Group Blog
 
<<
กันยายน 2555
 
9 กันยายน 2555
 
All Blogs
 
พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ .. สิ่งที่ตรัสรู้แต่ไม่ทรงนำมาสอนมีมาก

.




พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงกำใบไม้สีสปา ที่ร่วงอยู่ตามพื้นดินขึ้นมาหน่อยหนึ่งแล้ว ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลายว่า:-

ภิกษุ ท. !
เธอทั้งหลายเข้าใจว่าอย่างไร : ใบไม้สีสปาที่เรากำขึ้นหน่อยหนึ่งนี้มาก หรือว่าใบไม้สีสปาที่ยังอยู่บนต้นเหล่านั้นมาก?

"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ !
ใบไม้ที่พระผู้มีพระภาคทรงกำขึ้นด้วยฝามือนั้นเป็นของน้อย ส่วนใบไม้ที่ยังอยู่บนต้นสีสปาเหล่านั้นย่อมมีมาก."

ภิกษุ ท. !
ฉันใดก็ฉันนั้น ธรรมะส่วนที่เรารู้ยิ่งด้วยปัญญาอันยิ่งแล้วไม่กล่าวสอน นั้น มีมากกว่าส่วนที่นำมากล่าวสอน.

ภิกษุ ท. ! เหตุไรเล่าเราจึงไม่กล่าวสอนธรรมะส่วนนั้น ๆ ?

ภิกษุ ท.! เพราะเหตุว่า ธรรมะส่วนนั้น ๆ ..
- ไม่ประกอบอยู่ด้วยประโยชน์ ที่เป็นเงื่อนต้นแห่งพรหมจรรย์,
- ไม่เป็นไปเพื่อความหน่าย
- ไม่เป็นไปเพื่อความคลายกำหนัด
- ไม่เป็นไปเพื่อความดับ
- ไม่เป็นไปเพื่อความสงบ
- ไม่เป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง
- ไม่เป็นไปเพื่อความรู้พร้อม
- ไม่เป็นไปเพื่อนิพพาน,

ฉะนั้น เราจึงไม่กล่าวสอน.


(หมายเหตุ .. จขบ.

"ธรรมที่ไม่เป็นเพื่อความหน่าย" .. คือการสอนเรื่องข้ามภพข้ามชาติ .. ให้จิตวิญญาณโง่เขลา "เฝ้าคอย" อนาคตหลังการตายแล้วเกิดใหม่เพื่อจะดีขึ้น .. สูงขึ้น .. เพียงแค่หวังจะ "มีชีวิตที่จะเป็นอยู่" ใหม่ให้ดีกว่าเดิม ถึงกับลงทุนสร้างวัตถุธรรมต่างๆ ถวายองค์กรหรือบุคคลที่เชื่อกันว่านั่นจะเป็นเหตุพาไปสู่ผลคือ ชีวิตที่ดีขึ้นในชาติหน้า .. ซึ่งทั้งผู้สอนและผู้เชื่อล้วนรู้ไม่ได้ด้วยตนเองทั้งคู่ .. เหมือนคนตาบอดจูงมือกันเดิน ..

การสอนแบบ "บุญสะสมข้ามภพข้ามชาติ" แบบนี้ จึงเป็น ..

1.สัสสตทิฐิ คือ วิญญาณเวียนว่ายตายเกิดเป็นคนคนเดิม คือ เที่ยงแท้ เป็นนิรันดร ไม่เปลี่ยนไปเป็นคนอื่น โดยความเชื่อ ว่าเป็นคนคนเดิม .. เป็นมิจฉาทิฐิอย่างหนึ่ง (มิจฉาทิฐิ คือ ความเห็นที่ผิด)

2. สัทธรรมปฏิรูป คือ ไม่ใช่สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสอน (หรือ การบิดเบือนคำสอนของพระพุทธองค์) .. เนื่องจาก
- ไม่เป็นไปเพื่อความหน่าย .. หน่ายได้อย่างไร ในเมื่อ "อยากเกิดใหม่"
- ไม่เป็นไปเพื่อความคลายกำหนัด .. คลายได้อย่างไร ในเมื่อสอนให้ "อยากมี อยากเป็น" ในชาติที่ยังมาไม่ถึง
- ไม่เป็นไปเพื่อความดับ .. นี่ยิ่งแล้วใหญ่ สอนให้มุ่งไปเกิดใหม่ ดีขึ้น รวยขึ้น .. จะดับได้อย่างไร
- ไม่เป็นไปเพื่อความสงบ .. เมื่อสอนในสิ่งที่รุู้ด้วยตนเองไม่ได้ ก็คิดจินตนาการฟุ้งซ่าน อัน ไม่เป็นประโยชน์อะไรแก่จิตวิญญาณได้เลย .. แล้วจะสงบได้อย่างไร
- ไม่เป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง .. นี่ยิ่งแล้วใหญ่ การสอนให้คนเชื่อ มันเป็นเรื่องความรู้ที่ไหนกัน .. อดีตเคยเป็นอะไรมา-รู้ไม่ได้ .. อนาคตจะเป็นอะไรต่อไปอีก-ก็รู้ไม่ได้ .. แล้วเชื่องมงายกันไป หลงมัวเมากันไป - น่าสมเพชแท้
- ไม่เป็นไปเพื่อความรู้พร้อม .. ความรู้ใดใด ไม่อาจเกิดขึ้นได้ในจิตที่เต็มไปด้วยศรัทธาที่ขาดเหตุผล .. เชื่อง่าย งมงาย .. อันเหมือนคนหลับ คือ ปิดหู ปิดตา ไม่รับรู้โลกรอบตัวอย่างมีเหตุผล มีที่มาที่ไป เราเรียกว่าความรู้ของผู้ที่มีจิตวิญญาณหลับใหล ขาดสติ-สัมปชัญญะ หรือ ขาดปัญญา คือไสยศาสตร์ นั่นเอง
- ไม่เป็นไปเพื่อนิพพาน .. นี่ยิ่งไม่ต้ องพูดถึง .. นิพพานไม่อาจเข้าถึงด้วยศรัทธาบ้าบอด อย่างเด็ดขาด .. จิตต้องกอปรด้วยปัญญายิ่งยวด เท่านั้น .. จึงเข้าสู่ภาวะนิพพานได้

