Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2556
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
18 พฤษภาคม 2556
 
All Blogs
 
ร้านหนังสือในข้าวสาร ... ตอน สัญญาสุภาพบุรุษ

สวัสดีครับคุณผู้อ่านที่รักทุกท่าน ด้วยความยินดีที่ยังมีชีวิตอยู่ ยังครบ 32 กินได้ นอนหลับและยังมีโอกาสได้มาเขียนบล็อกเล่าเรื่องราวไร้สาระให้ได้อ่านกันอีกจากร้านหนังสือในข้าวสาร ร้านหนังสือเล็กๆ ณ จุดตัดระหว่างสุดปลายถนนด้านโรงพักชนะสงครามกับถนนจักรพงษ์ ( ไม่ใช่ ณ สุดปลายสายรุ้ง ... Somewhere over the rainbow ... ) ที่ซึ่งมีหนังสือไกด์บุ๊คมากมายให้ได้เลือกชมกัน

ครับ เดือนนี้มีโลนลีแพลนเน็ตออกใหม่มาแล้วหลายเล่มโดยเฉพาะ 3 เล่มสำคัญอันไม่อาจปฏิเสธได้ในความเป็นปกที่ลูกค้าซื้อหาพกพาไปด้วยระหว่างท่องเที่ยว ได้แก่ "Lonely planet Indonesia", "Lonely planet China" "Lonely planet Bali & Lombok"

Lonely planet Indonesia ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 10 / จำนวน 816 หน้า / 32 หน้าสี / แผนที่ 107 หน้า / น้ำหนัก 0.72 กิโลกรัม / ราคาปก 33.99 ดอลลาร์

Lonely planet China ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 13 / จำนวน 1048 หน้า / 256 หน้าสี / แผนที่ 200 หน้า / น้ำหนัก 0.84 กิโลกรัม / ราคาปก 31.99 ดอลลาร์

Lonely planet Bali & Lombok ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 14 / จำนวน 408 หน้า / 96 หน้าสี / แผนที่ 59 หน้า / น้ำหนัก 0.33 กิโลกรัม / ราคาปก 25.99 ดอลลาร์

จริงๆแล้วปกบาหลีนั้นออกมาก่อนตอนเดือนเมษายน เพียงแต่ว่าผมลืมไปเลยไม่ได้กล่าวถึงเท่าไหร่ และพอดีเห็นว่าปกใหญ่อีก 2 เล่มกำลังจะออกมาก็เลยรอรวบไว้ด้วยกัน ทั้งๆที่รอบการพิมพ์นั้นต่างกันถึง 1 ปี คือตั้งแต่ผมเปิดร้านมาในปี 2009 ผมเจอโลนลีแพลนเน็ตจีนมา ปี 2009 / ปี 2011 แล้วก็มาปีนี้ ปี 2013 ส่วนก่อนหน้านี้ที่เคยเห็นก็เป็น มือสอง ปี 2005 / ปี 2007 แสดงว่าความถี่ในการออกฉบับใหม่คือ 2 ปีต่อครั้ง

แต่ส่วนโลนลีแพลนเน็ตอินโดนีเซีย ก็เจอ ปี 2010 แล้วก็มาปีนี้ ปี 2013 ส่วนก่อนหน้านี้ก็เป็นมือสอง ปี 2007 แสดงว่าความถี่ในการออกฉบับใหม่คือ 3 ปีต่อครั้ง

ปฏิกิริยาของลูกค้านั้นแตกต่างกันครับ เพราะโลนลีแพลนเน็ตจีนพิมพ์ใหม่ 2 ปีครั้งมักจะไม่ค่อยได้ยินเสียงลูกค้าถามหาปกใหม่ แต่โลนลีแพลนเน็ตอินโดนีเซียซึ่งพิมพ์ 3 ปีครั้งนั้นมีลูกค้าถามบ้างว่าปกใหม่ออกแล้วยัง ล่าสุดก็ต้นเดือนพฤษภาคมนี่เองที่ลูกค้าหนุ่มใหญ่หนวดงามเดินเข้ามาถามเลยว่าที่ร้านได้ปกใหม่ออกมาขายหรือยัง ผมเองก็ลืมๆไปไม่ได้เช็คดูเลยต้องขอผลัดไปว่า

