Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2556
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
12 ตุลาคม 2556
 
All Blogs
 
ร้านหนังสือในข้าวสาร ... ตอน Failed @ Khaosan 2

สวัสดีคุณผู้อ่านที่รักทุกท่าน ด้วยความยินดีที่ยังมีชีวิตอยู่ ยังกินได้ นอนหลับ ครบ 32 และยังรอดจากพายุฝนปลายฤดูของเดือนตุลาคมมาเขียนบล็อกเล่าเรื่องราวเรื่อยเปื่อยให้ได้ฟังกันอีกสัปดาห์หนึ่ง กับบรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนที่จะว่าเย็นดีก็ใช่ จะว่ากลัวน้ำท่วมเยอะก็ใช่ เพราะเห็นข่าวว่าเขื่อนป่าสักพร่องน้ำแล้ว เนื่องจากน้ำมากเต็มระดับความจุของเขื่อน พร้อมกับโซนตะวันออกเจอฝนเยอะ ปราจีนน้ำท่วมหนัก เพื่อนพนักงานบริษัทที่บ้านอยู่อยุธยาที่ท่วมปกติประจำทุกปีก็ท่วมแล้ว เพื่อนแซวกันว่าเห็นพี่สาวบอกจะไปซื้อน้ำมันมาเติมปั๊มสูบน้ำเตรียมสู้ น้องเลยบอกว่าไม่ต้องไปสู้กับมัน บ้านตรงนี้มันท่วมก่อนเขาทุกปีอยู่แล้ว เป็นแอ่งขังที่ท่วมก่อน-แห้งทีหลัง รอดูดออกตอนน้ำลดสิ้นเดือน ตอนนี้ขนของขึ้นชั้นบนหนีน้ำอย่างเดียว ... เหมือนมดน่ะ ฝนมา-น้ำท่วม ก็ขนไข่หนีน้ำขึ้นที่สูง น้ำลดก็ค่อยขนลงมาใหม่ ... นึกๆแล้วก็ได้แต่ถอนใจ ได้แต่เอาใจช่วยกันอยู่ห่างๆ กับต้นทุนชีวิตที่ต้องแลกกันระหว่างการมีที่อยู่ที่นอนในเขตอนุเคราะห์ของวัดที่อยู่มานานชั่วอายุ กับกิจกรรมหนีน้ำประจำปี

ส่วนร้านหนังสือก็ยังคงเปิดอยู่ครับ รับพระพิรุณที่โปรยปรายสม่ำเสมอ เว้นวันบ้าง เว้นสองวันบ้าง ไล่ลูกค้านักท่องเที่ยวให้หลบฝนเงียบอยู่ในที่พักหรือไม่ก็หนีขึ้นเหนือ-ลงใต้ไปเลย ให้รู้แล้วรู้รอด วันก่อนฝรั่งหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาถามกันดื้อๆเลยว่า

"Do you know when monsoon will be finish? ... คุณรู้หรือเปล่าว่าพายุฝนจะหมดเดือนไหนน่ะ"

"Basically rainny season shall be finish within this September. But now I am not sure anymore. ... ฤดูฝนหมดทั่วๆไปก็กันยายนนี่แหละ แต่ตอนนี้ไม่รู้แล้ว" ผมคิดในใจ อากาศเปลี่ยนไปหมดแล้วอย่างนี้ ใครจะไปคาดการณ์ถูก

"I don't think so. ... ผมว่าไม่นะ" ชายหนุ่มส่ายหน้าไม่เห็นด้วย ส่วนผมก็ได้แต่แบมือยักไหล่ ยิ้มๆ เพราะข่าวพายุอีกลูกหนึ่งที่กำลังวิ่งเข้าสู่เวียตนาม พาดผ่านลาวนั้น มีเส้นทางมุ่งเข้าหาภาคกลางตอนบนของประเทศไทยอย่างชัดเจน จะแค่เติมน้ำในเขื่อนให้เต็มสำหรับหน้าแล้งอย่างที่ดอกเตอร์เสรี บอกหรือเปล่าก็คงได้รู้กันไม่นานนี้ล่ะ

สัปดาห์ก่อนเขียนเรื่องเฟลด์กันไปยังไม่จุใจเลยครับ สัปดาห์นี้มาว่ากันต่อดีกว่าครับเพราะมีเรื่องเฟลด์ๆอีกหลายเรื่องมาเขียนให้อ่านกันเพลินๆ ทั้งนอกร้าน ในร้าน ... เริ่มเลยดีกว่ากับลูกค้าที่ดูท่าจะเฟลด์ในทริปไปเสียมเรียพสัปดาห์ก่อน

