พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ .. ทรง เยาะ ลัทธิที่ว่า สุขทุกข์ไม่มีอะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัย
.
(เรื่องตอนต้นของเรื่องนี้ ต่อเป็นเรื่องเดียวกับตอนต้นของเรื่องก่อน)
ภิกษุ ท. ! ในบรรดาลัทธิทั้งสามนั้น, สมณพราหมณ์พวกใดมีถ้อยคำและความเห็น ว่า "บุคคลได้รับสุข หรือทุกข์ หรือไม่ใช่สุขไม่ใช่ทุกข์ ทั้งหมดนั้น ไม่มีอะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยเลย" ดังนี้มีอยู่,
เราเข้าไปหาสมณะและพราหมณ์เหล่านั้นแล้ว สอบถามความที่เขายังยืนยันอยู่ดังนั้นแล้ว เรากล่าวกะเขาว่า ..
"ถ้ากระนั้น (ในบัดนี้) คนที่ฆ่าสัตว์
ลักทรัพย์
ประพฤติผิดพรหมจรรย์
พูดเท็จ
พูดคำหยาบ
พูดยุให้แตกกัน
พูดเพ้อเจ้อ
มีใจละโมบเพ่งเล็ง
มีใจพยาบาท
มีความเห็นวิปริต เหล่านี้อย่างใดอย่างหนึ่งอยู่นั่นก็ต้องไม่มีอะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยเลยด้วย.
ก็ เมื่อมัวแต่ถือเอาความไม่มีอะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยเลย มาเป็นสาระสำ คัญดังนี้แล้ว คนเหล่านั้นก็ไม่มีความอยากทำ หรือความพยายามทำ ในข้อที่ว่าสิ่งนี้ควรทำ สิ่งนี้ไม่ควรทำ อีกต่อไป.
เมื่อกรณียกิจและอกรณียกิจไม่ถูกทำ หรือถูกละเว้นให้จริง ๆ จัง ๆ กันแล้ว คนพวกที่ไม่มีสติคุ้มครองตนเหล่านั้น ก็ไม่มีอะไรที่จะมาเรียกตน ว่าเป็นสมณะอย่างชอบธรรมได้." ดังนี้.
ภิกษุ ท. ! นี้แล แง่สำหรับข่มอย่างเป็นธรรม แก่สมณพราหมณ์ทั้งหลาย ผู้มีถ้อยคำและความเห็นเช่นนั้น แง่ที่สาม. . . . บาลี มหาวรรค ติก. อํ. ๒๐/๒๒๔/๕๐๑. ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย.
Create Date : 05 พฤศจิกายน 2555 |
|
0 comments |
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2555 4:24:25 น. |
Counter : 1016 Pageviews. |
|
|
|