อริยสัจจากพระโอษฐ์ .. ผู้มีธรรมญาณและอันวยญาณ (พระโสดาบัน)
ภิกษุ ท .! ก็ ชรามรณะ เป็นอย่างไรเล่า ?
ความแก่ ความคร่ำคร่า ความมีฟันหลุด ความมีผมหงอก ความหนังเหี่ยว ความสิ้นไป ๆ แห่งอายุ ความแก่รอบแห่งอินทรีย์ทั้งหลาย ในสัตวนิกายนั้น ๆ ของสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น ๆ : นี้เรียกว่าชรา.
การจุติ ความเคลื่อน การแตกสลาย การหายไป การวายชีพ กายตาย การทำกาละ การแตกแห่งขันธ์ทั้งหลาย การทอดทิ้งร่างการขาดแห่งอินทรีย์คือชีวิต จากสัตวนิกายนั้น ๆ ของสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้นๆ : นี้เรียกว่า มรณะ.
ชรานี้ด้วย มรณะนี้ด้วย ย่อมมีอยู่ดังนี้;
ภิกษุ ท.! นี้เรียกว่า ชรามรณะ. ความก่อขึ้นพร้อมแห่งชรามรณะ ย่อมมี เพราะความก่อขึ้นพร้อมแห่งชาติ ; ความดับไม่เหลือแห่งชรามรณะ ย่อมมี เพราะความดับไม่เหลือแห่งชาติ ; มรรคอันประกอบด้วยองค์แปดอันประเสริฐนั่นเองเป็น ปฏิปทาให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งชรามรณ ะ, ได้แก่สิ่งเหล่านี้คือความเห็นชอบ ความดำ ริชอบ การพูดจาชอบ การทำ การงานชอบ การเลี้ยงชีวิตชอบความพากเพียรชอบ ความระลึกชอบ ความตั้งใจมั่นชอบ.
ภิกษุ ท .! อริยสาวกย่อมมารู้ทั่วถึงซึ่งชรา มรณะ ว่าเป็นอย่างนี้ ๆ, มารู้ทั่วถึง ซึ่งเหตุให้เกิดขึ้นแห่งชรามรณ ะ ว่าเป็นอย่าง ๆ, มารู้ทั่วถึง ซึ่งความดับไม่เหลือแห่งชรามรณะ ว่าเป็นอย่างนี้ ๆ, มารู้ทั่วถึง ซึ่งข้อปฏิบัติเครื่องทำ สัตว์ให้ลุถึงความดับไม่เหลือแห่งชรามรณะ ว่าเป็นอย่าง ๆ,ในกาลใด ; ในกาลนั้น ความรู้นี้ของอริยสาวกนั้น ชื่อว่า ธัมมญาณ (ญาณในธรรม).
ด้วยธรรมนี้อันอริยสาวกนั้นเห็นแล้ว รู้แล้ว บรรลุแล้ว หยั่งลงแล้วและเป็นธรรมอันใช้ได้ไม่จำ กัดกาล, อริยสาวกนั้น ย่อมนำ ความรู้นั้นไปสู่นัยะอันเป็นอดีตและอนาคต (ต่อไปอีก) ว่า ..
"สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ในกาลยืดยาวนานฝ่ายอดีต ได้รู้อย่างยิ่งแล้ว ซึ่งชรามรณะ, ได้รู้อย่างยิ่งแล้ว ซึ่งเหตุให้เกิดขึ้นแห่งชรามรณะ, ได้รู้อย่างยิ่งแล้ว ซึ่งความดับไม่เหลือแห่งชรามรณ ะ, ได้รู้อย่างยิ่งแล้ว ซึ่งข้อปฏิบัติเครื่องทำ สัตว์ให้ลุถึงความดับไม่เหลือแห่งชรามรณะ ; สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นทุกท่าน ก็ได้รู้ อย่างยิ่งแล้ว เหมือนอย่างที่เราเองได้รู้อย่างยิ่งแล้วในบัดนี้.
