Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2557
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
25 สิงหาคม 2557
 
All Blogs
 
ร้านหนังสือในข้าวสาร ... ตอน Begin ... again

สวัสดีครับคุณผู้อ่านที่รักทุกท่าน ด้วยความยินดีที่ยังมีชีวิตอยู่ ยังกินได้ นอนหลับ ครบ 32 และสามารถมาเขียนเล่าเรื่องราวเรื่อยเปื่อย จากร้านหนังสือเล็กๆในถนนข้าวสารให้ได้อ่านเล่นฆ่าเวลากันอีก 1 สัปดาห์ โดยต้องขอแสดงความเสียใจกับพ่อค้าแม่ค้าตลาดมืดคลองหลอดครับ ที่ต้องย้ายที่หาทำเลใหม่กัน หลังจากถูกจัดระเบียบไปเมื่อเดือนก่อน เป็นการปิดตำนานตลาดมืดคลองหลอดที่ยืนยงยาวนานมาหลายสิบปี เห็นข่าวว่าย้ายไปท่าดินแดงบ้าง บางข่าวบอกว่าย้ายไปสายใต้ใหม่ ก็คงต้องหาหนทางกันต่อไปครับ เหลือเพียงแต่ความทรงจำกับบรรยากาศเก่าๆ ซึ่งเมื่อไม่นานนี้เอง บางคืนคนเขียนก็ไปเดินเล่นบ้าง หาของกินยามดึกบ้าง สเต็คข้างทางหน้าศาลหลักเมืองยาม 5 ทุ่มนั้นให้รสชาติแตกต่างจาก 13 เหรียญ สเต็คโชคชัย หรือสเต็คปลาแซลมอนในร้านอาหารญี่ปุ่นอย่างลิบลับ แต่แสงไฟระยิบระยับกับวิววัดพระแก้วยามดึกแกล้มสเต็คในจาน ก็ให้รสชาติที่หาที่ไหนไม่ได้เหมือนกัน ... นึกถึงเพลงเก่าของบิลลี่ โอแกนสมัยยังหนุ่มกับเพลง "เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม" ก็คงจะเป็นความรู้สึกที่ใกล้เคียง

นอกจากนี้ก็ยังได้เห็นละครแห่งชีวิตของคนหลากหลาย ต่างที่มา และต่างก็มาดิ้นรนค้นหาที่ทางของตัวเองที่นี่ ชีวิตเร่ร่อนรายวันของคนจร พ่อค้าของเก่ากับการหาเลี้ยงปากท้อง เล่ห์ลวงของคนโกง ช่องทางดิ้นรนของคนที่ต้องการหารายได้พิเศษ ตลอดจนหนทางของคนที่อับจนหนทางในยามฟ้าสว่างสดใส ... แน่นอนว่าส่วนใหญ่แล้ว มันคงจะหมองหม่นและไม่สวยสดงดงามเหมือนกับละครของคนที่อยู่ในตึกระฟ้า ห้างใหญ่ติดแอร์ ... ความมืดยามพลบคงจะช่วยพรางสายตาเอาไว้ แต่รสชาติละครชีวิตของพวกเขาก็คงจัดจ้านไม่แพ้กัน ... ข่าวพาดหัวยิงกันถึงเลือดถึงชีวิต จากเหตุเก็บค่าไฟแผงขายของตลาดสายใต้ใหม่ คงบ่งบอกถึงดีกรีความเข้มข้นของละครชีวิตพวกเขาได้เป็นอย่างดี

