Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
8 กรกฏาคม 2555
 
All Blogs
 
นอกร้านหนังสือ ... ตอน Moment of change

สวัสดีครับคุณผู้อ่านทุกท่าน ยินดีที่ได้มีโอกาสมาเขียนบล็อกให้อ่านกันอีก ขอบคุณที่สละเวลามาอ่านเรื่องเล่าเรื่อยเปื่อยและความเป็นไปในร้านหนังสือแห่งนี้ ร้านหนังสือมือสองหน้าถนนข้าวสาร ที่อยู่มาได้ 3 ปีกว่าแล้วและยังน่าจะพอยืนระยะอยู่ได้ต่อไป

ครับ ... ร้านหนังสือยังคงเปิดให้บริการอยู่ตามปกติ สำหรับทั้งนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศ โดยเฉพาะหนังสือไกด์บุ๊คภาษาต่างประเทศ ทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน สเปน ฮีบรูว์ ฯลฯ ถึงแม้ว่าช่วงนี้จะมีลูกค้าเป็นเทพแห่งสายลม หรือ ยมฑูตจากมิติพิศวงซะมากกว่า ... แหม ก็ลูกค้าที่เป็นมนุษย์มนา มีเลือดเนื้อ ตัวเป็นๆ ไม่ค่อยเห็นสักเท่าไหร่เลย

... เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีโลนลีแพลนเน็ตออกใหม่หลายปกครับ แต่มีปกหนึ่งที่ผ่านการซื้อ-ขายอยู่ในสายตาบ่อยๆ นั่นคือ ฟิลิปปินส์ ประเทศหนึ่งในเอเซียที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ในระดับเทพจนถึงกับใช้เป็นภาษาราชการ เคียงคู่ไปกับภาษาตากาล็อก และมีนักชกฟ้าประทานที่ทำน้ำหนักไล่คว้าแชมป์ไปทีละรุ่นๆ จนคว้าเข็มขัดแชมป์มาได้ตั้ง 6-7 เส้น ... ใช่ครับ ไอ้แพ็คแมน - แมนนี ปาเกียว



โลนลีแพลนเน็ตฟิลิปปินส์ปกใหม่ ออกเมื่อเดือนพฤษภาคม 2012 ที่ผ่านมา



แมนนี ปาเกียว - เข็มขัดที่เห็นนี่ยังไม่ใช่ทั้งหมดนะครับ

วันนั้นตอนหัวค่ำหลังจากผมเซย์ซอรีกับลูกค้าสาวชาวสเปนตาโต ที่มาถามหาโลนลีแพลนเน็ตฟิลิปปินส์ปกใหม่ที่กำลังจะวางตลาด จากนั้นระหว่างที่ผมนั่งรอลูกค้าชราชาวยุโรปกลับไปที่ห้องพัก "ลักกี้เฮาส์" ถัดจากร้านไปประมาณสิบกว่าห้อง ผมยืนอยู่หน้าร้านมองไปที่แสงไฟสว่างแยงตาของป้ายโฆษณาในถนนข้าวสาร ป้ายชื่อร้านอาหารบ้าง โรงแรมบ้าง ละลานตา ใช่ครับ ... ลุงแกบอกว่าจะกลับไปเอาโลนลีแพลนเน็ตอินเดียปกเก่ามาแลกเพื่อเป็นส่วนลดราคาของหนังสือโลนลีแพลนเน็ตไทยแลนด์กับเมียนมาร์ เวอร์ชันภาษาฝรั่งเศส และผมยังรออยู่ในความเงียบ

สายตาของผมมองไล่จากถนนข้าวสารมาหยุดอยู่ตรงตู้โลหะสีเขียวครีมหน้าร้าน มันคือตู้ชุมสายโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่บนฟุตบาท จากมุมตรงหน้าร้าน ตู้นี้บังสถานีตำรวจชนะสงครามลับล่ออยู่ในความมืดยามค่ำ