ถึงแม้สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ในกาลยืดยาวนานฝ่ายอนาคต จักรู้อย่างยิ่ง ซึ่งชรามรณะ, จักรู้อย่างยิ่ง ซึ่งเหตุให้เกิดขึ้นแห่งชรามรณะ, จักรู้อย่างยิ่งซึ่งความดับไม่เหลือแห่งชรามรณะ, จักรู้อย่างยิ่ง ซึ่งข้อปฏิบัติเครื่องทำ สัตว์ให้ลุถึงความดับไม่เหลือแห่งชรามรณะ, ก็ตาม; สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นทุกท่านก็จักรู้อย่างยิ่ง เหมือนอย่างที่เราเองได้รู้อย่างยิ่งแล้วในบัดนี้" ดังนี้.
ความรู้นี้ของอริยสาวกนั้น ชื่อว่า อันวยญาณ (ญาณในการรู้ตาม).
ภิกษุ ท.! ญาณทั้งสอง คือธัมมญาณและอันวยญาณเหล่านี้ของอริยสาวก เป็นธรรมชาติบริสุทธิ์ ผ่องใส ในกาลใด;
ภิกษุ ท.! ในกาลนั้นเราเรียก อริยสาวกนั้น
ว่า "ผู้ถึงพร้อมแล้วด้วยทิฏฐิ", ดังนี้บ้าง ; ว่า"ผู้ถึงพร้อมแล้วด้วยทัสสนะ", ดังนี้บ้าง; ว่า "ผู้มาถึงพระสัทธรรมนี้แล้ว", ดังนี้บ้าง; ว่า "ได้เห็นอยู่ซึ่งพระสัทธรรมนี้", ดังนี้บ้าง ; ว่า "ผู้ประกอบแล้วด้วยญาณอันเป็นเสขะ", ดังนี้บ้าง; ว่า "ผู้ประกอบด้วยวิชชาอันเป็นเสขะ", ดังนี้บ้าง ; ว่า "ผู้ถึงซึ่งกระแสแห่งธรรมแล้ว ", ดังนี้บ้าง ; ว่า "ผู้ประเสริฐ มีปัญญาเครื่องชำ แรกกิเลส", ดังนี้บ้าง ; ว่า "ยืนอยู่จดประตูแห่งอมตะ", ดังนี้บ้าง, ดังนี้.
(ข้อความข้างบนนี้ เป็นกรณีแห่งปฏิจจสมุปปันธรรมคือชราและมรณะ ที่อริยสาวกมารู้ทั่วถึงโดยนัยแห่งอริยสัจสี่แล้ว ทำให้มีธัมมญาณและอันวยญาณ และทำให้เป็นผู้ถึง พร้อมแล้วด้วยทิฏฐิเป็นต้น ,
ต่อไปได้ตรัสถึงปฏิจจสมุปปันนธรรม คือ
ชาติ... ภพ... อุปาทาน ...ตัณหา ...เวทนา ...ผัสส ะ ...สฬายตนะ ...นามรูป ...วิญญาณ ...สังขาร ...
แต่ละอย่าง ๆ ว่าอริยสาวกมารู้ทั่วถึงโดยนัยแห่งอริยสัจสี่แล้ว ก็ทำให้มีธัมมญาณและอันวยญาณเป็นต้น ได้อย่างเดียวกันกับในกรณีแห่งปฏิจจสมุปปันนธรรมคือ ชราและมรณะนั้น; รายละเอียดหาอ่านดูได้จากกหนังสือปฏิจจ. โอ. หมวดที่ ๖ หัวข้อว่า "ญาณวัตถุ ๔๔ ในปฏิจจสมุปบาทเพื่อความเป็นโสดาบัน"). . . . นิทาน. สํ. ๑๖/๖๘-๗๑/๑๒๐-๑๒๕.
Create Date : 30 สิงหาคม 2558 |
Last Update : 30 สิงหาคม 2558 13:22:32 น. |
|
0 comments
|
Counter : 795 Pageviews. |
|
|
|
|
|