Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2555
 
5 พฤศจิกายน 2555
 
All Blogs
 
พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ .. ทรง “เยาะ” ลัทธิที่ว่า สุขทุกข์ไม่มีอะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัย

.





(เรื่องตอนต้นของเรื่องนี้ ต่อเป็นเรื่องเดียวกับตอนต้นของเรื่องก่อน)

ภิกษุ ท. !
ในบรรดาลัทธิทั้งสามนั้น, สมณพราหมณ์พวกใดมีถ้อยคำและความเห็น ว่า "บุคคลได้รับสุข หรือทุกข์ หรือไม่ใช่สุขไม่ใช่ทุกข์ ทั้งหมดนั้น ไม่มีอะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยเลย" ดังนี้มีอยู่,

เราเข้าไปหาสมณะและพราหมณ์เหล่านั้นแล้ว สอบถามความที่เขายังยืนยันอยู่ดังนั้นแล้ว เรากล่าวกะเขาว่า ..

"ถ้ากระนั้น (ในบัดนี้) คนที่ฆ่าสัตว์ …ลักทรัพย์ …ประพฤติผิดพรหมจรรย์
…พูดเท็จ … พูดคำหยาบ …พูดยุให้แตกกัน…พูดเพ้อเจ้อ …มีใจละโมบเพ่งเล็ง …มีใจพยาบาท …มีความเห็นวิปริต เหล่านี้อย่างใดอย่างหนึ่งอยู่นั่นก็ต้องไม่มีอะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยเลยด้วย.

ก็ เมื่อมัวแต่ถือเอาความไม่มีอะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยเลย มาเป็นสาระสำ คัญดังนี้แล้ว คนเหล่านั้นก็ไม่มีความอยากทำ หรือความพยายามทำ ในข้อที่ว่าสิ่งนี้ควรทำ สิ่งนี้ไม่ควรทำ อีกต่อไป.

เมื่อกรณียกิจและอกรณียกิจไม่ถูกทำ หรือถูกละเว้นให้จริง ๆ จัง ๆ กันแล้ว คนพวกที่ไม่มีสติคุ้มครองตนเหล่านั้น ก็ไม่มีอะไรที่จะมาเรียกตน ว่าเป็นสมณะอย่างชอบธรรมได้." ดังนี้.

ภิกษุ ท. !
นี้แล แง่สำหรับข่มอย่างเป็นธรรม แก่สมณพราหมณ์ทั้งหลาย ผู้มีถ้อยคำและความเห็นเช่นนั้น แง่ที่สาม.
.
.
.
บาลี มหาวรรค ติก. อํ. ๒๐/๒๒๔/๕๐๑.
ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย.


Create Date : 05 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2555 4:24:25 น. 0 comments
Counter : 1015 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.