Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
26272829 
 
26 กุมภาพันธ์ 2555
 
All Blogs
 
ร้านหนังสือในข้าวสาร ... ตอน ปลายหนาวกับ The Crucible

สวัสดีครับคุณผู้อ่านทุกท่าน ยินดีที่ยังมีชีวิตอยู่มาเขียนบล็อกได้อีก ยินดีที่สละเวลาเข้ามาอ่านกัน และขอให้ยินดีและมีความสุขสงบในทุกลมหายใจเข้า-ออก

ร้านหนังสือยังเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวทุกท่านอยู่เหมือนเดิมครับ ในบรรยากาศของการสิ้นสุดฤดูหนาวและย่างเข้าสู่ฤดูร้อน ยุโรปนั้นหิมะละลายแล้วพร้อมๆกับอากาศที่ค่อยๆอุ่นขึ้น จะช้าหรือเร็วก็แล้วแต่ภูมิประเทศ บางคนก็บอกว่าปลายมีนาคมนั่นแหละ ที่จะย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิพร้อมดอกไม้บานสดใส ... แต่ส่วนเมืองไทย ผมว่าตอนนั้นอุณหภูมิคงพุ่งสูง แข่งกับราคาข้าวราดแกง ราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และอุณหภูมิการเมือง

สำหรับภาพรวมของร้าน ไฮซีซันปีนี้ ... ศพไม่สวยครับ มกราคมและกุมภาพันธ์จบแบบซบเซา เพราะอิทธิฤทธิ์ของข่าวก่อการร้ายข้ามชาติ ทำให้ถนนข้าวสารมีนักท่องเที่ยวน้อยลง ... ตอนนี้ก็ต้องอาศัยแรงเหวี่ยงข้ามเดือนไปถึงสงกรานต์-เมษาอีกหนึ่งเฮือกสุดท้าย ...

.....

ค่ำวันก่อนลูกค้าเก่าแสนน่ารักกลับมาพร้อมกับหนังสืออ่านภาษาด๊อยช์ปึกใหญ่ คู่สามีชาวเยอรมันกับภรรยาชาวไทยนี้มาด้วยกันพร้อมกับพาน้องสาวมาด้วย สามีนั้นแบกเป้บรรจุหนังสือมา 6 เล่มมาแลกหนังสืออ่านไป 3 เล่ม แล้วซื้อเพิ่มไปอีก 2 เล่ม หนึ่งใน 6 เล่มที่เอามาแลกนั้นมีหนังสือ "The Lincoln Lawyer" ของไมเคิล คอนเนลลีใหม่กิ๊กติดมาด้วย หน้าปกเป็นรูปแมทธิว แม็คคอนาเฮย์ พระเอกหนุ่มที่ผมจำได้แม่นจาก "A Time to kill" ยุติธรรมอำมหิต



The Lincoln Lawyer / Deutsch

"สวัสดีค่า เจอกันอีกแล้ว เอาหนังสือมาแลกค่ะ" ภรรยาชาวไทยทักทายมา

"สวัสดีครับ พี่มากี่เดือนครับปีนี้" ผมกล่าวทักทายไป

"พี่กลับมาเมืองไทยปีละครั้งค่ะ ครั้งหนึ่งก็ 3 เดือน" เธอกล่าว

"เล่มนี้คุณซื้อมาจากเมืองไทยเหรอ ที่นั่นขายหนังสือภาษาเยอรมันด้วยเหรอ ผมไม่เคยเห็นเลย" ผมชี้ไปที่สติ๊กเกอร์ราคาที่ปกหลังจากร้านหนังสือเชนสโตร์ชื่อดังที่เพิ่งถูกซื้อกิจการไปเร็วๆนี้

"ถูกแล้ว ผมซื้อจากที่นี่แหละ เป็นร้านเดียวที่ขายหนังสือเยอรมัน และจากสาขาเดียวที่สุขุมวิทเท่านั้น สาขาอื่นไม่มีนะ ผมดูมาหมดแล้ว" หนุ่มเมืองเบียร์กล่าวยิ้มๆ

เธอขอนามบัตรของร้านไปเผื่อเช็คก่อนมาคราวหน้า ผมขอถ่ายรูปทั้งคู่เก็บไว้เป็นที่ระลึก ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดังบอก "ไม่มีปัญหา ผมแต่งงานกับเธอแล้ว นี่เป็นภรรยาของผม" ก่อนออกจากร้านไป ชายหนุ่มยังหันมาแซวน้องภรรยาด้วยว่าจะให้มาช่วยเป็นพนักงานทำความสะอาดร้านถ้าผมตกลง