ตู้ชุมสายโทรศัพท์หน้าร้าน ... เขาห้ามปิดประกาศนะครับคุณผู้หญิง

ตู้นี้มีอายุมา 20-30 ปีนะครับ ผมจำได้ว่าตอนเป็นเด็กเล็กนั้น ตู้นี้ยังไม่มี ... สอดคล้องกับที่บ้านซึ่งเป็นร้านตัดเสื้อผู้ชาย ยังไม่มีโทรศัพท์ จากนั้นพอเวลาผ่านไปสัก 7-8 ปี บ้านเราก็สามารถขอเบอร์โทรศัพท์ได้พร้อมกับที่ตู้นี้ปรากฏตัวขึ้น ตอนแรกๆ ผมว่ามันบังหน้าร้าน แต่อยู่มาวันหนึ่งหลังจากที่รถกระบะจากทางวิ่งฝั่งตรงข้าม ถลาข้ามเลนพุ่งมาชนตู้ชุมสายตู้นี้ล้มลง ขวางทางไว้ไม่ให้รถกระบะคันนั้นพุ่งเข้ามาในร้าน ผมก็รู้สึกขอบคุณมัน ... เอ่อ เขา และเลิกคิดไม่ดีกับตู้ชุมสายฯ เขาอีกเลย

ส่วนหลังจากทำร้านหนังสือมาแล้ว ตู้นี้เขาก็ปรากฏตัวในสายตาของผมเรื่อยมาครับ ไม่ว่าจะทำตัวให้เป็นประโยชน์กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยโดยการอุทิศตนเป็นหลักสำหรับให้นักท่องเที่ยวไทย-เทศ เกาะบ้าง พิงบ้าง หรือไม่ก็ปีนขึ้นไปยืนเต็มๆเลย เพื่อถ่ายรูปถนนข้าวสารในมุมที่พยายามจะสูงให้ได้

จากนั้นปีก่อนก็อุทิศตัวเป็นฉากกำบังสำหรับ วัยรุ่นหนุ่ม-สาวคู่หนึ่ง ที่มาทะเลาะกันประมาณครึ่งชั่วโมง ผมนั่งฟังอยูในร้านตอนหัวค่ำ เรื่องราวประมาณว่าพ่อหนุ่มหึงหญิงสาว ที่ติดต่อกับชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง แล้วประมาณว่าเธอบอกเลิกกับพ่อหนุ่ม เสียงดังนั้นเรียกความสนใจให้ผมลุกจากหน้าคอมพิวเตอร์ในร้านมานั่งมองอยู่เงียบๆหลังกระจกและชั้นหนังสือหน้าร้าน

หญิงสาวแต่งกายชุดนักเรียนเสื้อขาว-กระโปรงน้ำเงิน มือกอดกระเป๋านักเรียนไว้ ส่วนชายหนุ่มนั้นผมตั้ง เจาะหู และ สัก ... สองคนนั้นไม่สนใจสิ่งรอบตัว หญิงสาวยืนตะแคงข้าง-ไหล่พิงตู้ ขณะที่ชายหนุ่มออกอาการและบางขณะคุกคามโดยการผลักหญิงสาวจนกระแทกตู้ด้านข้าง ... ผมยืนหรี่ตามองพร้อมสังเกตุอาการของหญิงสาว เธอเลือกที่จะไม่ตอบโต้ ไม่ขอความช่วยเหลือและนิ่ง พอๆกับผมที่สังเกตุการณ์อยู่เงียบๆ และรอวินาทีที่เสียงขอความช่วยเหลือดังขึ้น ... โชคดีที่วินาทีนั้นไม่เกิดขึ้น หลังจากผ่านไปเกือบ 20 นาที ทั้งสองแยกกันเดินไปคนละทาง ชายหนุ่มเดินเข้าไปในถนนข้าวสาร ส่วนหญิงสาวเดินไปอีกทาง ... ประสพการณ์ ความเจ็บปวดเกิดขึ้น ... นับจากวันนั้น ชีวิตของทั้งคู่อาจจะมาถึงทางแยกที่ไม่เหมือนเดิม และเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ส่วนตู้ฯยังคงอยู่ที่เดิม เพื่อแสดงบทบาทของมันต่อไป

สัปดาห์ก่อน หญิงทอมบอยคนหนึ่งมาปรากฏตัวที่ตู้ฯ พร้อมกับโทรศัพท์ในมือ เสียงดังเรียกผมให้ลุกออกมาจากโต๊ะในร้านเหมือนเดิม แต่โชคดีคราวนี้มีแค่คนเดียว ทอมบอยโทรศัพท์ต่อว่าแฟนสาว ทำนองว่าไปคบหาสมาคมกับเพื่อนชายที่ทำงานบ่อยๆ ไปงานกันบ่อยๆ เธอไม่ชอบ ... ตู้ฯบังสายตาและเสียงจากถนนภายนอก แต่โชคร้ายที่มันไม่ได้บังสายตาของผมที่มาจากในร้าน ... ผมเดินมายืนสำรวจหน้าร้านแวบหนึ่ง แล้วเดินกลับเข้าไปอ่านหนังสือต่อ ... ไม่มีคู่กรณี เธอมาคนเดียว