"ตอนนี้ยังไม่มีในมือ คุณจะกลับมาที่ร้านอีกทีหรือเปล่า ถ้ากลับมาก็จองไว้ได้ เพราะเดี๋ยวผมสั่งให้ ว่าแต่ผมมีมือสองปกเก่าอยู่หลายเล่มนะ คุณไม่สนใจหรือ"

"ผมอยากได้ปกใหม่มากกว่า เพราะ 3 ปีแล้ว อะไรๆน่าจะเปลี่ยนไปพอสมควร ... ผมไปพม่าก่อน 3 สัปดาห์แล้วผมกลับมากรุงเทพอีกทีตอนสิ้นเดือน คุณจองไว้ให้ผมได้ไหม ... ผมจ่ายมัดจำไว้บางส่วนได้หรือเปล่า" ลูกค้ากระพริบตาปริบๆก่อนจะบอกแผนคร่าวๆมา

"ก็เยี่ยมเลย เดี๋ยวผมจัดการสั่งไว้ให้" ผมยิ้มพร้อมกับรับเงินและเขียนเอกสารจองไว้ให้ เรียกว่าเป็นลูกค้าโลนลีแพลนเน็ตอินโดนีเซียปกใหม่คนแรกในรอบ 3 ปีทีเดียว

******************************

ค่ำวันก่อนลูกค้าสาวยุโรปผมทองบินเดี่ยวเข้ามาที่ร้าน พร้อมกับเดินเล็งๆอยู่ที่ชั้นโลนลีแพลนเน็ตมือสองพักใหญ่ ผมดูท่าทีแล้วน่าจะเป็นลูกค้าซื้อจริง ไม่ใช่ดูผ่านๆ ก็เลยทักทายขึ้น "Hello, may I help you? ... สวัสดี มีอะไรให้ช่วยไหมครับ"

"Hi. Do you have lonely planet cambodia? I want the cheap one. ... สวัสดี คุณมีโลนลีแพลนเน็ตคัมโบเดียไหม ฉันอยากได้ไอ้ที่ถูกหน่อยน่ะ" เธอว่าพร้อมกับส่งยิ้มมา

"Why not. Here they are. Second hand for both old and new edition. ... มีสิ ทำไมจะไม่มีล่ะ นี่ไง ฉบับมือสอง ผมมีทั้งปกเก่าและปกใหม่" ผมเลือกหยิบออกมาให้เธอดู 2 เล่ม เป็นปกเก่าปี 2010 และ ปกใหม่ ปี 2012 มือสองทั้งคู่

"How much for this new edition? Can you give me discount? ... ปกใหม่นี่ราคาเท่าไหร่น่ะ ลดได้ไหม" เธอพลิกดูแป๊บเดียวก่อนเลือกฉบับ ปี 2012 มาถือไว้และขอลดราคา

"Yes. Half price for the return or some special discount if you not come back. ... ราคาลดได้ แต่คุณจะเลือกเอาอย่างไหนล่ะ ระหว่างขายคืนให้ผมครึ่งราคาจากราคาเต็มหลังจากใช้แล้ว กับลดราคาให้บางส่วนไปถ้าคุณไม่กลับมาที่ร้านอีก" ผมยื่นข้อเสนอยิ้มๆ

"Probably not come back. ... ฉันคงจะไม่ผ่านกลับมาที่กรุงเทพอีก ขอเป็นส่วนลดไปดีกว่า" เธอว่าหลังจากคิดอยู่แวบเดียว