ในระดับภูมิธรรมที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่กับ วิญญาณล่องลอย .. เวียนว่ายตายเกิด .. (ที่สอนกันมาก่อนที่พระพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้นมาเสียอีกนั้น และหากเป็นคำสอนที่ถูกต้องแล้ว พระพุทธองค์ก็ไม่จำเป็นต้องแสวงหาความหลุดพ้นอื่นใด ไม่จำเป็นต้องประกาศศาสนาใหม่ .. แต่เพราะว่ามันไม่ใช่ความรู้ที่ถูกต้อง ไม่เป็นไปเพื่อความหลุดพ้น .. แต่เป็นไปเพื่อกอดรัดอยู่กับโลกยวิสัยรอบตัว จึงไม่ป็นประโยชน์ จึงไม่เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด .. ฯลฯ - ตามเหตุผลที่ไม่ทรงสอนนั่นแล ) จิตใจที่ฝังหัวกับเรื่องแบบนี้ ย่อมนับเป็นความมืดบอดทางปัญญาญาณ .. ไม่มีทางเข้าถึงนิพพาน แน่นอนเด็ดขาด ตลอดกาล

พวกที่เคยผ่านการฟังการบรรยายธรรมของ .. สำนักธรรมกาย .. หรือ สายฤทธิ์เดช ปาฏิหารย์ ลองใคร่ครวญ พิจารณาเปรียบเทียบดูว่า สิ่งที่พระพุทธองค์"ไม่ทรงสอน" กับ .. สิ่งที่บรรดาหลวงพ่อ เกจิอาจารย์ที่เป็นลูกชาวบ้านมาบวชทั้งหลาย เน้นสอนกันเหลือเกินนั้น .. ตรงตามพุทธประสงค์ หรือไม่ ?

นี่จึงเป็นเหตุผลว่า .. ทำไมโลกจึงว่างจากพระอรหันต์ .. เพราะหลักสอนของพระพุทธองค์ถูกบิดเบือน มายาวนาน .. คือ พระลูกชาวบ้านพวกนี้ - "ว่าเอาเอง ตามความเชื่อของตน" .. ! !

เราอาจถือเอาว่าเป็นผู้มีส่วนทำลาย หลักสัทธรรม โดยตรงก็คงไม่ผิดนัก !
)


ภิกษุ ท. !
ธรรมะอะไรเล่า เป็นธรรมะที่เรากล่าวสอน ?

ภิกษุ ท. !
ธรรมะที่เรากล่าวสอนคือข้อที่ว่า ..
- ความทุกข์เป็นอย่างนี้ ๆ,
- เหตุเป็นที่เกิดข้อปฏิบัติเพื่อถึงความดับสนิทของความทุกข์ เป็นอย่างนี้ ๆ.

ภิกษุ ท. !
เพราะเหตุไรเล่า ธรรมะส่วนนี้เราจึงนำมากล่าวสอน?

ภิกษุ ท.! เพราะว่าธรรมะส่วนนี้ ..
- ประกอบอยู่ด้วยประโยชน์
- เป็นเงื่อนต้นแห่งพรหมจรรย์
- เป็นไปเพื่อความหน่าย
- เป็นไปเพื่อความคลายกำหนัด
- เป็นไปเพื่อความดับ
- เป็นไปเพื่อความสงบ
- เป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง
- เป็นไปเพื่อความรู้พร้อม
- เป็นไปเพื่อนิพพาน,

เพราะเหตุนั้นแล เราจึงนำมากล่าวสอน.
.
.
.
บาลี มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๔๘/๑๗๑๒.
ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย ที่ป่าไม้สีสปา ใกล้เมืองโกสัมพี.

ไม้สีสปานี้แปลกันมาว่าไม้ประดูลาย. ปทานุกรมสันสกฤตแปลว่าไม้อโศก, และบางฉบับให้คำแปล ไว้ว่า Dalbergia Sissoo



Create Date : 09 กันยายน 2555
Last Update : 9 กันยายน 2555 17:18:38 น. 1 comments
Counter : 1226 Pageviews.

 

พระพุทธเจ้า ประเสริฐที่สุด



โดย: shadee829 วันที่: 9 กันยายน 2555 เวลา:11:40:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.