เช็ดฝุ่นไป พลิกหนังสือมา ความสงบเข้าครอบงำ สัจธรรมพลันบังเกิด ... นั่นแน่ มีฝรั่งมั่วแล้ว ดันเอาโลนลีแพลนเน็ตรัสเซียไปวางแทรกไว้ตรงระหว่างลาวกับเมียนมาร์ ... ไม่ใช่อะไรหรอกครับ คือผมเรียงหนังสือโลนลีแพลนเน็ตตามตัวอักษรนำหน้าชื่อประเทศน่ะ แล้วจากเอ็ม-เมียนมาร์กว่าจะไปถึงอาร์-รัสเซีย มันต้องผ่านทั้ง มาเลเซีย มิดเดิลอีสต์ มอร็อคโค เนปาล นิวซีแลนด์ นอร์ทอีสต์อินเดีย ปาปัวนิวกินี ปากีสถานแอนด์คาราโครัมไฮเวย์ เพิร์ธแอนด์เวสต์โคสต์ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ เปรู ปอร์ตูกอล และ ... ก่อนจะถึงรัสเซีย คนละล็อคกันเลยครับ ... มิน่าล่ะ ผมว่าช่องอาร์-รัสเซียมันแปลกๆหยิบออกมาขยับปรับตำแหน่งใหม่ สายตาชำเลืองดูหน้าปกเป็นรูปมหาวิหารที่สร้างเลียนแบบการ์ตูน แล้วพลันนึกถึงเรื่องเล่าของผู้ออกแบบสร้างมหาวิหารแห่งนี้
มันคือมหาวิหารเซนต์บาซิล ผู้ออกแบบสร้างปราสาทที่สวยงามแห่งนี้ได้รับรางวัลสำหรับผลงานระดับโลก เป็นการควักลูกตาออกโดยพระเจ้าอีวานที่ 4 นัยว่าเพื่อไม่ให้สร้างสิ่งที่สวยงามกว่านี้ได้
นับว่าเป็นรางวัลที่แจ่มจริงๆครับ พ่อเจ้าประคุณรุนช่อง ท่านก็ทำไปได้นะครับสำหรับฝีมือระดับนี้ นอกจากนั้นก็นึกไปถึงหนุ่มรัสเซียที่มาถามหาพัฒนพงศ์ ในตอนแผนที่กับมาสสาจ ... บูมบูม หรือไม่ก็สาวเจ้าที่เข้ามาหลบน้ำช่วงสงกรานต์ในตอนก่อน********************ปี 2010 ช่วงวันสงกรานต์ ... คู่สามีภรรยาสูงวัยชาวอังกฤษคู่หนึ่งเข้ามาในร้าน ทั้งคู่แต่งตัวค่อนข้างดี เข้ามามองหาโลนลีแพลนเน็ตรัสเซีย โชคดีมากที่ผมแลกไว้ได้ก่อนนั้นประมาณ 2 สัปดาห์ เป็นมือสองที่สภาพดีทีเดียว หลังจากที่ทั้งคู่พลิกดูไปมาอยู่ครู่หนึ่ง ก็จ่ายเงินพร้อมแสดงความยินดีออกนอกหน้า"คุณรู้ไหม ช่วงเดือนที่ผ่านมานี่ เราตามหาหนังสือเล่มนี้มาตลอด แต่ไม่เจอเลย พึ่งมีเมื่อวานนี้ที่เราไปเจอที่ร้านหนังสือชื่อญี่ปุ่นในแถวๆสยามน่ะ แต่ดูราคาแล้วต้องรีบวางเลย แพงมาก"ผมพยักหน้ายิ้มๆ นึกในใจ "ก็แหงละสิ มันเป็นหนังสือใหม่นี่ ราคาเต็มก็ประมาณพันนึงได้ละมัง" แล้วถามต่อไปว่า "แล้วคุณจะเข้าไปรัสเซียเมื่อไหร่ล่ะ"คุณป้าตอบมาว่า "เดือนหน้านี่แหล่ะ แต่คุณรู้ไหมกว่าเราจะได้วีซ่าเข้ารัสเซียนะ ยากมากๆเลย"ผมขมวดคิ้วถาม "ทำไมล่ะ คุณช่วยเล่าให้ฟังหน่อยสิ""คือว่า จากแผนเดินทางของเราเนี่ยนะ เราจะเข้าทางตะวันตกของรัสเซีย แล้วเดินทางเข้าไปในใจกลางประเทศก่อนจะวกลงใต้มาทางประเทศจีน