ลูกค้าเก่าคู่สามีชาวเยอรมัน-ภรรยาคนไทย

หนุ่มแมทธิวนั้น ดูจะผูกติดกับบททนายไปแล้วไม่ว่าจะเป็น "A Time to kill - ยุติธรรมอำมหิต" หรือ "Amistad - หัวใจทาสสะท้านโลก" นอกจากนั้น ผมว่าน่าจะมีอีกหลายเรื่องเหมือนกัน โดยเฉพาะบทบาททนายว่าความในศาลยุติธรรม แต่อีกเรื่องหนึ่งที่ผมชอบมากก็คือ "The Crucible - ขออาฆาต ถึงชาติหน้า" โดยเฉพาะ "แดเนียล เดย์ลิวอิส" ในบทบาทของ "จอห์น พร็อคเตอร์" ที่แสดงได้ดี (สะใจคอซาดิสม์) พร้อมกับ "วิโนนา ไรเดอร์" ในบท "อบิเกล" ที่กลายเป็นนางแม่มดร้ายในประวิตศาสตร์เมืองเซเลมไป



"The Crucible - ขออาฆาต ถึงชาติหน้า"

หลังจากรื้อค้นลังวิดีโอที่เก็บสะสมไว้มาดูอีกรอบให้หายคิดถึง ... โดยความเห็นส่วนตัวของผม หลายๆฉากกลางโรงศาลจำเป็นนั้น สร้างแรงกดดันให้กับคนดูอย่างมหาศาล ฉากกลุ่มเด็กสาวแกล้งเป็นลมทั้งหมดนั้น ... ช่างเสแสร้งสิ้นดี แต่โดยอะไรสักอย่างที่ปิดบังสายตาของผู้พิพากษาเอาไว้ ทำให้มองไม่เห็นความเป็นจริงจนตัดสินลงโทษผู้บริสุทธิ์ ... ฉากที่ภรรยาของจอห์นเลี่ยงความจริงเรื่องความสัมพันธ์ของสามีกับอบิเกล จนกระทั่งทำให้กลายเป็นคนที่ถูกลงโทษเสียเอง ... รวมกระทั่งฉากสำคัญที่สองสามีภรรยาคุยกันริมน้ำ และสามีตกลงจะสมยอมว่าติดต่อกับซาตานเพื่อให้รอดชีวิตอยู่ต่อไป แต่ผู้พิพากษาศาลยังต้องการลายมือชื่อของจอห์นเพื่อยืนยันความจริงกับชาวบ้าน จนทำให้เจ้าตัวเปลี่ยนใจเพราะไม่ต้องการให้ชื่อของตัวเองแปดเปื้อนมลทินจากคำโกหกไปตลอดกาล และยอมตายเพื่อความสัตย์ ... "Hold me my name" - ปล่อยชื่อของข้าไว้ แล้วเอาชีวิตของข้าไปแทน

ขอเอาคำโฆษณาขนมทิวลีมาใช้ก็แล้วกัน ... "แน็ก ชอบมากกก"

..........

ปีก่อนนี้ คู่สามีภรรยาชาวเยอรมันอีกคู่หนึ่ง ก็เป็นลูกค้าที่น่าจดจำ สามีนั้นอ้วนใหญ่ ส่วนภรรยาก็รูปทรงดูดี ทั้งคู่น่าจะอายุใกล้ 50 แล้ว หลังจากคุ้ยๆดูที่ชั้นหนังสือไกด์บุ๊คเยอรมันได้มา 1 เล่มเป็นไทยแลนด์ของสเตฟาน ลูสประมาณปี 2006 หรือ 2007 จำไม่ได้ ในขณะที่สามีต่อราคาอย่างอารมณ์ดีชนิดกัดไม่ปล่อยและมีลูกล่อลูกชน ส่วนภรรยานั้นเธอยืนยิ้มอยู่ไกลๆตรงแป้นหมุนใส่แผนที่พักหนึ่ง ก่อนจะเดินมาหัวเราะแล้วก็บอกกับผมว่า

"เขาอันตรายมาก คุณรู้แล้วใช่ไหมว่าทำไมฉันถึงเลือกเขา ... เพราะฉันรู้ว่าเขาจะดูแลครอบครัวของเราได้อย่างแน่นอน"

ผมหัวเราะก๊ากแล้วบอกเธอไปว่า "ถูกแล้ว ถ้าผมเป็นคุณ ผมก็คงคิดเหมือนกัน"

หลังจากต่อรองราคากันอย่างสนุกสนาน ก็ตกลงกันได้ในที่สุดพร้อมกับการเช็คแฮนด์หนักแน่นจากมืออวบใหญ่อย่างกับนักมวย

"คุณต่อราคาหนังสือของผมขนาดนี้แล้ว คุณจะกลับมาขายคืนอีกไหมนี่" ผมพูดยิ้มๆพร้อมกับส่ายหน้า ถอนหายใจ

"ไม่แน่นะ" ใบหน้าสีแดงยักคิ้วพร้อมกับหัวเราะขึ้นพร้อมกัน

..........