"So I can give you for discount. ... ถ้างั้นก็ลดให้เท่านี้" ผมหยิบเครื่องคิดเลขมาจิ้มๆ หักส่วนลดไปให้ ก่อนที่เธอจะยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วต่อมาอีกในราคาคนจีน ทำเอาผมหัวเราะอย่างบาดใจหลังจากนึกถึงจำนวนลูกค้าที่เข้าร้านมาแต่เช้า ... พยักหน้าตกลงแล้วบอกเธอว่า "This is my special discount for Low-season" .... แต่ในใจบอกว่า "ฮึ่ม ... ฝากไว้ก่อนเถอะ โอฬาร"

"Oh I have not enough money.  I need to go back to my room. Can you wait for me? ... โอ๊ะ โอ๋ เงินฉันไม่พอน่ะ ฉันต้องกลับไปเอาเงินที่ห้องก่อน คุณรอแป๊บนึงนะ" เธอว่า ... ทำตาโต หลังจากเปิดกระเป๋าเงินดูพบว่ามีเงินอยู่ร้อยกว่าบาท

"Can, but this price is my special offer. You need to come back before I change my mind. ... ได้ซี้ .... แต่นี่เป็นราคาสุดพิเศษแล้วนะ คุณต้องรีบกลับมาก่อนที่ผมจะเปลี่ยนใจล่ะ" ผมขู่ลูกค้ายิ้มๆ พร้อมหยิบหนังสือใส่ถุงพลาสติกวางไว้ให้เธอ ก่อนที่เธอจะหัวเราะร่าเริงแล้วรีบเดินออกจากร้านไป

เธอกลับมาภายในไม่ถึง 5 นาทีแล้วชำระค่าหนังสือเล่มนั้น จากนั้นเราคุยกันนิดหน่อย เธอว่าที่พักอยู่ตรงเรนโบว์เกสเฮาส์ใกล้ๆนี่เอง เธอมาคนเดียวพักอยู่กรุงเทพแค่ 2 วัน เพราะเธอไม่ชอบที่นี่เท่าไหร่ ถนนข้าวสารคนเยอะ แล้วก็มากินเหล้ากันมาก ผมเลยแนะว่าถ้ามาคราวหน้าให้เธอไปหาที่พักตรง ถนนสามเสน ข้ามคลองบางลำพูไปตรงตลาดนานา ที่นั่นเงียบเชียบดี แล้วก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลว เพราะกลางคืนไม่พลุกพล่านมาก ติดคลองบางลำพู แล้วก็ไม่ไกลจากจุดศูนย์กลางแถวนี้เท่าไหร่ เดินแค่ป้ายรถเมล์เดียวก็ถึง ถ้าจำเป็นก็ยังมาทำธุระแถวนี้ได้ เธอบอกขอบคุณและว่านี่เองเป็นข้อดีของการได้พูดคุยกับคนท้องที่ ทำให้ได้ข้อมูลมากขึ้น เราสัมผัสมือกันก่อนร่ำลา เธอทำให้ผมนึกถึงลูกค้าสาวชาวยุโรปอีกคนหนึ่งซึ่งเคยเข้ามาเป็นลูกค้าที่ร้าน ...

วันนั้นเป็นบ่ายวันหยุดสุดสัปดาห์ ลูกค้าสาวสวยหน้าตาประมาณเกาหลีหรือไม่ก็ญี่ปุ่นมาคนเดียว แต่งตัวดูดี ในชุดกระโปรงและรองเท้าหุ้มส้น เข้ามาเลือกซื้อหนังสือโลนลีแพลนเน็ตในร้าน ผมจำไม่ได้ว่าปกไหน-ประเทศอะไร-มือหนึ่งหรือมือสอง ...