เกริ่นนำออกนอกร้านกันไปไกลพอควร ก็เลี้ยวกลับเข้ามาในร้านหนังสือกันดีกว่าครับ แม้จะยังเป็นช่วงโลว์ซีซันอยู่ แต่ก็อย่างที่บอกไปเมื่อ 2-3 สัปดาห์ก่อน ว่าเริ่มมีสัญญาณบวกออกมา สถานการณ์ตอนนี้น่าจะพ้นจุดต่ำสุดมาแล้ว และกำลังจะรีบาวนด์กลับสู่ขาขึ้นอีกครั้ง อยู่ที่ว่าจะพุ่งเป็นกระทิงหรืออืดเป็นหมีเท่านั้น ... เอ๊ะ ... กลายเป็นตลาดหุ้นไปได้ยังไงกัน ... เอาเป็นว่าลูกค้าเริ่มมีให้เห็นกันบ้าง ไม่ทำให้ร้านเงียบเหงาเกินไป ไม่ว่าจะเป็นมูรัตจากตุรกี ที่กลับมายังร้านเพื่อโกยโลนลีแพลนเน็ตปกเก่าไปอีก 150 กว่าเล่ม หลังจากเข้ามาดูลาดเลาในชุดเสื้อฟ้า-ขาวตอนรอบรองของฟุตบอลโลก นัดชี้ชะตาระหว่างอาร์เจนตินากับฮอลแลนด์ ก่อนจะกลับมาอีกครั้งพร้อมลูกสมุน 1 หน่อหลังนัดชิงชนะเลิศบอลโลกผ่านไป


รอบนี้ 150 กว่าเล่มทำเอากระเป๋าลากใบใหญ่ของมูรัตเต็มแน่นแทบจะปิดไม่ได้ แม้ราคาจะไม่ได้ตามเป้าเพราะหนังสือออกจะเก่าจน "แก่เกินแกง" ไปสักหน่อย แต่ไม่ทำให้ลูกค้าเสียเที่ยวเปล่าก็ควรจะโอเคในระดับหนึ่ง

นอกจากนั้นก็มีลูกค้าแคนาเดี้ยน-เฟร้นช์อีกคู่หนึ่งที่เข้ามาแลกหนังสือโดยเอารุทตาร์ทคัมโบเดีย ภาษาฝรั่งเศสปีล่าสุดกับหนังสืออ่านเล่นภาษาฝรั่งเศสอีกเล่มหนึ่งเข้ามาเดินด๊อกแด๊กหาคนรับซื้ออยู่ แต่ถามร้านหนังสือหลายร้านก็ถูกปฏิเสธทั้งนั้น จนกระทั่งหลงเข้ามาที่นี่ ผมเองหลังจากดูหนังสือแล้วก็ส่ายหน้าเหมือนกัน ได้แต่เสนอไปว่าแลกดีกว่าไหม ลองเดินๆดูสักหน่อย ถ้าโอเค-ดีทั้งคุณ ดีทั้งผม ก็แลกไป ... ดีทั้งผมนั้น ดีแน่เพราะถ้าแลกได้ก็ดี ไม่ต้องเสียเงินซื้อ เพราะมีหนังสือในร้านให้เลือกได้ ส่วนดีทั้งคุณก็อยู่ที่คุณจะหาอะไรไปได้หรือเปล่าเท่านั้นเอง

"Can I change with this book ?" เปลี่ยนกับเล่มนี้ได้ไหม ... หญิงสาวถาม หลังจากที่ทั้งคู่เดินสำรวจอยู่พักหนึ่ง จับๆวางๆหนังสืออ่านภาษาฝรั่งเศสอยู่ 3-4 เล่ม ก็เดินมาที่ชั้นหนังสือเฟรสบุ๊คเล่มเล็กแทน

"English - Thai phrase book ? I have French - Thai phrase book also ?" เฟรสบุ๊คภาษาอังกฤษ-ไทย ... ทำไมไม่เป็นภาษาฝรั่งเศส-ไทยล่ะ ผมก็มีนะ ... ผมถามเพราะเห็นว่าหนังสือที่ทั้งคู่ถือมาแลกนั้นเป็นภาษาฝรั่งเศส แสดงว่ามีคนใช้ภาษาฝรั่งเศสได้ ดังนั้นเฟรสบุ๊คฝรั่งเศส-ไทย ก็น่าจะตรงประเด็น ลูกค้าไม่ต้องไปแปลอังกฤษเป็นฝรั่งเศสอีกที ... ว่าแล้วก็ถามตัวเองว่า เอ๊ะ เราเผือกไปไหมนี่ Smiley