ต่อจากนั้นก็จะลงมาทางแม่โขงเดลตาสักพัก ก่อนที่เราจะย้อนกลับไปทางเก่าอีกที" คุณลุงเล่าความให้ฟังผมจินตนาการตามพลางพยักหน้าหงึกหงัก "อืม แผนใหญ่ น่าจะต้องใช้เวลานานพอควร ... แล้วไงต่อครับ""ทีนี้ เราขอวีซ่าที่อังกฤษเพื่อคลุมตลอดทั้งการเดินทางเลย ปรากฏว่าทางสถานฑูตรัสเซียไม่ผ่านให้ ไม่รู้เพราะอะไร ให้เรามาแค่ 2 สัปดาห์ เราเลยต้องเปลี่ยนแผน กลายเป็นว่าต้องนั่งรถไฟเพื่อให้เดินทางเร็วขึ้น และออกจากพรมแดนรัสเซียเข้าไปยังพรมแดนประเทศจีนภายใน 2 สัปดาห์ สำหรับขามา แล้วทีนี้ขากลับเราต้องไปรอขอวีซ่าที่ฮ่องกงอีกที แผนเราต้องเปลี่ยนหมดเลย" คุณป้าพ่นเร็วปรื๋อต่อมา "แถมรอก็นานหลายวันด้วย กว่าจะอนุมัติให้เรา""แต่รัสเซียก็น่าจะสวยคุ้มกับการเดินทางนะครับ" ผมต่อยิ้มๆ"ขามา เราเดินทางโดยรถไฟเป็นส่วนใหญ่เลยไม่ค่อยได้เที่ยวดูอะไรมากนัก นี่หวังว่าทางฮ่องกงจะให้เรานานหน่อยสำหรับขากลับ จะได้เที่ยวดูได้ทั่วๆ" ลุงเปรยเบาๆ ท่าทีกังวลพอสมควรจากหน้าร้านก่อนเดินจากไป ผมเอาน้ำเย็นราดหลังไปคนละครึ่งขัน ทั้งคู่ร้องโอ๊วก่อนหันมามองหน้ายิ้มแหยๆ ปากขมุบขมิบภาษาบ้านเกิด ผมทำมึนโบกมือพร้อมกล่าวแฮปปี้ไทยแลนด์นิวเยียร์ก่อนไปเล่นน้ำต่อหลังจากนั้นประมาณ 2 เดือน มีลูกค้าชายกลางคนชาวบังคลาเทศ มาถามหาซิตี้ไกด์มอสโคว์กับเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ผมลองเช็คดูแล้วปรากฏว่าไม่มี รวมทั้งรัสเซียด้วย มีแต่โลนลีแพลนเน็ตอีสเทิร์นยุโรป เล่มหนาหนักซึ่งรวมมอสโคว์อยู่ด้วย ลูกค้าลังเลอยู่หลายวัน ก่อนตัดสินใจมาซื้อในสัปดาห์ต่อมา เพราะไม่สามารถหาได้ ในขณะที่ผมรับซื้อคืนครึ่งราคาซึ่งเขาพอใจผมเล่าเรื่องวีซ่าของลูกค้าสูงวัยชาวอังกฤษทั้ง 2 คนให้ฟัง แล้วถามว่าเขาเจอปัญหาเดียวกันไหมลูกค้าหนุ่มตอบว่า "ไม่นะ ผมไม่เจอปัญหาอะไร ผมได้ 1 เดือนแล้วก็เร็วด้วย คู่นั้นมีปัญหา สงสัยเพราะเป็นคนอังกฤษด้วยน่ะ"ผมขมวดคิ้ว ถามงง "อ้าว ทำไมล่ะ คนอังกฤษเกี่ยวอะไรหรือ"ลูกค้าผิวสีหัวเราะขำๆ บอกว่า "คุณไม่รู้หรือ อเมริกา อังกฤษ พวกนี้คนต่างประเทศขอวีซ่าเข้ายากจะตาย เรื่องมาก ตรวจนั่น ตรวจนี่ กลัวคนอื่นเข้าไปก่อการร้าย คนรัสเซียซึ่งเป็นคอมมิวนิสต์อยู่ด้วย ก็ยิ่งเข้ายากเข้าไปใหญ่ กลัวจะเข้าไปเป็นสปายน่ะ ดังนั้นถ้าคนอังกฤษจะขอเข้าไปในรัสเซีย มันก็สมควรอยู่ไม่น้อยนะ ที่ทางรัสเซียเขาจะเล่นแง่เอาบ้าง ก็ถือว่าเอาคืนกันพอสมน้ำสมเนื้อ"ผมหัวเราะก๊าก "งั้นคนไทยก็ไม่มีปัญหาสิ""ผมว่าคนเอเซีย ไม่มีปัญหาหรอก" ลูกค้าหนุ่มให้ข้อคิดเห็นทิ้งไว้หลังจากนั้นผมเจอเด็กรัสเซียอีกคน ขมุกขมอมมาก เข้ามาพร้อมกับกลิ่นไม่เจริญนาสิกสักเท่าไหร่ แบกเป้หลังแอ่นเข้ามาในร้าน พยายามส่งภาษามือกันอยู่พักใหญ่เพราะแกพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ สรุปว่าที่มาคือ เดินทางด้วยเท้าท่องเที่ยวทั่วเอเซีย วันนี้มาถึงกรุงเทพ มีเงินพอกินข้าวแต่ไม่พอสำหรับจ่ายค่าที่พัก ต้องการที่พักฟรี ผมเลยบอกที่ไป โดยให้เดินเข้าไปในถนนข้าวสาร บอกว่ายูลองหาเอาในนั้นน่าจะพอมีเพื่อนนักท่องเที่ยวช่วยได้ ร้านของไอไม่มีห้องพักให้บริการนักท่องเที่ยว พร้อมกับให้แผนที่กรุงเทพไป 1 แผ่น หนุ่มขอบคุณพร้อมกับเดินออกไป ... ผมโบกมือให้พร้อมกับนึกในใจว่า คนต่างชาตินี่มันใจเด็ดนิ พ่อแม่มันก็ปล่อยมาได้ ... ไปตายเอาดาบหน้า อายุยังไม่เท่าไหร่เลย********************กลับมาที่ชั้นหนังสือ ผมแทรกโลนลีแพลนเน็ตรัสเซียเข้าไปในชั้นวางล็อกตัวอาร์ ก่อนหยิบ "พี่น้องคารามาซอฟ" มาถือในมือ มันคือ 1 ใน 4 จตุรเทพของดอสโตเยสกี อันประกอบด้วย "Crime & Punishment - อาชญากรรมและการลงทัณฑ์", "The Idiot - อีเดียท", "The Possessed - ปีศาจ" และ "The Brothers Karamazov - พี่น้องคารามาซอฟ" เล่มนี้ (แต่จริงๆแล้ว ผมชอบ The Gamble - นักพนัน มากกว่านะ อ่านง่ายดี) หนังสือเป็นฉบับแปลโดย "สดใส" เล่มปกแข็งหนาหนักประมาณ 1000 หน้ามีพิษสงพอจะทำให้มือเคล็ดได้ง่ายๆ ถ้าอ่านอย่างไม่บันยะบันยัง ผมพลิกไปดูหน้าที่ริบบิ้นสีเขียวน้ำทะเลสวยคั่นไว้ที่หน้า 767 พร้อมตั๋วรถปอ. ราคา 9 บาทปลิวร่วงลงมา หนังสือเล่มนี้ผมพักมาหลายปีแล้ว ไปต่อยังไม่ได้ รู้สึกเหมือนกับคำนำของเสกสรรค์ ประเสริฐกุลที่เขียนไว้ว่า ... ใครก็ตามที่อ่าน "The Brothers Karamazov" จนจบ จะพบว่าจอร์จ ลูคัสพูดถูก ขณะที่พลิกหนังสือไปตั้งแต่หน้าแรกถึงหน้าสุดท้าย เราจะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยและทุรนทุรายราวกับถูกโบยตี เพราะคำถามทุกข้อที่ดอสโตเยฟสกีตั้งขึ้น เป็นคำถามต่อมนุษย์ทุกคน รวมทั้งตัวผู้อ่านด้วย ... คำถามเหล่านี้จะยังคงอยู่ต่อไปผมถอนหายใจลึก ก่อนวางลงเก็บที่เดิม แล้วถามตัวเองเบาๆ"ว่าแต่ ตอเรสเถอะ ... จบฤดูกาลนี้ อากู๋โรมัน อบราโมวิช จะปล่อยขายสักกี่ปอนด์กันหนอ เห็นในอีเบย์ตั้งราคาไว้แค่ สองปอนด์เศษๆเอง ... ประมาณ 100 กว่าบาทละมั้ง เฮ้อ"