ค่ำนั้นวันศุกร์สุดท้ายของเดือน ระหว่างที่ผมนั่งหัดเล่นไดมอนด์แดช-เกมส์ออนไลน์ในเฟสบุ๊คอยู่เงียบๆ ลูกค้าหน้าไวกิ้งสวมเสื้อแจ็คเก็ตเหม็นอับ หนวดเคราเฟิ้ม ผมแดงฟู เดินเข้ามาถามหาแผนที่กัมพูชา ผมเห็นหน้าทีแรกก็นึกถึงนักรบสก็อตติชในหนังเบรฟฮาร์ทที่ยกเหยือกเบียร์ซดหกเลอะหนวดเคราเรี่ยราด หรือไม่ก็อัศวินไวกิ้งในหนังอภินิหารไวกิ้งสุดขอบฟ้ากว่า 20 ปีก่อนขึ้นมาทันใด

"Do you have Cambodia map? ... คุณมีแผนที่กัมพูชาไหม" ลูกค้าหน้าแดง เคราแดงถามมาหลังจากยืนนิ่งๆอยู่พักหนึ่ง

"Yes, here. ... มีสิ นี่ไง" ผมมองหน้าแล้วเดินไปหยิบแผนที่มาให้ดู

"OK, I take this. Do you know where is police station? ... ผมซื้อ แล้วคุณรู้ไหมว่าสถานีตำรวจอยู่ตรงไหน" ลูกค้าถามเพิ่มเติมมา

"On that corner? Why? ... อยู่มุมฝั่งตรงข้าม ด้านซ้ายมือนี่เอง ทำไมเหรอ" ผมตอบพร้อมทำท่าชี้มือบอกทิศทางให้ ไม่แน่ใจว่าลูกค้ามีเหตุอะไรต้องแจ้งตำรวจหรือเปล่า

"I have to wait there for bus to siemreap tomorrow, morning. ... พรุ่งนี้ผมต้องไปรอที่นั่น รอรถไปเสียมเรียพน่ะ แต่เช้าเลย" ลูกค้าตอบอธิบายมาพร้อมกับเอาใบจองรถออกมาให้ดู ... ผมหยิบมาดูนิดหนึ่ง ชื่อจอห์นนี่ อะไรสันสันสักอย่าง ... อ้อ เป็นนอร์วีเจียนนี่เอง ใช่ไวกิ้งขี้เมาจริงๆด้วย

"I see. Thank you, have a nice trip." ผมอวยพรพร้อมปิดการขายสั้นๆ ง่ายๆ กว่าปกติ เพราะเหตุผลเล็กๆน้อยๆ 2-3 ข้อ

ข้อแรกคือ เสื้อแจ็คเก็ตที่ไวกิ้งหนุ่มใส่มานั้น เหม็นอับ โคตรมหาเหม็นเลยชนิดที่คุยไป ผมต้องเอาอีกมือหนึ่งมาปิดๆบังๆที่จมูกไว้ กันกลิ่นที่บอกตรงๆว่าเหมือนคนจรที่ไม่ได้อาบน้ำมาหลายวันน่ะ หรือไม่ก็ลองนึกดูถึงตอนที่คุณไปวิ่งออกกำลังตอนเช้าที่สนามหลวงจนเหงื่อออกท่วมถึงกางเกงแล้ว ปล่อยให้เหงื่อมันแห้งเอง เสื้อตัวนั้นใส่ต่อถึงเย็นหรือถอดไว้รอซักข้ามวันจะเริ่มโชยกลิ่นอับเหงื่อประมาณกันกับพี่แกเลย

ข้อที่สองคือ อาการพี่แกไม่เหมือนคนปกติ แม้จะคุยกันได้ โต้ตอบได้รู้เรื่อง แต่ว่าความเคลื่อนไหว อากัปกิริยาของลูกค้าจะหยุดชะงักเป็นช่วงๆ คล้ายๆกับเครื่องยนตร์สำลักแล้วดับน่ะ บางทีจะเว้นวรรคสักครึ่งนาทีเฉยๆงั้นแหละ มองไปที่หน้าระยะห่างประมาณเอื้อมมือแตะไหล่กันได้ตอนนั่งควักเงินมาจ่ายจากกระเป๋าซิปตรงอกเสื้อ จะเห็นหยุดพร้อมเปลือกตาบนหรี่ปิดนิ่งๆเป็นช่วงๆ ดูน่ากังวล

