที่วางขนานกับแนวกำแพงนิคมอุตสาหกรรม


เขื่อนปูนใหม่มูลค่าหลายร้อยล้านที่ทำเสร็จ พร้อมกับแนวรางระบายน้ำที่เทใหม่เหมือนกัน เดิมทีจะเป็นแค่เนื้อดินธรรมชาติ แต่ปัจจุบันผิวดินด้านใต้รวมทั้งผนังทั้ง 2 ด้าน ถูกเททับด้วยปูนซีเมนต์ทั้งหมด

พอดีวันก่อนขับรถมาทำงานแล้วเห็น "ภาพบาดตา" ข้างทางขึ้นมาเลยทำให้ย้อนระลึกถึงภาพอดีตอันคุ้นเคย เหตุการณ์ใกล้เคียงกันคือน้ำท่วมสูงบริเวณหน้าทางเข้านิคม เพียงแต่ว่าปีนี้เช้าวันจันทร์ที่เจอนั้นเป็นเช้าวันที่ฝนตกหนักต่อเนื่องมาจากคืนวันอาทิตย์และมาหยุดตกตอนใกล้รุ่ง ปริมาณน้ำฝนที่ตกนั้นมากจนทำให้ทางนิคมต้องเปิดใช้เครื่องสูบน้ำทำงานถึง 4 ท่อเพื่อดึงน้ำออกมาลงลำรางรอบนอก ทำให้น้ำเอ่อล้นท่วมถนนกินเลนมาเกือบ 2 เลนทั้งๆที่ถนนหน้านิคมนี่เพิ่งถมสูงเพิ่มจากระดับเดิมร่วมเมตร เรียกว่าเป็นการซ้อมเรียกน้ำย่อยเบาๆ พอขำๆ ... เพื่อนๆที่ทำงานทักกันสนุกว่าภาพคุ้นๆตา ปีนี้เตรียมตัวบ้างหรือยัง ทำเอาหัวเราะกันไม่เต็มปากเท่าไหร่


ภาพหลอนเช้าวันจันทร์ ปั๊มน้ำหน้านิคมเปิดทำงานเต็มทั้ง 4 ท่อ หลังจากฝนเทกระหน่ำค่อนคืนครอบคลุมพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ในอำเภอบางปะอินและใกล้เคียง

เอ้า แวะกลับเข้ามาที่ถนนข้าวสารกันบ้าง ตอนนี้หน้าถนนข้าวสารฝั่งเชื่อมออกสู่ถนนจักรพงษ์ ด้านโรงพักชนะสงครามนั้น ผมเข้าใจว่าคุณตำรวจเขาลองปรับเปลี่ยนเส้นทางการจราจร เพื่อแก้ปัญการถติดหรืออะไรสักอย่าง เพราะสัปดาห์ก่อนลองเปิดโล่งให้รถเลี้ยวเข้าออกได้ตามสบายทั้งวันทั้งคืน แถมมีคุณตำรวจคอยโบกบอกให้รถเลี้ยวเข้าออกด้วย แต่สัปดาห์นี้บางทีเห็นเอารั้วมากั้น-ปิดทางไม่ให้รถเข้าออกเลยซะงั้น แต่ดีอยู่อย่างหนึ่งที่ไม่มีรถคันใหญ่จอดอยู่ตรงหัวมุมทางเลี้ยวแล้ว ทำให้ทัศนวิสัยดีขึ้น ผมสามารถมองจากหน้าร้านผ่านเข้าไปในถนนข้าวสารได้เลยโดยไม่ถูกรถสูงใหญ่คันนั้นบัง และคนที่เดินมาจากถนนข้าวสารก็สามารถมองเห็นหน้าร้านได้อย่างชัดเจนเช่นเดียวกัน โดยบรรดาพี่ๆ แท็กซี่ มอเตอร์ไซค์ ตุ๊กๆ ต้องขยับขยายหาที่จอดใหม่ห่างออกไปจากที่เดิม ... (ล่าสุดมีการขึ้นป้ายบอกชัดเจนว่า ปิดถนนข้าวสารตั้งแต่ 5 โมงเย็นถึง ตี 1)

