Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
2425262728 
 
23 กุมภาพันธ์ 2556
 
All Blogs
 
ร้านหนังสือในข้าวสาร ... ตอน Night shift ... ร้านหนังสือกะดึก

สวัสดีครับคุณผู้อ่านที่รักทุกท่าน ด้วยความยินดีที่ยังมีชีวิตอยู่และได้มาเขียนบล็อกเล่าเรื่องราวเรื่อยเปื่อยของร้านหนังสือเล็กๆในถนนข้าวสารให้ได้ฟังกันอีก ในบรรยากาศสุดแสนจะแปรปรวน เมื่อวานเช้าๆลมหนาวเย็นพัดโชยกรุ่น กลางวันร้อนหัวแทบแตกเหงื่อซึม วันถัดมาเมฆครึ้มและฝนตกฉ่ำแต่เช้า ทำเอาฝรั่งชักจะงงว่าตกลงแล้วนี่มันไฮซีซั่นหรือโลว์ซีซันกันแน่ ... อย่าว่าแต่ฝรั่งเลยครับ วันก่อนลูกค้าหนุ่มที่มาซื้อหนังสือโลนลีแพลนเน็ตเกาะสมุยเล่มเล็ก "Encounter" กับแผนที่ภาคใต้และเกาะสมุย-เกาะพงัน-เกาะเต่า ของโกลเบทฯ ถามมาว่าตอนนี้อากาศที่ทะเลภาคใต้บ้านเราดีน่าเที่ยวใช่ไหม ผมได้แต่แบมือตอบไปประมาณว่า

"ถ้าเป็นเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว หลังปีใหม่ต้นๆปีอย่างนี้ละก็ ตอนนี้ทะเลสวย ฟ้าใส น่านอนอาบแดดที่สุด"

ตอบเสร็จแล้วก็หลับตาพริ้มแว่วเสียงเพลงของ "ปานศักดิ์" ลอยมาพร้อมกับลำนำกีตาร์แว่วหวาน

" .... ฉันคิดไปเป็นชาวเกาะ มีชีวิตกลางแดดอันรื่นรมย์

จะจูบอำลาสังคม แสงสีในเมืองนภา

....... ตามฉันมาเป็นชาวเกาะเอย .... "


ปานศักดิ์ รังสิพราหมณกุล อัลบัม "คิดไปเป็นชาวเกาะ" ปี 2529 วัยทีนสมัยนี้ยังเกิดไม่ทันแน่นอน ... เพลงไฮไลท์ขึ้นต้นด้วยทำนองระบำฮาวาย

ครับ ร้านหนังสือกะดึกคืนนั้นยังคงเปิดอยู่เพื่อต้อนรับแบ็คแพ็คเกอร์ที่ต้องการไกด์บุ๊คภาษาต่างประเทศหลากหลายภาษาและยี่ห้อ ทั้ง "รุทตาร์ท" และ "เปติท ฟุต" ภาษาฝรั่งเศส / "ดูมองท์" และ "สเตฟาน โลเซ" ภาษาเยอรมัน รวมทั้ง ราฟไกด์ / โลนลีแพลนเน็ต มือหนึ่ง มือสอง ภาษาอังกฤษ สเปน ฮีบรูว์ โดยที่ลูกค้าเอามาขายคืนได้ครึ่งราคาหลังจากใช้แล้ว คืนมาในสภาพที่ไม่ฉีกขาดหน้าใดไปและไม่เปียกน้ำจนย่นยู่ไปทั้งเล่ม

ดึกคืนนั้น หลังผจญกับสภาพอากาศแปรปรวนทั้งวันจนรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว ผมนั่งห่อโลนลีแพลนเน็ตรัสเซีย 2009 และมอสโคว์ 2009 มือสอง-สองเล่มสุดท้าย และจวนจะปิดร้านในขณะที่สี่หนุ่มสาวชาวเช็กฯ เข้ามาถามหาโลนลีแพลนเน็ตไทยแลนด์เวอร์ชันภาษาเช็ก ผมได้แต่เซย์ซอรี่ไปเพราะภาษาเช็กเล่มเดียวที่มีอยู่ถูกซื้อไปโดยลูกค้าหนุ่มผู้บินเดี่ยวมาเที่ยวไทยเมื่อสองเดือนก่อนกับทริป 6 เดือน นั่นหมายความว่าอีก 4 เดือน หนังสือเล่มนั้นถึงจะกลับมาที่ร้านอีกครั้ง แก๊งออฟโฟร์นี้จึงได้แต่คว้าเอาแผนที่ไทยแลนด์ไปแผ่นเดียว แต่กระนั้นก็ยังเป็นแผนที่เก่ามือสองแถมต่อราคาอีกต่างหาก