เมื่อต้นปี ตู้ชุมสายฯ แสดงตัวอีกครั้งในสายตาของผม พ่วงไปกับบทบาทระดับโลก ... อักษร "SEJEAL" บนแผ่นสติ๊กเกอร์ที่แปะอยู่บนตู้ฝั่งที่หันออกทางถนน มันแปะอยู่นานแล้ว โดยที่ผมก็เห็นแต่ไม่ได้สนใจอะไร ... แต่หลังจากข่าวลงหน้าหนังสือพิมพ์ พร้อมคำแปลประมาณ "เป้าหมาย" "ขีปนาวุทธของอิหร่าน" มาอยู่ที่หน้าบ้านผม ... ผมก็รู้สึกไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เลยไปแกะออกจากตู้ฯ ซะ ... เหลือแต่ลายเส้นรูปหัวคนในวงกลมด้านที่หันเข้าร้านพร้อมตัวหนังสือ "UZY" ... ( มันจะเกี่ยวอะไรกับปืนอูซี่ของนักรบชาวยิวอีกไหมเนี่ย ... เฮ้อ)



"SEJEAL" ถูกลอกออกไป แต่ "UZY" ยังเหลืออยู่ - ใครจะเอาปืนอูซี่มาทำอะไรแถวนี้เนี่ย



อูซี่ ... ปืนกลมือสัญชาติอิสราเอล

มองจากประตูร้าน ด้านซ้ายของตู้เป็นกระถางต้นแก้วของร้านรองเท้า "เกียรติ" ... ร้านรองเท้าหนังแฮนด์เมด ที่ยืนยงมากว่า 40 ปีและมีลูกค้าขาประจำต่างชาติแวะเวียนมาบ่อยๆ เพื่อซื้อรองเท้าบู๊ตคาวบอยสุดสวย หรือรองเท้าหนังจระเข้ ราคาหลักหมื่นแบกติดมือกลับบ้านไป

ข้างขวาที่ติดกันเป็นกระถาง "ต้นบอน" กับ "ต้นสาวน้อยประแป้ง" อยู่ติดกัน ... เจ้าของที่เดิมนั้นเป็น "ต้นชวนชมดอกสีชมพูสวย" แต่ด้วยความที่อนิจจังไม่เที่ยง อยู่มาวันหนึ่งกระถางชวนชมก็ถูกวัตถุลึกลับชนแตกและต้องพรากจากกันไปโดยไม่ได้ร่ำลา



"ชวนชม" เพื่อนเก่าข้างตู้ชุมสายโทรศัพท์ และ "นางกวัก" กระถางใหญ่ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง

เดิมทีนั้นมีพันธมิตรแห่งร้านอยู่ทั้งหมด 5 กระถางครับ เป็น "ชวนชม"-1 ... "สาวน้อยประแป้ง"-1 ... "บอนแดง"-1 ... และ "นางกวัก"-2 (กระถางใหญ่และย่อม) โดย ชวนชม กับ บอนแดง จะยืนคุยอยู่ด้วยกันติดตู้ชุมสายโทรศัพท์ด้านซ้ายมือของหน้าร้าน ส่วนที่เหลือจะรวมกลุ่มซุบซิบกันอยู่ทางฝั่งขวาของหน้าร้านติดเสาไฟ ... ปลายปี 2009 ที่เปิดร้านใหม่นั้น ต้นนางกวักทั้ง 2 กระถางก็แข่งกันออกดอก ราวกับต้นมะม่วงออกลูกเมื่อโดนมีดพร้าฟันเข้าที่ลำต้น พลอยให้ ต้นสาวน้อยประแป้ง ออกดอกกับเขาด้วย เป็นที่แปลกใจของผมเป็นอันมาก เพราะตั้งแต่เด็กๆก็เคยไปเดินเล่นแถวคลองหลอดที่ขายต้นไม้ ขายว่าน ก็ไม่เคยเห็นดอกสาวน้อยประแป้งสักที