นอกจากนี้ก็ "เก่าไปใหม่มา" ครับ ร้านค้าหลายร้านแถบบางลำพู เปลี่ยนไปรวมถึงแถวถนนสามเสนด้วย จำได้ว่าเมื่อก่อนมีคลีนิกขนาด 2 ห้องอยู่ร้านหนึ่งซึ่งเคยแวะผ่านไปใช้บริการอยู่บ้าง แต่ปัจจุบันเห็นเปลี่ยนไปเป็นโฮสเทล "Skyline" น่าจะประมาณดอร์ม - ห้องเตียงรวม 2 ชั้นอย่างที่นักท่องเที่ยวแบ็คแพ็คเกอร์ชอบใช้บริการกันนะครับ เพราะพักง่าย ราคาถูก เอาไว้เก็บของอย่างเดียว กลางวันตื่นมาก็ไสหัวออกไปเที่ยว กลางคืนก็กลับมาอาบน้ำ-ซุกหัวนอน แต่ความปลอดภัยของสิ่งของมีค่าก็ต้องดูแลกันเอาเอง แต่ปกติจะมีล็อคเกอร์ให้นะครับ ไม่แน่ใจว่าเห็นป้ายแยกชาย-หญิงไว้ด้วยหรือไงนี่แหละ

- ถัดเข้ามาก็ฝั่งตรงข้ามแล้วกันครับ เป็นร้านอินเตอร์เน็ตเก่าอยู่ข้างๆโรงแรมบ้านชาติ วันก่อนเห็นเชิญแขกเหรื่อมาทำพิธีเปิดร้านเป็นสิริมงคลเป็นสิบคน มีทำบุญเลี้ยงพระด้วย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นร้านขายข้าวมันไก่และเครื่องดื่มเป็นเรื่องเป็นราว แถมด้วยเคาเตอร์แลกเงินตราต่างประเทศอยู่หน้าร้าน ทำเอาแผงหนังสือมือสองเพื่อนร่วมอาชีพที่เคยขายอยู่หน้าร้านถูกลักพาตัวหายไปเฉยเลย ... ผมเคยเห็นรายละเอียดการขอใบอนุญาตทำธุรกิจแลกเงิน เห็นว่าต้องมีทุนเยอะเหมือนกัน ... ไม่เบา ไม่เบา


ตอนเช้ายังไม่เปิดร้าน "อันดา ข้าวมันไก่" สาขาบางลำภู --- นำเสนอโดย "กระทรวงข้าวมันไก่" / "Ministry of Chicken rice" ... (ตามมาห่างๆกับ ขนมหวานบ้านอัยการ ... ขนมบ้านอาจารย์ ... ขนมจีนบ้านผู้การ ...)


ร้านตบแต่งโทนสีเหลืองนวลสะอาดสะอ้าน หน้าร้านเป็นบู๊ทขายน้ำผลไม้ปั่น ขายกันยันค่ำมืดดื่นดึก


ป้ายผ้าภาพข้าวมันไก่ - 50 บาท ... จานโต น่าจะอิ่มจริง

- ข้ามมาตรงทางม้าลายฝั่งตรงข้ามสหกรณ์กรุงเทพ เดิมแถวนั้นเป็นร้านรองเท้าบ้าง เครื่องหนังบ้าง ตอนนี้เห็นว่าหมดสัญญาเช่ากันหลายห้อง ก็เลยเกิดการเปลี่ยนมือ ห้องคู่นั้นกลายเป็น "Rest Inn" ที่พักชั้นบน และร้านอาหารชั้นล่าง ดูแล้วท่าจะเป็นการขยายกิจการมาจากที่เดิมในซอยรามบุตรี เห็นหน้าร้านเดินไปเดินมารับลูกค้าอยู่นั่น น่าจะเป็นแขกอินเดียละก๊า ส่วนเจ้าของจะเป็นไทยหรือฝรั่งก็ไม่รู้ครับ