แก๊งค์ออฟโฟร์ จากเช็กรีพับลิคที่เข้ามาแวะเยือนร้านหนังสือกะดึก คืนนั้น

หลังจากทั้งสี่คนออกไปแล้ว ผมยังไม่ทันได้กลับมานั่งห่อหนังสือต่อ สาวทอมออสซี่ก็เดินเข้ามาถามหาดิกชันนารีอังกฤษ-ไทยสักเล่ม ผมเลยลองเอาดิกฯที่ใช้แปลภาษาของนักเรียนยื่นให้ดู พร้อมกับถามไปว่าไม่ใช่เล่มอย่างนี้นะ เธอรับไปพลิกดูอยู่ในมือก่อนจะสั่นหน้าไม่ใช่

"Do you mean phrasebook?" ผมหยิบโลนลีแพลนเน็ตเฟรสบุ๊คอังกฤษ-ไทย ที่เพิ่งออกใหม่เมื่อปีที่แล้วยื่นให้เธอดู

"Do you have another one?" สาวหล่อจากออสซี่พยักหน้า ดูราคาแล้วถามหาสำนักพิมพ์อื่นมาเทียบ

ผมเลยหยิบอีก 3-4 เล่มจากคนละสำนักพิมพ์มายื่นให้เธอดูเปรียบเทียบกัน เธอพิจารณาอย่างละเอียดในขณะที่ผมเหลือบหางตาดูนาฬิกา ... เพลงของวง 25 hours แว่วขึ้นมาเบาๆ ... เที่ยงคืนสิบห้านาที กับวันที่ฉันนั่งเหม่อ ... ภาพเคลื่อนไหวใน MV บรรยากาศคนเหงาในเมืองใหญ่ักับป้ายรถเมล์ยามดึก ช่างเข้ากันดีกับเสียงใสๆจากสายกีตาร์ตอนอินโทรของเพลงๆนั้น

สาวออสซี่เลือกได้เฟรสบุ๊คของไทเกอร์ขึ้นมาถือไว้ในมือ ชำระเงินก่อนจะถามผมว่า "Do you know can I use SIM "Telstra" hear in Thailand?  I tried already but looked like cannot." แล้วเธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมายื่นให้ผมดู

... งานเข้า ... ผมคิดในใจก่อนจะตอบไปว่า "Basically you come to travel here in Thailand, you buy new SIM from Thailand. Keep your own SIM. Then finish trip in Thailand and go back, you throw it away. And I doubt no "Telstra" service office here in Thailand. Only ... / ... / ... " ก็มันคงไม่มีเครือข่ายของ "เทลสตรา" ที่นี่ละมั้ง เพราะงั้นก็ซื้อซิมเมืองไทยใช้ก่อนแล้วกัน มีอยู่สาม-สี่บริษัทใหญ่ที่นี่ พอจะกลับก็ขว้างทิ้งซะแล้วกลับไปใช้อันเดิม

เธอเก็ท พยักหน้าหงึกๆแล้วก็ออกจากร้านไป ... ผมยัดหนังสือที่ไม่ถูกเลือกกลับเข้าไปในแถว แล้วหันมาเพื่อเจอคู่สาวสวยหนุ่มหล่ออีกคู่หนึ่งซึ่งเดินเข้ามาเลือกๆแผนที่อยู่ที่แป้นหมุนก่อนจะหยิบได้แผนที่กรุงเทพ / ไทยแลนด์ และภูเก็ต รวม 3 แผ่นเดินเข้ามาจ่ายเงิน ผมยิ้มดีใจเพราะลูกค้าคู่นี้ไม่เลือกมากนัก จากการแต่งตัวดูดีและค่อนข้างเนี๊ยบ คล้ายกับเพิ่งจบดินเนอร์หรูยามดึก ลักษณะตั้งใจมาใช้เงิน แต่หลังจากจ่ายเงินแล้ว คำถามก็ตามมา

"Do you have Le Petit Prince ?" ลูกค้าสาวสวยหมายถึง หนังสือเจ้าชายน้อย ของเอ๊กซูเปรี

ผมมองแวบไปตรงตั้งหนังสือคลาสสิค "No, once last year I had "Illusion" from Exupery. But not the prince, did you never read it ?" ... ไม่อ่ะ ก่อนนี้ผมเคยได้ "มายา" มาเล่มหนึ่งที่เป็นหนังสือของเอ๊กซูเปรี แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว คุณไม่เคยอ่านเหรอ ... ผมถามย้อนไปเพราะสงสัยว่า โตป่านนี้ไม่เคยอ่านได้ไง

