Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2555
 
12 พฤศจิกายน 2555
 
All Blogs
 
พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ .. ทรงยืนยันเอง และทรงให้สาวกยืนยันว่ามีสมณะในธรรมวินัยนี้

.




ภิกษุ ท. !
สมณะมีในธรรมวินัยนี้ โดยแท้. สมณะที่สอง ก็มีในธรรมวินัยนี้. สมณะที่สาม ก็มีในธรรมวินัยนี้. สมณะที่สี่ ก็มีในธรรมวินัยนี้. ลัทธิอื่นก็ว่างจากสมณะของลัทธิอื่น.

ภิกษุ ท. !
เธอทั้งหลายจงบันลือสีหนาทโดยชอบอย่างนี้เถิด.

ภิกษุ ท. !
สมณะ (ที่หนึ่ง) เป็นอย่างไรเล่า ?

ภิกษุ ท. !
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เพราะสิ้นสัญโญชน์สาม ย่อมเป็นโสดาบัน (คือแรกถึงกระแสแห่งนิพพาน) มีอันไม่กลับตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงแท้ต่อการตรัสรู้ในวันหน้า. นี้แลสมณะ (ที่หนึ่ง).

ภิกษุ ท. !
สมณะที่สอง เป็นอย่างไรเล่า ?

ภิกษุ ท. !
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เพราะสัญโญชน์สามอย่างก็สิ้นไป ราคะโทสะโมหะก็เบาบาง น้อยลงย่อมเป็นสกทาคามี, มาสู่โลกนี้อีกคราวเดียวเท่านั้นก็ทำที่สุดแห่งทุกข์ได้. นี่แล สมณะที่สอง.

ภิกษุ ท. !
สมณะที่สาม เป็นอย่างไรเล่า ?

ภิกษุ ท. !
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เพราะสิ้นสัญโญชน์ในเบื้องต่ำ ๕ อย่าง ย่อมเป็นโอปปาติกะ (เกิดในรูปภาพ) มีการปรินิพพานในภพนั้น ๆ ไม่เวียนกลับจากโลกนั้น ๆ เป็นธรรมดา. นี้แล สมณะที่สาม

ภิกษุ ท. !
สมณะที่สี่ เป็นอย่างไรเล่า ?

ภิกษุ ท. !
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุตติปัญญาวิมุตติ อันไม่มีอาสวะ เพราะสิ้นอาสวะด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในชาติเป็นปัจจุบันนี้ เข้าถึงแล้วแลอยู่. นี้แล สมณะที่สี่.

ภิกษุ ท. !
สมณะมีในธรรมวินัยนี้ โดยแท้. สมณะที่สอง ก็มีในธรรมวินัยนี้. สมณะที่สาม ก็มีในธรรมวินัยนี้. สมณะที่สี่ ก็มีในธรรมวินัยนี้. ลัทธิอื่น ก็ว่างจากสมณะของลัทธิอื่น.

ภิกษุ ท. !
เธอทั้งหลายจงบันลือสีหนาทโดยชอบ อย่างนี้
.
.
.
บาลี จตุกฺก. อํ. ๒๑/๓๒๓/๒๔๑.
ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย


Create Date : 12 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2555 5:23:12 น. 0 comments
Counter : 1170 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.