เมนูง่ายๆ ... ขายฝรั่ง เปิดร้านถึงดึกดื่นพร้อมโคมไฟหลากสีดึงดูดสายตายามค่ำ

- เขยิบไป 2 ห้องกำลังทำอยู่ ยังไม่เสร็จครับ กำลังรอดูอยู่เหมือนกัน

- ถัดไปเป็นร้านเสริมสวยเดิมขนาด 3 ห้องติดกับซอยมัสยิดจักรพงษ์ที่หมดสัญญาไป ตอนนี้กลายเป็นคอฟฟี่ช็อพ "Waan's Lattitude" ชั้นล่างด้านหน้ายกสูง วางชุดโต๊ะ-เก้าอี้ไม้อยู่ 3-4 ชุดสำหรับลูกค้าที่ชื่นชมโอเพนแอร์ จิบกาแฟชมวิวแม่ค้าบางลำพู ส่วนถ้าใครอยากได้แอร์เย็นๆก็หลบเข้าด้านในได้ครับ ข้างในมีกระจกใสบานใหญ่ติดแอร์พร้อมไวไฟบริการด้วย ... ลานหน้าเปิดโล่งนั่งสบาย น่าลองไปแวะจิบกาแฟตากลมดูเหมือนกัน หนาวนี้


หน้าร้านเหมาะสำหรับฝรั่งหนีหนาวมาตากแดดอุ่นยามเช้า ก่อนกลับไปคุยทับคนอื่นที่บ้าน ที่ต้องหลบหิมะหนีหนาวอยู่แต่ในบ้าน แต่ฉันไปเที่ยวมาอาบแดดอุ่นสบายผิวแทนเชียว


มีบริการครบถ้วนทั้งอาหารเช้า อาหารไทย กาแฟ ชา น้ำผลไม้ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

- ถัดไปเป็นไชน่าซิตี้ที่แบ่งหนึ่งห้องทำเป็นร้านนวด แต่ดูเหมือนจะไปไม่รอดเพราะผ่านไปผ่านมาทีไรก็ไม่ค่อยเห็นลูกค้าเท่าไหร่ จนกระทั่งตอนนี้ปิดเงียบพร้อมป้ายให้เช่าอยู่หน้าร้าน ไม่เหมือนกับข้างๆที่เป็นร้านเครื่องสำอางของโอเรียนทอล พรินเซสซึ่งย้ายออกมาจากการเป็นเคาเตอร์อยู่ในห้างตั้งฮั่วเส็งหลายปีแล้ว ร้านนี้อยู่ยาว อยู่ทน และตอนนี้ก็ดูเหมือนจะอยู่ตัวไม่กลัวภาวะเศรษฐกิจเพราะ ผู้หญิง ... ไม่หยุดสวยอยู่แล้วครับ

- ถัดไปนี่น่าสนใจครับ เป็นร้านเบเกอรีโฮมเมด "คอนนิชิปัง - Konnichipan" ที่ผ่านไปผ่านมาก็เห็นลูกค้าตลอด ไม่มากก็น้อย ข้างในเห็นตู้ขนม โซฟาให้นั่ง สไตล์ประมาณร้านยามาซากิที่มีบริการในร้านด้วย ไม่ใช่ "Take away" ซื้อกลับบ้านอย่างเดียว ผมว่าไอเดียดี เพราะแถวนี้ไม่ค่อยมีร้านเบเกอรีแบบนี้มาก่อน สมัยเด็กไม่แน่ใจว่าอาจจะมีแบบที่มีตู้เค๊ก เอแคลร์ อยู่ด้านหน้า สำหรับซื้อกลับบ้านอย่างเดียวแต่ไม่เห็นนานแล้ว และนับว่าตรงกลุ่มเป้าหมายสามารถจับลูกค้าฝรั่งได้อยู่หมัด เพราะโซนใกล้ทางสี่แยกบางลำพูนั้น ผมว่าเป็นโซนอันตรายสำหรับการทำร้านที่กลุ่มลูกค้าเป็นคนต่างชาติ ก็แถวนั้นมีแต่ร้านทอง-ร้านแว่น-หมอฟัน เป็นทางผ่านระหว่างบางลำพูกับตลาดนานา ... แต่ผมว่าตอนนี้สามเสนค่อยๆเปลี่ยนไป เพราะมีเกสต์เฮาส์ราคาถูกมากขึ้น ทำให้ฝรั่งผ่านไปผ่านมาเยอะขึ้น ในอนาคตอาจกลายเป็นเหมือนข้าวสารหรือรามบุตรีก็ได้


