Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2558
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
30 สิงหาคม 2558
 
All Blogs
 
อริยสัจจากพระโอษฐ์ .. ผู้มีธรรมญาณและอันวยญาณ (พระโสดาบัน)

ภิกษุ ท .!
ก็ ชรามรณะ เป็นอย่างไรเล่า ?

ความแก่ ความคร่ำคร่า ความมีฟันหลุด ความมีผมหงอก ความหนังเหี่ยว ความสิ้นไป ๆ
แห่งอายุ ความแก่รอบแห่งอินทรีย์ทั้งหลาย ในสัตวนิกายนั้น ๆ ของสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น ๆ : นี้เรียกว่าชรา.

การจุติ ความเคลื่อน การแตกสลาย การหายไป การวายชีพ กายตาย การทำกาละ การแตกแห่งขันธ์ทั้งหลาย การทอดทิ้งร่างการขาดแห่งอินทรีย์คือชีวิต จากสัตวนิกายนั้น ๆ ของสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้นๆ : นี้เรียกว่า มรณะ.

ชรานี้ด้วย มรณะนี้ด้วย ย่อมมีอยู่ดังนี้;

ภิกษุ ท.!
นี้เรียกว่า ชรามรณะ. ความก่อขึ้นพร้อมแห่งชรามรณะ ย่อมมี เพราะความก่อขึ้นพร้อมแห่งชาติ ; ความดับไม่เหลือแห่งชรามรณะ ย่อมมี เพราะความดับไม่เหลือแห่งชาติ ; มรรคอันประกอบด้วยองค์แปดอันประเสริฐนั่นเองเป็น ปฏิปทาให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งชรามรณ ะ, ได้แก่สิ่งเหล่านี้คือความเห็นชอบ ความดำ ริชอบ การพูดจาชอบ การทำ การงานชอบ การเลี้ยงชีวิตชอบความพากเพียรชอบ ความระลึกชอบ ความตั้งใจมั่นชอบ.

ภิกษุ ท .!
อริยสาวกย่อมมารู้ทั่วถึงซึ่งชรา มรณะ ว่าเป็นอย่างนี้ ๆ, มารู้ทั่วถึง ซึ่งเหตุให้เกิดขึ้นแห่งชรามรณ ะ ว่าเป็นอย่าง ๆ, มารู้ทั่วถึง ซึ่งความดับไม่เหลือแห่งชรามรณะ ว่าเป็นอย่างนี้ ๆ, มารู้ทั่วถึง ซึ่งข้อปฏิบัติเครื่องทำ สัตว์ให้ลุถึงความดับไม่เหลือแห่งชรามรณะ ว่าเป็นอย่าง ๆ,ในกาลใด ; ในกาลนั้น ความรู้นี้ของอริยสาวกนั้น ชื่อว่า ธัมมญาณ (ญาณในธรรม).

ด้วยธรรมนี้อันอริยสาวกนั้นเห็นแล้ว รู้แล้ว บรรลุแล้ว หยั่งลงแล้วและเป็นธรรมอันใช้ได้ไม่จำ กัดกาล, อริยสาวกนั้น ย่อมนำ ความรู้นั้นไปสู่นัยะอันเป็นอดีตและอนาคต (ต่อไปอีก) ว่า ..

"สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ในกาลยืดยาวนานฝ่ายอดีต ได้รู้อย่างยิ่งแล้ว ซึ่งชรามรณะ, ได้รู้อย่างยิ่งแล้ว ซึ่งเหตุให้เกิดขึ้นแห่งชรามรณะ, ได้รู้อย่างยิ่งแล้ว ซึ่งความดับไม่เหลือแห่งชรามรณ ะ, ได้รู้อย่างยิ่งแล้ว ซึ่งข้อปฏิบัติเครื่องทำ สัตว์ให้ลุถึงความดับไม่เหลือแห่งชรามรณะ ; สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นทุกท่าน ก็ได้รู้
อย่างยิ่งแล้ว เหมือนอย่างที่เราเองได้รู้อย่างยิ่งแล้วในบัดนี้.