"No, we ask for Thai version. I search for collection." หนุ่มหล่ออธิบายกลับมาว่าจะเอาไปสะสม .... เหมือนลูกค้าที่เคยตามหาหนังสือเกี่ยวกับกาแฟภาษาต่างๆเพื่อเอาไปสะสม

"I see. I have 1 book in my shelf, 10 years ago probably. Do you want to buy it ?" จำได้ว่าผมมีเจ้าชายน้อยอยู่เล่มหนึ่ง ซื้อมาสัก 10 ปีแล้วมั้ง เอาหรือเปล่า ... ผมเสนอไป เพราะคิดว่าน่าจะเป็นทางออกที่ง่ายกว่าการอธิบายว่าให้ไปห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ หาร้านหนังสือภาษาไทยให้เจอ เดินไปตรงชั้นหนังสือวรรณกรรมเยาวชนแปลจากต่างประเทศ แล้วไล่ชื่อดูทีละเล่มเทียบกับชื่อภาษาอังกฤษ หรือไม่ก็ดูภาพปก ... อืม เป็นการล่าสมบัติที่น่าจะสนุก แต่เป็นทริปแนะนำสำหรับแฟนพันธุ์แท้เท่านั้น และที่สำคัญเกือบตีหนึ่งแล้ว ... ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง

"Yes, I want it. Can you give me now?" สาวสวยใจร้อน ... ซื้อเลย

"Oh, in my shelf upstairs. Tomorrow better." ก็มันอยู่ข้างบนน่ะ ต้องคุ้ยในกองหนังสืออีก จะได้นอนไหมเนี่ย ขอเป็นพรุ่งนี้แล้วกัน

"OK, what time you open tomorrow ? Morning, 8 o'clock ?" สาวสวยถามมา แต่เช้า

... โอ้ แม่เจ้า ... นี่แม่คุณรีบขนาดนั้นเลยหรือนี่ แม่คุณจะให้พ่อค้าไปค้นหนังสือคืนนี้เลยละมัง ... มันไม่ใช่ว่าผมเพิ่งอ่านเมื่อคืนแล้ววางไว้ตรงโคมไฟหัวเตียงนะคะ ... ผมไม่รู้จะอธิบายเธอยังไงว่ามันเก็บ ... เอ้อ ... "สุม" อยู่ในลังพลาสติคที่ซ้อนกันไว้ในแนวตั้งแถวละ 3 ชั้น มันมีอยู่ประมาณ 4-5 แถว รวมแล้วเป็นพันเล่มที่จะต้องไปนั่งเล่นซ่อนหากันคืนนี้

"You will come back early morning, exactly? May be noon?" ... จะมาแต่เช้าทำไมก๊านนน สักเที่ยงพอไหวละก๊าาาา ... ผมขอต่อเวลาในสภาพเหงื่อตก 

"OK, we will come back on tomorrow's noon." ชายหนุ่มตอบมาพร้อมยิ้มอย่างดีใจ

"Thank you, see you. Bye." ผมขอบคุณลูกค้าพร้อมกับปิดร้านงงๆ คว้าไวน์แดงในตู้เย็นมาขวดนึง เิดินขึ้นไปชั้นบน เปิดไฟ เปิดพัดลม ถอดเสื้อออก นั่งลงหน้ากอง / ลังหนังสือ และเริ่มเล่นซ่อนหา พร้อมหัวเราะ หุหุ คิดในใจ "ซวยละกรู ดันไปปากไวซะ เปลี่ยนใจได้ไหม ... คืนนี้จะได้นอนไหมเนี่ย"

เจตตจัน

085-8035412

087-0719858

jettajan227@yahoo.com

ปล. เห็นเขาว่ามีร้านสวยๆร้านหนึ่งเปิดใหม่แถวสามย่าน เป็นร้านเปิด 24 ชั่วโมง มีอะไรๆ ครบสำหรับคนนอนดึก หรือพวกที่ไม่ค่อยชอบหลับชอบนอน น่าเข้าไปแวะชมครับ


"TOO FAST TOO SLEEP" ร้านที่เปิดทั้งวันทั้งคืน ... น่าสน สำหรับคนนอนดึก ... ชอบใจลูกตาตรงโลโก้ร้านคู่นั้นจริงๆ




Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2556 11:48:01 น. 2 comments
Counter : 2572 Pageviews.

 
สวัสดียามค่ำคืนครับ

ตามมาเที่ยวร้านหนังสือในข้าวสารด้วยครับ


โดย: **mp5** วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:21:53:00 น.  

 
ด้วยความยินดีครับ สำหรับคนนอนดึก


โดย: jettajan วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:22:44:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jettajan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add jettajan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.