ครบทั้ง บาแก็ต แซนด์วิช ครัวซองต์ และ ชา กาแฟ ... เปิดร้านเช้า 7.30 ยัน 2 ทุ่ม


จะนั่งรับแดดอุ่นยามเช้า หรือจะเข้าไปนั่งตากแอร์เย็นๆในร้านก็หรรษาไม่แพ้กัน

- คูหาเล็กๆใกล้ๆกัน เป็นร้านอาหารทำขายฝรั่ง เจ้าของเป็นหญิงฮิปปี้รุ่นใหญ่ที่เมื่อก่อนก็เย็บกระเป๋า เย็บหนังอยู่แถวนั้น แต่ตอนนี้ขยับฐานะมาเป็นเจ้าของกิจการแล้ว ในร้านตบแต่งร่มรื่นตามมีตามเกิด บรรยากาศคล้ายป่าอะเมซอนพร้อมตู้ปลาใบใหญ่ บางวันปิดดึก เพราะเจ้าของเองขายไปก็กินไปด้วย บางวันดึกๆเห็นบอกว่ามีฝรั่งมาขอนั่งแจมด้วยซะงั้น แทนที่จะเป็นแม่ค้ากับลูกค้า เลยกลายเป็นเจ้าของกับเพื่อนเจ้าของไปเลย ... จุดเด่นของร้านคือผนัง 2 ด้านที่มีรอยจารึกของลูกค้าที่แวะเวียนมาบันทึกไว้เต็มไปหมด บางจารึกสูงท่วมหัวบ่งบอกความอุตสาหะของผู้เขียนเป็นอย่างยิ่ง แต่จะเป็นภาษาอะไรนั้นต้องรบกวนไปแกะเอาเองจะดีกว่า


ร้านอาหารโนเนม - ที่มิกซ์แอนด์แมทช์โดยมัณฑนากรนอกโรงเรียน เรียกสายตาจากฝรั่งได้ไม่น้อย


ข้อความจารึกบนกำแพงร้านจากลูกค้าเปรอะไปหมด ... หลากความหมาย หลายภาษาเกินกว่าจะนับไหว

- ย้อนกลับมาอีกร้านหนึ่ง นับเป็นร้านที่โดนใจที่สุดครับ เพราะผมเคยคิดเล่นๆอยู่ไม่นานนี่เองว่าถ้าจะทำธุรกิจอะไรแถวนี้ที่ไม่เหมือนเขา ขายง่าย เข้าถึงง่าย เป็นที่รู้จักคุ้นเคยของฝรั่งแบ็คแพ็คเป็นอย่างดี ก็ทำให้นึกถึง ร้าน "Fish & Chips" ขายปลาทอดกับมันฝรั่ง อาหารประจำชาติของอังกฤษ ทำก็ง่าย ซื้อก็ง่าย ... ปรากฏว่าพอชาไข่มุกมังกี้เชคปิดไปไม่นาน ร้านขายเสื้อข้างๆก็ขยับมาแทนพร้อมกับร้านนี้ "The Cod Father" ที่เข้ามาลงหนึ่งคูหา ขายเมนูประมาณสเต็กปลาทอด เจ้าของน่าจะเป็นชายฝรั่งรุ่นใหญ่ ... ร้านนี้เรียกลูกค้าฝรั่งได้เป็นเนื้อเป็นหนังเหมือนกันครับ


"The Cod Father" เพิ่งเปิดไม่นานนี้เอง จำได้ว่าตอนที่ไปเห็นนั้นพอดีกับที่ช่อง 7 เอาหนังไตรภาคของ เดอะก็อดฟาเธอร์ มาฉายทางบิ๊กซีนีมา 3 สัปดาห์ติด ผมเดินผ่านยังยิ้มทักเจ้าของร้านอยู่เลย