ผมเองก็หมั่นรดน้ำเช้า-เย็น เพราะชอบและรู้สึกดี เวลาสายน้ำจากกระบวยไหลลงปะทะใบไม้ในกระถาง ใบนางกวักจะขยับต้านแรงน้ำพร้อมส่ายไปมา ส่วนใบบอนนั้น ก้านที่แข็งแรงก็จะอุ้มหยดน้ำรวมไว้แล้วกลิ้งไปมาสะท้อนประกายสวยใส ไม่เกาะติดผิวใบสมดังพังเพยว่า "น้ำกลิ้งบนใบบอน" ... ชวนชม กับ สาวน้อยฯนั้น ลำต้นแข็งกว่า รดน้ำน้อยได้ ไม่ออกอาการ ... แต่ นางกวัก กับ บอนแดง นั้นเป็นพืชที่ลำต้นอ่อนบาง ต้องการน้ำมากกว่า ช่วงไหนแดดจัด อากาศร้อนหรือผมไม่ได้รดน้ำด้วยติดธุระหรืออื่นๆ ทั้งคู่จะออกอาการสลด ใบเหี่ยว หน้าคว่ำ เอาง่ายๆเลยทีเดียว ... ต้องกลับมาประคบประหงม รดน้ำ ริดใบเหี่ยว กันหลายวัน กว่าทั้งสองจะกลับมาเชิดหน้า ชูใบ สดใสเหมือนเดิม



จิตใจโลเล เปลี่ยนแปลงไม่แน่นอน ประดุจ "น้ำกลิ้งบนใบบอน" ฉันใดก็ฉันนั้น

... ผ่านปีกว่า มีคนที่เดินผ่านหน้าร้านเห็น ต้นนางกวักกระถางย่อม แล้วเกิดต้องตา ถูกใจ ขึ้นมา ก็เลยมาทาบทามขอสาวเจ้าเอาขึ้นรถตุ๊กๆไป ... ผมขอสินสอดนิดหน่อยพอเป็นพิธี ก็เขารักกันชอบกันจะเอาไปเลี้ยงดู เราก็ไม่อยากขัดครับ ... เล่นเอาฝันจะเป็นพ่อค้าเพาะนางกวักส่งออกต่างประเทศไปเป็นอาทิตย์เหมือนกันครับ ก่อนจะรีบตื่นมาขายหนังสือต่อ ... หุหุ

หลังจากนั้นก็เหลือข้างละ 2 กระถางเท่ากัน แต่พอต้นชวนชมมามีอันเป็นไปเมื่อต้นปี ก็เลยเหลือแค่ 3 กระถาง โดยผมย้าย สาวน้อยฯ ไปอยู่เป็นเพื่อน บอนแดง แล้วปล่อย นางกวัก กระถางใหญ่ให้อยู่สบายๆกระถางเดียว ... ปรากฏว่าเกือบเสียเพื่อนไปอีกตอนสงกรานต์ที่ผ่านมา ...



3 กระถางที่เหลือ ... เพื่อนตายสหายศึก

ช่วง 3 วันอันตราย ผมก็ขยับทั้งคู่เข้ามาหลบหลังตู้ชุมสายโทรศัพท์ เป็นอันปลอดภัยดีไม่มีปัญหา ... คืนวันที่ 15 ประมาณ ตีหนึ่งกว่าๆ ผมฉีดน้ำล้างหน้าร้านจนเรียบร้อยสะอาดแล้วก็ขยับทั้งคู่ออกมาจากหลังตู้ชุมสายฯ วางเรียงหน้ากระดานริมฟุตบาทที่เดิม ก็ปรากฏว่า มีหนุ่มญี่ปุ่นเมามายเดินยื้อยุดมากับกลุ่มเพื่อนชาย-หญิงคนไทย 3-4 คน เซมาล้มลงบนกองขยะบนถนนหน้าร้าน พอดีกับขาข้างหนึ่งไปปะทะกระถางบอนแดง จนล้มตะแคงลงกลิ้งอยู่ ... หลังจากทรงตัวขึ้นมาได้ หนุ่มยุ่นก็ เตะ ถีบ ไปบนกระถางบอนอยู่ 3-4 ที จนขอบกระถางดินเหนียวสีแดงแตก-บิ่นออกไปเกือบครึ่งหนึ่ง ก่อนที่เพื่อนๆจะดึงตัวออกเดินต่อไป ... ตัวผมเองนั้นยืนส่งสายตาอยู่เงียบๆ ใต้ปีกหมวกหวายสานใบใหญ่ประจำเทศกาลสงกรานต์ ก่อนจะเข้าไปเก็บเศษกระถางและดินที่กระจายออกทิ้ง จับกระถางวางตั้งไว้ที่เดิม ก่อนปลงอนิจจังในใจเงียบๆ ... ถึงคราวจริงๆ อุตส่าห์หลบสงกรานต์มาได้ตั้ง 3 วัน ก็ยังจะมาโดนเอาในวันสุดท้ายทั้งที่คนก็เลิกเล่นน้ำและทยอยกลับกันแล้ว ยังดีที่แค่ต้องเปลี่ยนกระถางอย่างเดียว ... หลังจากนั้นประมาณ 2-3 สัปดาห์ ผมก็หากระถางใบใหม่มาเปลี่ยนให้เรียบร้อย เป็นประถางขอบตรง มีลวดลายปลาดูน่ารักดีไปอีกแบบ