"I want to speak Thai very much. I love Thailand a lot." เยี่ยมเลย ฉันอยากพูดไทยมาก ฉันรักเมืองไทย ... ลูกค้าสาวตอบมา เธอเป็นชาวแคนาเดี้ยนใช้ภาษาอังกฤษเป็นปกติ แต่ภาษาฝรั่งเศสคงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับทั้งสองคน ... หางเสียงเธอทำให้ผมนึกถึงคุณปุ๋ย-นางงามจักรวาล ... "ป๋วยยรักเมืองทาายยย ค่ะ" Smiley

"I see, good idea. How long for your trip in Thailand ?" เยี่ยมเลย ว่าแต่คุณจะอยู่เมืองไทยอีกนานเหรอ ... ผมพยักหน้า ยกนิ้วให้ พร้อมกับชวนคุยต่ออีกเล็กน้อย แต่ถามเสร็จก็นึกด่าตัวเองว่า เผือกอีกแล้ว เดี๋ยวเขาเปลี่ยนใจอยู่แป๊บเดียวก็ไม่ต้องแลกหนังสือกันพอดี

"We don't know. We just came from Cambodia. And here in Thailand is the second country. Well, how shall I get start ? ... Thank you or Hello ?" เรายังไม่รู้เลย เพราะเพิ่งมาจากกัมพูชา เมืองไทยนี่ก็เป็นประเทศที่สองเท่านั้นเอง ... แล้วฉันจะเริ่มจากอะไรดีล่ะ แทงค์ยูหรือฮัลโหลดี ... เธอหันไปพยักหน้ากับชายหนุมก่อนจะเปิดเฟรสบุ๊คหน้าแรก

"Hmm ... Hello shall be Sa-was-dee-ka for you - Lady and Sa-was-see-krab for you - Gentle. And Thank you shall be Khob-khun-ka or Khob-khun-krab. Last word shall be different depend on speaker's sexuality "Male" or "Female"." ฮัลโหล ก็ คุณผู้หญิงใช้สวัสดีค่ะ ส่วนคุณผู้ชายก็เป็นสวัสดีครับ แทงค์ยูก็ขอบคุณค่ะกับของคุณครับ หางเสียงคำสุดท้ายนั่นจะแตกต่างกันตามเพศของผู้พูดนะ ว่าเป็นชายหรือหญิง ... ผมตอบพร้อมกับอธิบายศัพท์ง่ายๆอีก 2-3 คำที่เธอถามมา เป็นการซักซ้อมความเข้าใจของหญิงสาวกับภาษาคาราโอเกะ และวิธีการใช้หนังสือเฟรสบุ๊คเล่มนั้น

"Now you are ready for beginning to learn Thai." ตอนนี้คุณก็พร้อมสำหรับการเริ่มเรียนรู้ภาษาไทยแล้วนะ ... ผมบอกเธอพร้อมกับเช็คแฮนด์ทั้งคู่ ก่อนกล่าวคำร่ำลา

"Khob khun ka." ขอบคุณค่ะ ... หญิงสาวชาวแคนาดาเริ่มต้นได้ดี พร้อมกับรอยยิ้มสดใส



สาวแคนาดากับหนุ่มเฟรนช์เคราดก ลูกค้าน่ารักที่ทำให้ร้านหนังสือในหน้าฝนไม่เงียบเหงาจนเกินไป

ค่ำวันก่อนนี้ก็เช่นกัน ลูกค้าสาวผิวสีในชุดรัดรูปของนักปั่นจักรยานทางไกล มาพร้อมกับชายหนุ่มผมทองที่ประคองรถจักรยานจอดหน้าร้านจนเรียบร้อย ชายหนุ่มนั้นถามหาแผนที่อะไรสักอย่างที่ผมจำไม่ได้ว่าเป็นกรุงเทพหรือประเทศไทย พร้อมๆกันกับหนังสือภาษาเยอรมัน แน่นอนว่าภาระหน้าที่อำนวยความสะดวกสำหรับการเดินทางคงเป็นของฝ่ายชาย (เช่นเดียวกับหนุ่มเฟรนช์เคราดก ที่เป็นคนใช้รุทตาร์ทภาษาฝรั่งเศส ในขณะที่แฟนสาวไม่ได้ใช้มัน) เพื่อนสาวผิวสีนั่งเฉยๆ กับสัมภาระที่ประคองอยู่ในมือ