สัญลักษณ์ปลาค็อดสวมหมวกเชฟ ข้างตัวหนังสือ "FISH & CHIPS" บ่งบอกสัญชาติอังกฤษ

- ย้อนกลับไปอีกด้านหนึ่งจากหน้าร้าน ไปทางสนามหลวงก่อนถึงตรอกกษาปณ์ แถบที่เป็นร้านธุรกิจของชาวอิสราเอล ก็เห็นปิดไปร้านหนึ่งจากช่วงโลว์ซีซันกลางปีที่ผ่านมา เดิมเคยเป็นเอเยนต์ทัวร์และน่าจะมีบริการรับ-ส่งหรือฝากของอยู่ด้วย ติดกับร้านอาหารอิสราเอลที่เดินทะลุไปออกหลังร้านได้ แต่ตอนนี้เห็นเปลี่ยนไปเป็นร้านเสริมสวย ทำเล็บแบบอินเตอร์ไปแล้ว บรรยากาศไม่ใช่แบบร้านสระ-ไดร์ผมพื้นๆทั่วไปนะครับ เพราะลูกค้าหลักน่าจะเป็นสาวๆต่างชาติที่มาเที่ยว มาทำสวยกัน


"Beauty Center" เสริมสวยอินเตอร์มาแทนเอเจนซีทัวร์ ที่หายไปกับโลว์ซีซันกลางปีที่ผ่านมา

- ถัดไปเป็นหัวมุมกรมธนารักษ์เก่าที่ทำเป็นสำนักบริหารเงินตรา กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เคยเข้าไปแลกเหรียญเป็นถุงๆมาบ้างเป็นบางครั้ง แต่เห็นตอนนี้กำลังปรับปรุงใหม่พร้อมขึ้นคัตเอาท์ตัวโตเลยว่าจะทำเป็น พิพิธภัณฑ์เหรียญ ... ไอเดียดี น่าสนใจครับ แถมอยู่ไม่ไกลจากหอศิลป์สักเท่าไหร่ด้วย ก็ดูว่าจะทำให้บรรยากาศสร้างสรรค์จรรโลงความรู้มากขึ้นบ้างเหมือนกัน

- ส่วนตรงข้ามมุมซ้ายมือที่เป็นพื้นที่ขายส่งล็อตเตอรีกับพื้นที่เช่าทำที่จอดรถนั้น เห็นตอนนี้รื้อแล้วครับ ... ในส่วนของแผงขายล็อตเตอรี แว่วว่าย้ายไปอยู่สนามบินน้ำ ส่วนตรงนี้ไม่แน่ใจว่าทางกทม. จะเอามาทำเป็นสวนสาธารณะเล็กๆน่ารักๆหรือเปล่า เพราะมุมมันนิดเดียวเอง ไม่น่าจะทำอะไรได้เป็นเนื้อเป็นหนัง แต่ว่าเห็นเขาบอกที่จอดรถจะยังคงอยู่เหมือนเดิม เพราะฉะนั้นเหล่าสมาชิกขาแฮงก์ทั้งหลายที่ชอบมาดื่มกันที่ข้าวสารตอนศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ก็คงจะสบายใจได้เพราะยังมีที่จอดรถข้ามคืนอยู่

เอ้า ... เขียนมาตั้งนานแล้ว ไม่เห็นจะมีเรื่องให้เฟลด์ตรงไหนเลย ... อ้อ ... มีครับ เรื่องนี้สืบเนื่องเป็นลูกติดพันมาจากวัน "Car Free Day" นั่นแหละ ... ไม่ใช่ครับ ... ผมไม่ได้มีปัญหากับจักรยานเยอะๆเต็มถนนวันนั้นนะครับ ก็เข้าใจว่านานๆที ไม่เคยมีมาก่อน ก็คงต้องค่อยๆปรับจูนกันไปเป็นเรื่องปกติ ต้องให้เวลากัน