สัปดาห์ก่อนหน้านี้ก็เช่นกัน ลูกค้าหญิงเลือดเบียร์ร่างสูงใหญ่คนเดียว เดินเข้ามาถามหาไกด์บุ๊คบาหลี-ภาษาเยอรมัน ผมชี้ไปที่ไกด์บุ๊คของมาร์โคโปโล บาหลีปี 2008 ขนาดเท่าหนังสือสวดมนตร์สมัยเด็ก

"ลดราคาได้ไหม มันเก่ามากแล้วนี่ ปีอะไรน่ะ" เธอถาม

"ราคานี้ถูกแล้วครับ แถมมีเล่มเดียวด้วย ปี 2008 ... นี่ไง" ผมชี้ให้ดูปี ค.ศ. ด้านใน

"โห งั้นมันก็อยู่ตรงนี้มาตั้ง 4 ปีแล้วสิ" เธอทำตาโต

"เปล่านะ ร้านของผมเพิ่งตั้งมา 2 ปีกว่าๆ เล่มนี้มีลูกค้ามาแลกกับหนังสืออ่านไปก่อนปีใหม่นี่เอง" ผมอธิบายตามเนื้อผ้า

"ก็ใช่ แต่มัน 4 ปีแล้ว แล้วมันจะอยู่อีกนานไหมเนี่ย" เธอถามยิ้มๆ

ผมเริ่มเก็ท "คุณไซโคผมเหรอ ... ได้สิ ผมลดราคาให้ได้อยู่แล้ว เอ้า ว่ามา" ผมบอกแล้วยิ้มยิงฟัน

เธอยิ้มอย่างพึงพอใจในราคาที่ต่อรอง ส่วนผมก็ส่ายหน้ายิ้มๆเหมือนเดิม

"เล่มนี้ผมไม่รับซื้อคืนครึ่งราคานะ" ผมบอกพร้อมทำหน้ามึน

"ทำไมละ ... ร้อยเดียวก็ไม่เอาเหรอ" เธอหัวเราะ ถามมา

"ม่ายเอา ... นี่ผมขอถ่ายรูปคุณกับหนังสือของผมหน่อยสิ" ผมตอบพร้อมถามไป

"ทำไม ... คุณจะเอาไปประกาศไว้หน้าร้านว่า "ไม่ต้อนรับ" เหรอไง" เธอถามย้อนกลับมา

"เปล่า ผมจะเอาไปอัพเดทในบล็อกน่ะ" ผมตอบพร้อมยกกล้องขึ้น

"โน" เธอหัวเราะแล้วหันหลัง รีบจ้ำออกจากร้านไป ปล่อยให้ผมยืนกอดอกหัวเราะอยู่คนเดียว

..........

..... ดึกคืนนั้น ขณะผมกำลังจะปิดร้าน ชายหนุ่มผิวสีแต่งตัวประมาณแร็ปเปอร์ที่หลุดออกมาจากหนังฮอลลีวู้ดเดินเข้ามาในร้าน โยกตัวเล็กน้อยพร้อมกับยื่นแบงก์ 500 มาที่ผม ก่อนพูดไทยสำเนียงทะแม่งๆ

"Can you change? แบ๊ง ... ร้อย ... มี ... ม้ายยย" หางเสียงลากยาวทองแดง

ผมชะงักนิดหนึ่ง แล้วอมยิ้มพร้อมหัวเราะในลำคอ ก่อนเปิดเก๊ะนับแบงก์สีแดง 4 ใบ "สี่ ... ร้อย ... ด่าย ... ม้ายยย"

ไอ้หนุ่มส่ายหน้า "หม่าย ... ดายยย"

ผมหัวเราะพร้อมกับรวบแบงก์ยี่สิบที่เหลือรวมให้ไปจนครบ ...

ถึงแม้อากาศยามดึกจะอบอ้าวสักหน่อย แต่คืนนี้ใครบางคนคงหลับอย่างอารมณ์ดี




Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 2 มีนาคม 2555 23:36:38 น. 2 comments
Counter : 2427 Pageviews.

 
เจ้าของบล็อกหายไปนานเลย แวะเข้ามาบอกว่ามีแฟนคลับตามรออ่านอยู่นะคะ...คิดถึงตัวหนังสือจากร้านหนังสือในข้าวสารจังค่ะ


โดย: ข้าวโพดสาลี IP: 192.168.18.236, 58.137.124.179 วันที่: 15 พฤษภาคม 2555 เวลา:14:29:39 น.  

 
ขอบคุณมากครับที่ถามไถ่ ... พอดีมีงานราษฎร์ งานหลวง ติดพันตลอดช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เลยทำให้ไม่สามารถ ...

นั่งอยู่หน้าคอมพ์นี่ก็กลัวจะต่อไม่ติดเหมือนกัน ... แหะๆ


โดย: เจตตจัน (jettajan ) วันที่: 22 มิถุนายน 2555 เวลา:21:25:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jettajan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add jettajan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.