... ( แล้วจะนึกถึงทำไมกัน ... นึกถึงเรื่องอะไร ) ... หุหุ

จำได้ว่าหนังสือไกด์บุ๊คเล่มนั้นราคาประมาณ 550 บาท เธอหยิบกระเป๋าเงินออกมาจากกระเป๋าสะพาย เปิดกระเป๋าเงินซึ่งในนั้นบรรจุธนบัตรเรียงซ้อนกันไว้เกือบๆจะครึ่งปึกธนบัตรร้อยใบจากธนาคารเวลาแลกเงิน เธอกรีดนิ้วเลือกๆดู จากสายตาของผมเห็นเป็นแบงก์ 1000 บาทไทยปนอยู่กับแบงก์อะไรก็ไม่รู้ขนาดพอๆกัน (เดาว่าแบงก์ดอลลาร์) เธอชำระค่าหนังสือโดยการหยิบแบงก์ 1000 บาทมายื่นให้ผม 6 ใบ

... แบงก์ 1000 บาท ... 6 ใบ ...

... ยื่นเงินให้ผม ... แล้วก็ปิดกระเป่าเงิน ... ยิ้มตาใส ... รอเงินทอน ...

ผมยื่นมือไปรับเงินมาถือค้างอยู่ในมือ ขณะที่จิตฝ่ายมารเห็นภาพตัวเองรีบยัดเงินใส่กระเป๋าแล้วทอนเงินให้เธอไป 50 บาท ...

"No, you cannot do this. ... ไม่นะ ทำอย่างนี้ไม่ได้" ผมยิ้มเป็นโจ๊กเกอร์ ก่อนจะส่ายหน้าบอกทั้งลูกค้าและตัวเอง

"This banknote is 1 thousand baht, not 1 hundred baht. Later you not do mistake like this again. ... นี่มัน 1000 บาท ไม่ใช่ 100 บาท ทีหลังดูดีๆนะ" ผมอธิบายและชี้ให้เธอดูตัวเลขบนแบงก์ ก่อนที่เธอจะทำตาโตหัวเราะแหะๆ และกล่าวขอบคุณผมพร้อมกับรับเงินทอนและแบงก์พันอีก 5 ใบคืนใส่กระเป๋า

... "เป็นไงล่ะ" ... ผมหัวเราะเยาะให้กับจิตฝ่ายมารในหัวของตัวเองหลังจากลูกค้าสาวออกจากร้านไป พลางหันไปพยักเพยิดกับรูปของพ่อในกรอบบนหิ้งติดกำแพงเหนือศรีษะ

************************************

เรื่องราวเล็กๆ ของสุภาพบุรุษปรากฏขึ้นในร้านหนังสือ ค่ำวันหนึ่งของเดือนพฤษภาคม 2556

ลูกค้า 2 หนุ่มก้าวเท้าเข้ามา ทั้งสองสวมชุดลำลองสีเขียวลายพราง ผมสั้นรองทรงสูง หนึ่งในนั้นได้เป็นพ่อค้า-ลูกค้ากัน

"ที่ร้านมีแผนที่เชียงใหม่ขายไหมครับ" ชายชาติทหารถามมา

"มีครับ" ผมเดินไปที่แผงแผนที่ติดชั้นไม้ด้านซ้ายมือ แล้วหยิบแผนที่ขึ้นมา 2 แผ่นให้เลือก หนึ่งเป็นกระดาษเคลือบพลาสติกแผ่นเล็ก และอีกหนึ่งเป็นกระดาษธรรมดาแผ่นใหญ่พับหลายทบ

"เอาแบบที่มีรายละเอียดของตัวเมืองน่ะครับ" ชายหนุ่มบอกข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อให้ตรงเป้าหมายง่ายเข้า

"ได้ ... ทั้ง 2 แผ่นแหล่ะครับ" ผมพยักหน้าบอกไป พร้อมแจกแจงรายละเอียด "แผ่นใหญ่นี้มีรายละเอียดแผนที่ทั้ง 2 หน้า หน้าหนึ่งเป็นจังหวัดเชียงใหม่ทั้งจังหวัด ส่วนอีกหน้าหนึ่งจะขยายเฉพาะแผนที่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ ส่วนแผ่นเล็กนี้มีแผนที่หน้าเดียวเฉพาะใจกลางเมืองเชียงใหม่ ด้านหลังเป็นข้อมูลภาษาอังกฤษ"