ข้อที่สามคือของที่แกล้วงออกมาจากกระเป๋าตอนจ่ายเงินนั้น มันเป็นปึกกระดาษใบเสร็จ เศษกระดาษพับครึ่งอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด พร้อมกับแผงยาแคปซูลสีเขียว-ฟ้า สองสามแผงติดมาด้วย บางแผงมีรอยแกะกินไปบ้างแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นยาระงับประสาทหรือยาเสพติดอะไรหรือเปล่า ก่อนที่แกจะเลือกๆเอาแบงก์มาจากปึกกระดาษที่วางบนโต๊ะนั้นมาจ่าย เสร็จแล้วก็หยุดชะงัก เครื่องดับๆติดๆ จนกระทั่งผมต้องถามดังๆ พร้อมกับชี้ไปว่า จะเอาถุงพลาสติกใส่ของไหม ก็เหมือนจะเครื่องติดอีกครั้ง ก่อนส่ายหน้าเก็บของออกไปยืนนิ่งๆอยู่หน้าร้าน

ระหว่างนั้นยอมรับว่า ผมเอื้อมมือไปกำโทรศัพท์บ้านทั้งแป้นทั้งหูไว้กระชับมือมั่น เพราะไม่แน่ใจว่าระยะแค่แขนเอื้อมแตะไหล่กันได้แค่นั้น ผมจะพลิกสถานการณ์ได้ทันหรือไม่ แต่ยังไงก็ขอสวนดูสักตั้งถ้ามีอะไรขึ้นมา ... โชคดีว่าไม่มีอะไร พอไวกิ้งหนุ่มออกมายืนนิ่งๆอยู่หน้าร้าน ตามองเหม่อๆเข้าไปยังถนนข้าวสาร ผมเลยรีบเดินเบี่ยงตัวออกมาปิดประตูเหล็กหน้าร้านและปิดร้านเลย

(มันคล้ายกับสองสามปีก่อนที่ ลูกค้าหนุ่มยุโรป 2 คนเมาแอ๋เกาะไหล่โซซัดโซเซเข้ามาที่ร้าน กำแบงก์ร้อย 3-4 ใบมาชูถามซื้อไกด์บุ๊คมือหนึ่งอะไรสักเล่ม พูดจาประสาคนเมาว่าเงินเท่านี้ซื้อได้ไหม แล้วก็พล่ามต่อว่าอะไรเรื่อยเปื่อย ผมดูแบงก์ในมือที่ชูอยู่ ก็รู้ว่าไม่ได้อยู่แล้ว พร้อมกับดูอาการออกเมามาก กอดไหล่กันเซไปมากับเพื่อนเกลอ พร้อมกับเสียงเริ่มดังมากขึ้น ... ประเมินสถานการณ์ว่าสมมุติว่าเกิดชุลมุนกันขึ้น ไอ้ฝรั่งเมาท่าทางสูงไม่ต่ำกว่าเมตรแปด 2 คนนี่ ถ้ามันเซถลาหรือลงนอนวัดพื้น ชั้นหนังสือพิงกำแพงหรือกลางร้านอาจล้มลงกลางดึก คงไม่สนุก ผมเลยถือหนังสือเล่มนั้นไว้มือหนึ่ง อีกมือกวักเรียกสลับกับแตะไหล่พิงๆไว้ พยักหน้าเออออห่อหมก ค่อยๆเดินถอยหลังวนล่อทั้ง 2 คนให้ตามออกมาจนถึงเขตปลอดภัยนอกร้าน ก่อนจะพยักหน้าบอกว่าพรุ่งนี้มาใหม่ แล้วก็ดันไหล่ทั้งคู่หันหลังออกไป เป็นอันผ่านสถานการณ์เสี่ยงเฉพาะหน้าออกมาได้อย่างนิ่มนวล พร้อมกับถอนใจโล่งอก)

... เช้าวันรุ่งขึ้นผมลงทุนตื่นมารดน้ำต้นไม้ ถ่วงเวลาสังเกตุการณ์อยู่หน้าร้านตั้งแต่ 6 โมงครึ่ง พร้อมกับชำเลืองมองไปทางมุมหน้าโรงพักอยู่บ่อยๆ ในกลุ่มฝรั่งนักท่องเที่ยวที่มารอรถแต่เช้า และก็ตามคาด ผมไม่เห็นไวกิ้งหนุ่มผมแดงคนนั้นมารอขึ้นรถไปเสียมเรียพเลย ไม่รู้ว่าพี่แกเมายาหรือมีปัญหาอะไรหรือเปล่า จึงไม่ได้มาขึ้นรถ แต่อย่างน้อยที่สุด ... ตั๋วจองที่นั่งใบนั้นก็เฟลด์แล้วแน่นอน ไม่ต้องสงสัยเลย !!!