แต่ว่าก็มีเหตุอีกจนได้ แต่คราวนี้เกิดกับ สาวน้อยฯ แทน ... คือประมาณ 2 อาทิตย์ก่อน เช้าวันหนึ่งต้นสาวน้อยฯ ที่ลำต้นอวบประมาณข้อมือสูงเทียมเอวเกิดหักครึ่ง ขาดสะบั้นลงไปตกอยู่ที่พื้นข้างๆ ประหนึ่งกูลิโกะป๊อกกี้ถูกหักครึ่งประมาณนั้น เหลือแต่ตอกุดอยู่สักคืบหนึ่งได้ พร้อมกับน้ำเลี้ยงที่ซึมเอ่อมาตรงรอยแผลหัก ผมเห็นแล้วก็ขมวดคิ้วมองซ้ายมองขวาอย่างไม่อาจจะช่วยอะไรได้ ก่อนจะหยิบท่อนที่หักนั้นไปทิ้ง ส่วนใบที่ขาดแหว่งไป ... ผมเอามีดมาจัดการย่อยลงเป็นเศษใบไม้รวมกับก้านที่บั่นเป็นท่อนสั้นๆ ก่อนจะโกยใส่ลงในกระถางให้กลายเป็นปุ๋ยเหมือนกับเวลาริดใบแห้งจากกระถางตามปกติ ... 2 สัปดาห์ผ่านไป รอยหักเริ่มแห้งลงพร้อมกับการเริ่มต้นงอกใบใหม่ของสาวน้อยฯ ... หลังพายุฝนผ่านไป ฟ้าใสกระจ่างเสมอ



บอนในกระถางใหม่ลายปลา กับ สาวน้อยฯ ที่อยู่ใกล้ๆกัน



หน่ออ่อนของสาวน้อยฯ งอกขึ้นใหม่จากรอยหัก ... ชีวิตต้องดำเนินต่อไป แม้ประสพเหตุร้ายที่ผ่านเข้ามา

ฤดูที่แตกต่าง - บอย โกสิยพงษ์
..... 
อย่าไปกลัวเวลาที่ฟ้าไม่เป็นใจ
อย่าไปคิดว่ามันเป็นวันสุดท้าย
น้ำตาที่ไหลย่อมมีวันจางหาย
หากไม่รู้จักเจ็บปวด ก็คงไม่ซึ้งถึงความสุขใจ .....

เสียงแผ่วเบาเรียกสายตาสงบนิ่งของผมให้เบนมาทางขวามือ ... นั่น ... ในที่สุด ลูกค้าชราก็กลับมาแล้ว พร้อมกับโลนลีแพลนเน็ตอินเดียปกเก่าในมือ ... เรากำลังจะได้ทำธุรกิจกัน "ผมขอตัวก่อนนะครับ สำหรับลูกค้ารายสุดท้ายในคืนนี้"

SmileySmileySmiley

ก่อนปิดร้าน ผมได้แต่บอกเหล่าสหายตัวเล็ก ที่สวมหมวกผัก-ผลไม้ นั่งเฝ้ายามอยู่บนชั้นหน้าตู้กระจกให้ช่วยๆกันดูแลหน่อย เดี๋ยวต้นไม้หน้าร้านจะตายเสียหมด



เหล่าสหายผู้พิทักษ์หน้าร้าน



คู่หูแก้วมังกร มะละกอ และมะเขือม่วง



Create Date : 08 กรกฎาคม 2555
Last Update : 14 กรกฎาคม 2555 17:41:59 น. 1 comments
Counter : 3247 Pageviews.

 
lonelyplanet เนี่ย น่าซื้อมาก แต่ตัวข้าพเจ้ามิสันทัดภาษาอังกฤษเท่าไหร่

ปล. เหล่าสหายที่พิทักษ์ ใส่หมวกหลากสีจริง


โดย: แฟนlinKinPark วันที่: 6 สิงหาคม 2555 เวลา:22:32:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jettajan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add jettajan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.