Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2555
 
27 พฤศจิกายน 2555
 
All Blogs
 

พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ .. การตอบคำถามของทัณฑปาณิสักกะ

.





ภิกษุ ท. !
วันนี้ เช้านี้เอง เราครองจีวรเข้าไปบิณฑบาตในเมืองกบิลพัสดุ์. เสร็จการบิณฑบาต กลับจากการบิณฑบาตแล้ว เข้าไปอยู่พักกลางวันที่โคนต้นมะตูมหนุ่มในป่ามหาวัน.

ภิกษุ ท. !
แม้ทัณฑปาณิสักกะ ก็เดินเที่ยวเล่นบริหารแข้งอยู่ ได้เข้าไปสู่ป่ามหาวัน ตรงไปที่ต้นมะตูมหนุ่มอันเรานั่งอยู่. เข้าไปหาเราแล้วกล่าวทักทายปราศรัย แล้วยืนยันคางด้วยไม้เท้า มีมือทั้งสองกุมปลายไม้เท้าอยู่ใต้คาง, ได้กล่าว
กะเราว่า "พระสมณะมีถ้อยคำอย่างไร มีการกล่าวอย่างไรอยู่เป็นประจำ?" ดังนี้.

ภิกษุ ท. !
ทัณฑปาณิกล่าวอย่างนี้แล้ว เราได้กล่าวตอบเขาอย่างนี้ว่า ..

"เพื่อนเอ๋ย !
- มีถ้อยคำอย่างใดแล้ว ..
- - ไม่ทะเลาะวิวาทอยู่กับใคร ๆ ในโลกนี้ พร้อมทั้ง ..
- - - เทวโลก
- - - มารโลก
- - - พรหมโลก
- - - ในหมู่สัตว์
- - - พร้อมทั้งสมณพราหมณ์
- - - พร้อมทั้งเทวดาและมนุษย์แล้ว,
เรามีถ้อยคำอย่างนั้นมีการกล่าวอย่างนั้น อยู่เป็นประจำ;

- อีกอย่างหนึ่ง ใครมีถ้อยคำอย่างใดแล้ว ..
- - ความจำ (ในเรื่องราวก่อนๆ) ไม่มาติดตามอยู่ในใจผู้นั้นซึ่ง (บัดนี้)
- - - เป็นผู้หมดบาป
- - - ไม่ประกอบตนอยู่ด้วยกาม
- - - ไม่ต้องกล่าวด้วยความสงสัยว่าอะไรเป็นอย่างไรอีกต่อไป
- - - มีความรำคาญทางกายและทางใจอันตนตัดขาดแล้ว
- - - ปราศจากตัณหาในภพไหน ๆ ทั้งสิ้นแล้ว,
เรามีถ้อยคำอย่างนั้น มีการกล่าวอย่างนั้นอยู่เป็นประจำ.

เพื่อนเอ๋ย !
เรามีถ้อยคำอย่างนี้ มีการกล่าวอย่างนี้ อยู่เป็นประจำ" ดังนี้

ภิกษุ ท. !
เมื่อเราตอบไปเช่นนี้แล้ว ทัณฑปาณิสักกะก็ก้มศีรษะแลบลิ้น แตะหน้าผากด้วยนิ้วสามนิ้ว เลิกคิ้วแล้วลากไม้เท้าหลีกไป.
.
.
.
บาลี มธุปิณฑิกสูตร มู.ม. ๑๒/๒๒๑/๒๔๔.
ตรัสแก่ภิกษุ ท. ที่นิโครธาราม ใกล้กรุงกบิลพัสดุ์.

คำถามนี้ผู้ถามถามเป็นเชิงหยั่งเสียงว่าพระผู้มีพระภาคเจ้ากับพระเทวทัตนั้น ใครเป็นคนก่อเรื่อง.




 

Create Date : 27 พฤศจิกายน 2555
0 comments
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2555 5:38:29 น.
Counter : 1265 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.