นอกจากนี้บางทีเดินผ่านไปทางถนนข้าวสารเช้าๆ เห็นฝรั่งนักท่องเที่ยวเมาแอ๋หลับอยู่ข้างถนนก็บ่อยไป ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากรณีนี้ของที่ติดตัวทั้งหมด (ถ้ามี) จะอยู่ครบหรือเปล่าครับ ทั้งเงินสด บัตรเครดิต พาสปอร์ต กระเป๋าเงิน โทรศัพท์มือถือ ... ข่าวท่องเที่ยวเคยลงว่าตอนนี้มีฝรั่งเร่ร่อนอยู่ในเมืองไทยก็หลักร้อยเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่จะเร่ร่อนเพราะมาติดอะไรสักอย่างที่บ้านเรา ไม่การพนัน ก็ยาเสพย์ติดหรือผู้หญิง ซึ่งหลังจากโดนสูบเงินออกไปจนหมด ก็ไล่ออกจากบ้านซะ ... พวกนี้ถ้ากลับบ้านก็คงไม่มีอนาคตล่ะ ไม่มีงาน ไม่มีเงิน คงได้แค่เป็นคนจรจัดนอนใต้สะพาน รอเงินสงเคราะห์หรือแสตมป์อาหารรายเดือน


ในภาพเป็นฝรั่งที่เมาหลับอยู่บนพื้นถนนในข้าวสาร ตอนถ่ายภาพเช้าวันนั้น จำได้ว่า ฝรั่งนักท่องเที่ยวชายหญิงอีกคู่หนึ่งก็หัวเราะคิกคัก เอากล้องจากโทรศัพท์มือถือถ่ายภาพไปเหมือนกัน ไม่รู้ว่ารู้จักกันหรือเปล่า ... ถ้ามองแบบโลกสวยอาจจะเป็นเพื่อนกันมาเจอก็ได้ ใครจะรู้

ส่วนสุดสวยในภาพเป็นขาประจำแถวนี้ เธอเป็นคนจรที่ไม่ปกติ ... เรียกว่าพิเศษดีกว่า บางทีอารมณ์ดีๆ เธอจะยิ้ม เล่นหัว เกาะหลังเกาะไหล่ฝรั่งหนุ่มๆแถวนี้ราวกับเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน ... บางทีเธออารมณ์ร้ายขึ้นมาก็จะคว้ากระถางต้นไม้แถวนี้เหวี่ยงลงถนนบ้าง เหวี่ยงโดนรถที่วิ่งผ่านไปมาบ้าง ... เคยเห็นตอนโดนตะครุบตัวอยู่ทีนึง พวกคนขับสามล้อ แท็กซี่ผู้ชายต้องรุมกัน 3-4 คนกว่าจะเอาอยู่

เฟลด์ประจำในร้านอีกอย่างหนึ่งก็ "Do you have the copy?" หรือไม่ก็ "I like the copy one." ... ล่าสุดนี่ฝรั่งผมดำอีกคนก็เดินเข้ามาถามหาโลนลีแพลนเน็ตสิงคโปร์ ผมพาไปชี้ให้ดูเสร็จสรรพพร้อม อธิบายว่าตอนนี้ไม่มีเล่มมือสองนะ ผมมีแต่เล่มมือหนึ่งเป็นฉบับพิมพ์ใหม่ล่าสุด ซึ่งลด 20% หรือไม่ก็ซื้อคืนครึ่งราคา ลูกค้าตอบมาว่า "Do you have the copy one?" ทำเอาผมยิ้มเก้อเหมือนชาลี แชปลิน ยกไหล่แบมือส่ายหน้าแล้วเดินเอ๋อกลับมาเล่นไดมอนด์แดชต่อที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ ปล่อยลูกค้าตามยถากรรมไปเลย

