Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2555
 
7 สิงหาคม 2555
 
All Blogs
 
พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ .. ทรงถูกพวกพราหมณ์ตัดพ้อ

.




ภิกษุ ท.!
เมื่อเราอยู่ที่ตำบลอุรุเวลา ที่ต้นไทรเป็นที่พักร้อนของพวกคนเลี้ยงแพะ (อชปาลนิโครธ) ใกล้ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา คราวแรกตรัสรู้ใหม่ ๆ.

ภิกษุ ท. !
พราหมณ์เป็นอันมาก ล้วนแก่เป็นคนแก่ คนเฒ่า เป็นผู้ใหญ่ เกิดนาน ถึงวัยแล้ว เข้าไปหาเราถึงที่ที่เราพักอยู่ ทำความปราศรัยพอคุ้นเคยแล้ว.

ภิกษุ ท. !
พราหมณ์เหล่านั้นได้กล่าวคำนี้กะเราว่า
"พระโคดมผู้เจริญ ! ข้อนี้ข้าพเจ้าได้ฟังมาแล้ว ว่า "พระสมณโคดม ไม่อภิวาท ไม่ลุกรับ ไม่เชื้อเชิญด้วยอาสนะ กะพราหมณ์ผู้แก่ ผู้เฒ่า เป็นผู้ใหญ่เกิดนาน ถึงวัยแล้ว .. ข้อนี้จริงอย่างนั้นหรือพระโคดม ? .. ข้อนี้ไม่สมควรมิใช่หรือ ?" ดังนี้.


(หมายเหตุ จขบ ..
ลองพิจารณาข้อความข้างบนนี้ดูให้ดี .. จะเห็นว่า ..
คติการเชื้อเชิญ ทำความเคารพผู้แก่วัยกว่า เป็นของอินเดียมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล .. และไทยเรารับเอามาใช้ทั้งสิ้น .. เพราะฝรั่งจะไม่มีเรื่องของวัยมาเกี่ยวข้องในการปฏิสัมพันธ์กันในสังคม
)


ภิกษุ ท. !
ความคิดได้เกิดขึ้นแก่เราว่า "พราหมณ์มีอายุพวกนี้ ไม่รู้จักเถระ (ผู้แก่จริง), หรือธรรมที่ทำคนเราให้เป็นเถระ".

ภิกษุ ท.!
คนเราแม้เป็น ผู้เฒ่า มีอายุ 80, 90, 100 ปี โดยกำเนิดก็ดี, แต่เขา ..
- มีคำพูดไม่เหมาะแก่กาล,
- พูดไม่จริง,
- พูดไม่มีประโยชน์,
- พูดไม่เป็นธรรม,
- ไม่เป็นวินัย,
- กล่าววาจาไม่มีที่ตั้ง
- ไม่มีที่อิง
- ไม่มีที่สิ้นสุด
- ไม่ประกอบด้วยประโยชน์,
คนผู้นั้นถึงการนับว่าเป็น "เถระผู้พาล" โดยแท้.

ภิกษุ ท. !
คนผู้ใดแม้ยังอ่อน ยังหนุ่ม ยังรุ่น มีผมยังดำ ประกอบด้วยวัยกำลังเจริญอยู่ในปฐมวัย, แต่เขาเป็นผู้มี ..
- คำพูดเหมาะแก่กาล,
- พูดจริง,
- พูดมีประโยชน์,
- พูดเป็นธรรม,
- เป็นวินัย,
- กล่าววาจามีที่ตั้ง
- มีหลักฐาน
- มีที่สิ้นสุด
- ประกอบด้วยประโยชน์แล้ว,
คนนั้น ถึงการควรนับว่าเป็น "เถระผู้บัณฑิต" นั้นเทียว.ฯ
.
.
.
บาลี จตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๘/๒๒.
ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย



Create Date : 07 สิงหาคม 2555
Last Update : 7 สิงหาคม 2555 8:15:55 น. 0 comments
Counter : 1251 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.