หลังจากชายหนุ่มได้หนังสือกับแผนที่เป็นที่เรียบร้อย เป็นอันเสร็จธุระการเดินทาง หญิงสาวผิวสีก็เอ่ยปากขึ้นบ้าง

"Can I use your restroom?" ฉันขอใช้ห้องน้ำได้ไหม ... เธอถาม พร้อมกับถุงสัมภาระในมือ

ผมพยักหน้า พร้อมกับเดินนำไปยังห้องน้ำด้านใน และเปิดสวิทช์ไฟทิ้งไว้ให้ ก่อนเดินออกมาหน้าร้านเพื่อคุยกับชายหนุ่ม ผ่านไปอึดใจใหญ่ๆ มีเสียงฝีเท้าของหญิงสาวที่เดินออกมา ทำให้ผมหันไปมองพร้อมกับเบิกตาโต ... เธอเปลี่ยนไป ผมที่รวบไว้ถูกปล่อยสยายแตะไหล่ เสื้อยืดของนักปั่นจักรยานถูกแทนื่ด้วยเสื้อแขนกุดรัดรูปสีดำ ขณะที่กางเกงนักปั่นเปลี่ยนไปเป็นกระโปรงบานยาวถึงเข่า สีชมพูสวย ถึงแม้รองเท้าจะยังคงเดิม และเธอไม่ได้เติมแป้ง-แต่งหน้า แต่ก็เปลี่ยนลุคของหญิงสาวจากนักกีฬามาเป็นสาวสวยที่พร้อมกับการออกเดทยามค่ำได้ดีทีเดียว

"Wow. ... You are ready for the specialdinner, tonight" โฮะ โห ... ตอนนี้คุณก็พร้อมแล้วสิ สำหรับดินเนอร์มื้อพิเศษ ... ผมยิ้มกว้าง พร้อมกับยกหัวแม่มือให้เธอทั้ง 2 นิ้ว

"Thank you. Do you have any restaurant for recommendation tonight?" ขอบคุณ ว่าแต่คุณมีร้านอาหารไหนแนะนำไหมล่ะ ... เธอยิ้มอายๆ ขณะที่เดินมาพยักหน้ากับแฟนหนุ่ม

"Not so far ... "Tom Yam Kung" restaurant for "Thai food" or may be "Viengtai" restaurant" at Viengtai hotel for international cuisine." ถ้าไม่ไกลมากก็ ร้านต้มยำกุ้ง หรือไม่ก็เป็นห้องอาหารของโรงแรมเวียงใต้ก็ไม่เลว น่าจะมีอาหารต่างชาติด้วยนะ แต่จะฟูลคอร์สหรือเปล่าผมก็ไม่แน่ใจนัก ... ผมชี้เป้าหมายคร่าวๆให้ทั้งคู่ ร้านต้มยำกุ้งนั้นอยู่ในถนนข้าวสาร ตรงข้ามโรงพักชนะสงครามข้างหน้านี่เอง ส่วนโรงแรมเวียงใต้นั้นต้องเข้าซอยรามบุตรีไปหน่อยหนึ่ง เดินสัก 5 นาทีก็เจอ ห้องอาหารจะอยู่ชั้นล่าง-หน้าโรงแรมให้เห็นเลย

"Thank you very much." ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณ ทั้งคู่ยื่นมือมาให้ผมเช็คแฮนด์ก่อนออกจากร้านไป

เสียงเพลง "The Lost star" ประกอบภาพยนตร์ "Begin Again"ของ "Keira Knightley" จากที่ไหนสักแห่งลอยมาแผ่วๆ ในสายลมยามค่ำ Smiley

เจตตจัน
02-2820358
085-8035412
087-0719858
jettajan227@yahoo.com



Create Date : 25 สิงหาคม 2557
Last Update : 25 สิงหาคม 2557 22:15:05 น. 0 comments
Counter : 1209 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jettajan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add jettajan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.