ลองไปดูเฟลด์นอกร้านกันบ้าง บนถนนกาญจนาภิเษก ณ วงแหวนตะวันตกที่เป็นเส้นทางวิ่งประจำไปกลับทุกวัน ก็จะเจออุบัติเหตุบ่อยๆ ส่วนใหญ่จะเห็นรถจอดอยู่พร้อมกับเจ้าของที่ขับมา บางทีคันเดียว บางทีก็หลายคัน บางวันอาจมีตำรวจมาช่วยโบกอำนวยความสะดวกให้รถคันอื่นๆผ่านไปได้ไม่ติดขัด แต่บางคันก็ไม่ต้องการเพราะลงไปนอนแอ้งแม้ง พลิกคว่ำพลิกหงายอยู่ในคูน้ำข้างทางเสียแล้ว ยังไงก็ขับรถระมัดระวังด้วยครับ จะได้ไม่ต้องเฟลด์กัน


ภาพแรกนี้เป็นอุบัติเหตุที่เจอตอนเช้า หน้าศาลฎีกา ข้างสนามหลวง เช้าวันก่อนที่ฝนตกทั้งคืน มีรถแอมบ์ด้วย ก็ได้แต่ภาวนาเอาใจช่วยให้ไม่เป็นอะไรมาก


เฟลด์นี้เจอตรงสะพานเล็กแถวแยกสุพรรณ ของถนนกาญจนาภิเษก หญิงสาวเจ้าของรถยืนเซ็งอยู่ข้างรถที่บริเวณหน้าเบียดเข้าไปยังขอบสะพานปูน (แต่ไม่เห็นคู่กรณี ไม่รู้ว่าโดนปาดหน้าแล้วเผ่นหายไปเลยหรือเปล่า) มีคุณตำรวจยืนอำนวยความสะดวกอยู่ข้างๆ


ส่วนเฟลด์นี้คู่กรณีไปไหนไม่ได้ครับ ไม่รู้ทำอีท่าไหนรถใหญ่เสยท้ายเอาแต่เช้า โดยมีเจ้าของรถยืนอยู่พร้อมกับคุณตำรวจที่มาเคลียร์ให้



เฟลด์ 2 ภาพนี้เป็นรถคันเดียวกันครับ เลยสารสาสน์บางบัวทองไปไม่ไกลนัก ... ตัวรถกระบะถูกประคองเข้าไหล่ทางด้านขวา เห็นกันชนหน้าแบะออกในภาพบน ตอนแรกคิดว่าไม่เท่าไหร่ แต่พอเห็นหลังคาที่ปลิวตกลงไปในคูน้ำข้างทางก็ให้เป็นที่สงสัยยิ่งนักว่า รถเหวี่ยงยังไงกันถึงทำให้หลังคาที่ติดมาด้านบนหลุดออกไปขนาดนั้น ... ไม่รู้ว่าคนขับไปนั่งเฟลด์อยู่ตรงไหน


เฟลด์นี้ใกล้แยกต่างระดับบางปะอินแล้ว รถเก๋งจอดอยู่ใกล้ๆกันกับคู่กรณีที่เป็นรถตู้ หัวรถหมุนกลับมาทางทิศตรงกันข้ามกับที่รถวิ่ง เห็นคนขับกับผู้ที่มาด้วยกันยืนเฟลด์โทรศัพท์อยู่ไม่ไกลนัก เฟลด์นี้หนักครับเพราะดูกันชนหน้าเยินเข้าไปเยอะพอสมควร น่าจะถึงเครื่องด้านใน


เฟลด์นี้ยังไม่มีอุบัติเหตุหรือความเสียหายอะไรเกิดขึ้นนะครับ แต่เห็นแล้วก็ให้เสียความรู้สึกกับเจ้าของโรงงาน เถ้าแก่ร้านหรืออาเจ๊ที่ให้ยัดเข้ามาจนล้นขนาดนี้ โดยไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัยของคนอื่นเลย ... และพร้อมๆกันก็ขอยกย่องในความสามารถของพนักงานโลจิสติกส์ที่เรียงขึ้นไปได้สูงขนาดนั้นและก็ตามขึ้นไปมัดเชือกได้ขนาดนั้น ... กะหยาบๆด้วยสายตา ผมว่าเกือบถึงชั้น 3 นะนั่น ... แม่เจ้า Smiley

เจตตจัน
02-2820358
085-8035412
087-0719858่



Create Date : 12 ตุลาคม 2556
Last Update : 12 ตุลาคม 2556 16:59:13 น. 0 comments
Counter : 2083 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jettajan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add jettajan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.