แต่มันมีถาวรวัตถุชนิดหนึ่งที่ตกค้างทิ้งไว้ให้ชาวถนนพระอาทิตย์ได้ชื่นชมกัน มันคือเสาสีส้มกั้นเลนจักรยาน ติดกับฟุตบาทถนนฝั่งยูนิเซฟน่ะครับ ติดตั้งยาวตั้งแต่ที่สวนสันติฯต่อเนื่องไปหยุดตรงหัวมุมหน้าโรงละครแห่งชาติ วันแรกที่เห็นก็แปลกใจกับมันพร้อมกับสายตาสงสัยว่าจะอยู่ยาวได้สักเท่าไหร่ พรุ่งนี้หลังวันจักรยานกรุงเทพ เสาจะยังอยู่หรือไม่ ... ก็ชำเลืองแวบเห็นฐานเสาเป็นจุดดำๆรอบ น่าจะเป็นหมุดฝังลงพื้น ... ช็อตนั้นทำให้ผมยิ้มในใจว่า "เอาจริง" ... มะ ลองดูกันสักตั้ง


22 กันยายน วันคาร์ฟรีเดย์ ... โลกยังสวยอยู่ ... เสาส้มอันผอมมีหมุดฝังลงดิน ส่วนกรวยจราจรสีส้มคือไอ้ที่เราขับเฉี่ยวไปเฉี่ยวมา แล้วพอเลิกใช้ คุณตำรวจก็เก็บไปนั่นแหละครับ ... คงทำมาลองเชิงกันดูนิดหน่อย แล้วก็เอากรวยมาเสริมด้วย ... ช่วยๆกัน


โค้งหน้าป้อมนั้น สมาชิกสวนสันติฯ คงรู้ดีว่ามันมีเวิ้งอ่าวให้รถเข้าไปจอดตรงหัวมุมได้ประมาณ 4-5 คัน รถคุณตำรวจคันนี้ก็เผอิญเข้าไปจอดในเลนจักนยานนั้น ... โดยน่าจะขยับกรวยสีส้ม 2 อันตรงหน้า แล้วถอยเข้าซอง ... นับถือครับ ฝีมือการถอยสุดยอดมาก ล้อหลังเฉียดเสาผอมไปนิ้วครึ่ง

เนื่องจากเวลากลับบ้านทุกวัน ผมจะขับรถลงมาจากสะพานปิ่นเกล้าแล้ววกอ้อมถนนพระอาทิตย์ ก่อนวกกลับเข้าบางลำพู ทำให้ได้เห็นวิวัฒนาการเพื่อความอยู่รอดของ "เลนจักรยาน" เสาส้มนี้ได้อย่างต่อเนื่องครับ คือ

วันถัดมา พอเลี้ยวขวาเลียบเข้าถนนพระอาทิตย์ เห็นเสาหายไปจากสายตาเป็นช่วงๆ พอขับผ่านใกล้ๆปรากฏว่า ช่วงที่ไม่เห็นเสาส้มก็เพราะรถเก๋งจอดคั่นอยู่ครับ ระยะห่างของเสาก็ช่างพอดิบพอดีกับขนาดรถเสียนี่กระไร กลายเป็นล็อคสำหรับฝึกจอดเทียบฟุตบาทได้อย่างเหมาะเหม็ง ... แต่ขอโทษนะครับ มือใหม่หรือป้ายแดงอาจใจไม่ถึงพอ เพราะกลัวกะระยะไม่แม่นจะชนเสาเอา เลยเห็นแต่แท็กซี่ยันรถกระบะเป็นส่วนใหญ่ มีรถเก๋งแจมบ้างไม่มากนัก ยันรถเบนซ์ก็เห็นบ้างประปราย ... แต่เลนรถจักรยานน่ะหายไปแล้ว วิ่งไม่ได้แน่นอน ... ผมได้แต่ขับไปยิ้มไป ในหัวจิตหัวใจคนไทยบ้านเรา และ ... ปูเสื่อรอ