ถึงแม้สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ในกาลยืดยาวนานฝ่ายอนาคต จักรู้อย่างยิ่ง ซึ่งชรามรณะ, จักรู้อย่างยิ่ง ซึ่งเหตุให้เกิดขึ้นแห่งชรามรณะ, จักรู้อย่างยิ่งซึ่งความดับไม่เหลือแห่งชรามรณะ, จักรู้อย่างยิ่ง ซึ่งข้อปฏิบัติเครื่องทำ สัตว์ให้ลุถึงความดับไม่เหลือแห่งชรามรณะ, ก็ตาม; สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นทุกท่านก็จักรู้อย่างยิ่ง เหมือนอย่างที่เราเองได้รู้อย่างยิ่งแล้วในบัดนี้" ดังนี้.

ความรู้นี้ของอริยสาวกนั้น ชื่อว่า อันวยญาณ (ญาณในการรู้ตาม).

ภิกษุ ท.!
ญาณทั้งสอง คือธัมมญาณและอันวยญาณเหล่านี้ของอริยสาวก เป็นธรรมชาติบริสุทธิ์ ผ่องใส ในกาลใด;

ภิกษุ ท.!
ในกาลนั้นเราเรียก อริยสาวกนั้น

ว่า "ผู้ถึงพร้อมแล้วด้วยทิฏฐิ", ดังนี้บ้าง ;
ว่า"ผู้ถึงพร้อมแล้วด้วยทัสสนะ", ดังนี้บ้าง;
ว่า "ผู้มาถึงพระสัทธรรมนี้แล้ว", ดังนี้บ้าง;
ว่า "ได้เห็นอยู่ซึ่งพระสัทธรรมนี้", ดังนี้บ้าง ;
ว่า "ผู้ประกอบแล้วด้วยญาณอันเป็นเสขะ", ดังนี้บ้าง;
ว่า "ผู้ประกอบด้วยวิชชาอันเป็นเสขะ", ดังนี้บ้าง ;
ว่า "ผู้ถึงซึ่งกระแสแห่งธรรมแล้ว ", ดังนี้บ้าง ;
ว่า "ผู้ประเสริฐ มีปัญญาเครื่องชำ แรกกิเลส", ดังนี้บ้าง ;
ว่า "ยืนอยู่จดประตูแห่งอมตะ", ดังนี้บ้าง, ดังนี้.

(ข้อความข้างบนนี้ เป็นกรณีแห่งปฏิจจสมุปปันธรรมคือชราและมรณะ ที่อริยสาวกมารู้ทั่วถึงโดยนัยแห่งอริยสัจสี่แล้ว ทำให้มีธัมมญาณและอันวยญาณ และทำให้เป็นผู้ถึง
พร้อมแล้วด้วยทิฏฐิเป็นต้น ,

ต่อไปได้ตรัสถึงปฏิจจสมุปปันนธรรม คือ

ชาติ... ภพ... อุปาทาน ...ตัณหา ...เวทนา ...ผัสส ะ ...สฬายตนะ ...นามรูป ...วิญญาณ ...สังขาร ...

แต่ละอย่าง ๆ ว่าอริยสาวกมารู้ทั่วถึงโดยนัยแห่งอริยสัจสี่แล้ว ก็ทำให้มีธัมมญาณและอันวยญาณเป็นต้น ได้อย่างเดียวกันกับในกรณีแห่งปฏิจจสมุปปันนธรรมคือ ชราและมรณะนั้น; รายละเอียดหาอ่านดูได้จากกหนังสือปฏิจจ. โอ. หมวดที่ ๖ หัวข้อว่า "ญาณวัตถุ ๔๔ ในปฏิจจสมุปบาทเพื่อความเป็นโสดาบัน").
.
.
.
นิทาน. สํ. ๑๖/๖๘-๗๑/๑๒๐-๑๒๕.


Create Date : 30 สิงหาคม 2558
Last Update : 30 สิงหาคม 2558 13:22:32 น. 0 comments
Counter : 795 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.