อริยสัจจากพระโอษฐ์ .. ตัณหาเป็นเชื้อแห่งการเกิด
วัจฉะ ! เราย่อมบัญญัติความบังเกิดขึ้นสำหรับสัตว์ผู้ที่ยังมีอุปาทาน (เชื้อ) อยู่, ไม่ใช่สำหรับสัตว์ผู้ที่ไม่มีอุปทาน.
วัจฉะ ! เปรียบเหมือนไฟที่มีเชื้อย่อมโพลงขึ้นได้, ที่ไม่มีเชื้อก็โพลงขึ้นไม่ได้, อุปมานี้ฉันใดอุปไมยก็ฉันนั้น;
วัจฉะ ! เราย่อมบัญญัติความบังเกิดขึ้นสำหรับสัตว์ผู้ที่ยังมีอุปาทานอยู่, ไม่ใช่สำหรับสัตว์ผู้ที่ไม่มีอุปทาน.
"พระโคมดมผู้เจริญ ! ถ้าสมัยใด เปลวไฟถูกลมพัดหลุดปลิวไปไกล, สมัยนั้นพระโคดมย่อมบัญญัติซึ่งอะไรว่าเป็นเชื้อแก่เปลวไฟนั้น ถ้าถือว่ามันยังมีเชื้ออยู่ ?"
วัจฉะ ! สมัยใด เปลวไฟถูกลมพัดหลุดปลิวไปไกล, เราย่อมบัญญัติเปลวไฟนั้นว่ามีลมนั่นแหละเป็นเชื้อ.
วัจฉะ ! เพราะว่าสมัยนั้นลมย่อมเป็นเชื้อของเปลวไฟนั้น.
"พระโคดมผู้เจริญ ถ้าสมัยใดสัตว์ทอดทิ้งกายนี้และยังไม่บังเกิดขึ้นด้วยการอื่น, สมัยนั้นพระโคมดมย่อมบัญญัติซึ่งอะไรว่าเป็นเชื้อแก่สัตว์นั้น ถ้าถือว่ามันยังมีเชื้อยู่ ?"
วัจฉะ ! สมัยใดสัตว์ทอดทิ้งกายนี้ และยังไม่บังเกิดขึ้นด้วยกายอื่น, เรากล่าวสัตว์นี้ว่ามีตัณหานั่นแหละเป็นเชื้อ; เพราะว่าสมัยนั้นตัณหาย่อมเป็นเชื้อของสัตว์นั้น แล. . . . สฬา. สํ. ๑๘/๔๘๕/๘๐๐.
Create Date : 13 พฤษภาคม 2557 |
Last Update : 13 พฤษภาคม 2557 10:16:10 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1156 Pageviews. |
|
|
|
|
|