เสียดายสุดซึ้งครับ ... ผมถ่ายภาพไว้ไม่ทัน รถแท็กซี่สลับรถเก๋งจอดสลับเสาส้ม เว้นช่องไฟอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยเท่าๆกัน "ทับลงไปบนเลนจักรยาน" ส่วนกรวยสีส้มคงโดนขยับขึ้นไปบนฟุตบาทเรียบร้อยเช่นกัน ... เลยได้แต่เอาวิวป้อมกับเลนจักรยานยามดึกมาให้ชมแทน

วันถัดมา ปรากฏว่ามีการแก้เกมส์จากทีมงานโค้ชครับคือ เอาเทปสีส้มมาขึงระหว่างเสา ช่วงประตูทางเลี้ยวเข้าออกจากถนนก็เว้นวรรคนิดหนึ่ง แต่พอพ้นประตูก็เจอเทปสีส้มต่อ เป็นความหมายว่าไม่ให้รถจอดระหว่างเสานะจ๊ะ ซึ่งมันก็โอเคนะ มันตอบโจทย์ว่ารถห้ามจอดระหว่างเสาแล้ว แต่มันหมายความว่าคนที่จอดรถไม่เข้าใจว่าเขาห้ามจอด มันขวางทางจักรยาน ต้องแก้กันแบบกำปั้นทุบดินแบบนี้ ... จักรยานรอดไปครับ มีทางวิ่งแล้ว ... แต่ ...


เทปลายเสือเหลือง-ดำกับเชือกฟาง เป็นกำปั้นที่ทุบลงไปบนดินดังปึ้กเลยครับ ... นึกถึงจารึกบนกำแพง "ที่หมาเยี่ยว" ... ที่เอาไว้ให้คน ... เอ้ย ... หมาอ่าน

... แต่ ... รถที่ผ่านแถวนั้นซวยไปครับ เพราะรถเก๋ง รถแท็กซี่ที่จอดประจำแก้เกมส์กลับ โดยการ "จอดแปะไว้กับเสาส้ม" ... ตลอดแนวนั่นแหละครับ ดังนั้นก็ทำให้รถไม่สามารถวิ่งได้ปกติเพราะมีเลนจักรยาน + รถจอดอีก 1 คัน โชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่รู้ ที่เลนซ้ายติดฟุตบาทกว้างพอสำหรับ เลนจักรยาน + รถจอด 1 คัน พอดี ... เลยทำให้ 2 เลนที่เคยมีกลายเป็นเหลือ 1 เลน รถเมล์จอดก็ต้องหยุดรอ รถแท็กซี่จอดรับฝรั่งก็ต้องหยุดรอ บางทีรถสวนเลนขี้เกียจรอก็จะวิ่งแซงข้ามเลนมาหาเรา (ประมาณวิ่งทางหลวงชนบท 2 เลนสวนกันไม่มีเกาะกลาง ... เฮ้ย นี่มันถนนข้าวสารกลางกรุงเทพนะเว้ย) แล้วยิ่งตอนมืด ฝั่งตรงข้ามกินเหล้ากัน จอดรถ จอดมอเตอร์ไซค์ แทบจะเอาโต๊ะลงมาตั้งบนถนน ก็จะเบียดรถเหลือเลนเดียวลีบๆ ผ่านไปมาลำบากเหลือประมาณ ...

... เป็นความ "เฟลด์" แบบดราม่าในชีวิตประจำวันไปแล้ว และน่าจะยังไม่จบง่ายๆครับ

... ผมจะ ... ปูเสื่อรอดู ...


พวก "กระผม" ก็จอด "แปะ" มันไว้อย่างนั้นล่ะครับ เช้าก็เห็น ค่ำก็เห็น ... หุ หุ

สวัสดีครับ

เจตตจัน
02-2820358
085-8035412
087-0719858



Create Date : 05 ตุลาคม 2556
Last Update : 5 ตุลาคม 2556 23:22:57 น. 1 comments
Counter : 2286 Pageviews.

 
thx u crab


โดย: Kavanich96 วันที่: 6 ตุลาคม 2556 เวลา:4:08:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jettajan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add jettajan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.