ชายหนุ่มพลิกดูทั้ง 2 แผ่นก่อนถามมา "สนามบินอยู่ไหนครับ"

ผมกวาดสายตาวูบ 1 รอบ ก่อนชี้มือลงมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของตัวเมือง "นี่ครับ ต่ำกว่าใจกลางเมืองลงมานิดหน่อย ... นอกจากนี้ สถานีขนส่งและสถานีรถไฟก็บอกไว้ด้วยทางด้านขวาของตัวเมือง"

"ผมเอาแผ่นนี้ครับ" ชายหนุ่มเลือกแผนที่แผ่นเล็กพร้อมชำระเงิน ... "เอ่อ ผมขอยืมปากกาหน่อยได้ไหมครับ จะเขียนพิกัดหน่อยนึง"

ผมหยิบปากกาเมจิกสีดำให้ไป "ถ้างั้นใช้อันนี้ครับ แผนที่นั่นเคลือบพลาสติกไว้ ปากกาลูกลื่นธรรมดาเขียนไม่ติด"

ชายหนุ่มรับปากกาไปพร้อมกับขอบคุณเบาๆ หันไปเขียนอะไรขยุกขยิกลงในแผนที่แล้วก็หันมาคืนปากกาเมจิกสีดำให้ผม

"คือ ... ช่วยเขียนข้อความเป็นภาษาอังกฤษให้ผมหน่อยได้ไหมครับ" ชายหนุ่มเอ่ยปากหลังจากนิ่งไปอึดใจ

"ได้สิ" ผมเลือกกระดาษรียูซหน้าสองแผ่นเล็กๆที่ตัดเก็บไว้จดข้อความจุกจิกมาแผ่นหนึ่ง แต่ชายหนุ่มบอกขอเปลี่ยนเป็นใหญ่กว่านั้น ผมเลยเปลี่ยนเป็นกระดาษสมุดโน๊ตของดับเบิลเอแทน ชายหนุ่มบอกข้อความประโยคแรกเป็นภาษาอังกฤษ ก่อนจะตามมาด้วยภาษาไทยจนจบข้อความ 4-5 ประโยคสั้นๆ แต่ได้ใจความ หลังจากนั้นผมก็ฉีกกระดาษโน๊ตหน้านั้นออกจากสมุดยื่นส่งให้ ชายหนุ่มรับไปแล้วสอดกระดาษลงในซองแผนที่ใสได้พอดี 

... ลูกค้าชายชาติทหารออกไปแล้ว

... คืนนั้นผมปิดร้านด้วยอารมณ์ผ่องแผ้วกับข้อความของสุภาพบุรุษ ยินดีกับผู้รับแผนที่ในปิยมิตรที่ได้รู้จัก และภูมิใจกับใครสักคนที่ได้รับความซื่อสัตย์และให้เกียรติจากคนๆหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่จะหาได้ง่ายนักในปัจจุบัน

... ข้อความที่ด้นสดและแปลสดนั้น ใจความว่า

"ไอด๊อนท์โนว์ฮาวทูเซย์ ... ผมไม่รู้จะพูดยังไงว่าผมรู้สึกชอบคุณมากตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน ผมรู้สึกมีความสุขเสมอเมื่อเวลาที่ได้อยู่ข้างๆคุณ ถึงแม้ว่าผมจะเป็นได้เพียงแค่เพื่อนเท่านั้น ... ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณมีปัญหาอะไรก็บอกผมด้วยนะ ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ / ชานนท์"

SmileySmileySmiley

เจตตจัน

085-8035412

087-0719858

jettajan227@yahoo.com




Create Date : 18 พฤษภาคม 2556
Last Update : 18 พฤษภาคม 2556 21:23:15 น. 0 comments
Counter : 1214 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jettajan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add jettajan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.