อริยสัจจากพระโอษฐ์ .. นิสสารณิยธาตุที่ทำความง่ายให้แก่การละตัณหา
ภิกษุ ท.! ธาตุที่สามารถสลัดซึ่งสิ่งที่ควรสลัด (นิสฺสารณิยธาตุ) ๕ อย่างเหล่านี้ มีอยู่. ห้าอย่างอย่างไรเล่า ? ห้าอย่างคือ :-
ภิกษุ ท.! ในกรณีนี้คือ เมื่อภิกษุ กระทำในใจอยู่ซึ่งกามทั้งหลาย,จิตก็ไม่แล่นไป ไม่เลื่อมใส ไม่ตั้งอยู่ ไม่น้อมไป ในกามทั้งหลาย;
แต่เมื่อภิกษุนั้น กระทำในใจอยู่ซึ่งเนกขัมมะ, จิตก็แล่นไป ก็เลื่อมใส ก็ตั้งอยู่ ก็น้อมไปในเนกขัมมะ. จิตของเธอนั้นชื่อว่าถึงดี อบรมดี ออกดี หลุดพ้นดี ปราศจากกามทั้งหลายด้วยดี; และเธอนั้นหลุดพ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลายอันทำความคับแค้นและเร่าร้อน ที่เกิดเพราะกามเป็นปัจจัย; เธอก็ไม่ต้องเสวยเวทนานั้น.
อาการอย่างนี้ นี้ เรากล่าวว่า ธาตุเป็นเครื่องสลัดเสียซึ่งกามทั้งหลาย.
ภิกษุ ท.! ข้ออื่นยังมีอีก, คือ เมื่อภิกษุ กระทำในใจอยู่ซึ่งพยาบาท, จิตก็ไม่แล่นไป ไม่เลื่อมใส ไม่ตั้งอยู่ ไม่น้อมไป ในพยาบาท; แต่เมื่อภิกษุนั้น กระทำในใจอยู่ซึ่งอัพยาบาท. จิตก็แล่นไป ก็เลื่อมใส ก็ตั้งอยู่ ก็น้อมไปในอัพยาบาท. จิตของเธอนั้น ชื่อว่าถึงดี อบรมดี ออกดี หลุดพ้นดี ปราศจาก พยาบาทด้วยดี; และเธอนั้นหลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลายอันทำ ความคับแค้นและเร่าร้อน ที่เกิดเพราะพยาบาทเป็นปัจจัย; เธอก็ไม่ต้องเสวยเวทนานั้น.
อาการอย่างนี้ นี้ เรากล่าวว่า ธาตุเป็นเครื่องสลัดเสียซึ่งพยาบาท.
ภิกษุ ท.! ข้ออื่นยังมีอีก, คือ เมื่อภิกษุ กระทำในใจอยู่ซึ่งวิหิงสา,จิตก็ไม่แล่นไป ไม่เลื่อมใส ไม่ตั้งอยู่ ไม่น้อมไป ในวิหิงสา; แต่เมื่อภิกษุนั้นกระทำ ในใจอยู่ซึ่งอวิหิงสา, จิตก็แล่นไป ก็เลื่อมใส ก็ตั้งอยู่ ก็น้อมไปในอวิหิงสา, จิตของเธอนั้น ชื่อว่าถึงดี อบรมดี ออกดีหลุดพ้นดี ปราศจากวิหิงสาด้วยดี; และเธอนั้นหลุดพ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลายอันทำความคับแค้นและเร่าร้อน ทีเกิดเพราะวิหิงสาเป็นปัจจัย; เธอก็ไม่ต้องเสวยเวทนานั้น.
อาการอย่างนี้ นี้เรากล่าวว่า ธาตุเป็นเครื่องสลัดเสียซึ่งวิหิงสา.
ภิกษุ ท.! ข้ออื่นยังมีอีก, คือเมื่อภิกษุ กระทำในใจซึ่งรูปทั้งหลาย,จิตก็ไม่แล่นไป ไม่เลื่อมใส ไม่ตั้งอยู่ ไม่น้อมไป ในรูปทั้งหลาย; แต่เมื่อภิกษุนั้น กระทำในใจอยู่ซึ่งอรูป, จิตก็แล่นไป ก็เลื่อมใส ก็ตั้งอยู่ ก็น้อมไปในอรูป. จิตของเธอนั้น ชื่อว่าถึงดี อบรมดี ออกดี หลุดพ้นดี ปราศจากรูปทั้งหลายด้วยดี; และเธอนั้นหลุดพ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลาย อันทำความคับแค้นและเร่าร้อน ที่เกิดเพราะรูปทั้งหลายเป็นปัจจัย; เธอก็ไม่ต้องเสวยเวทนานั้น.
อาการอย่างนี้ นี้เรากล่าวว่า ธาตุเป็นเครื่องสลัดเสียซึ่งรูปทั้งหลาย.
ภิกษุ ท.! ข้ออื่นยังมีอีก, คือ เมื่อภิกษุ กระทำในใจอยู่ซึ่งสักกายะ (กายของตนกล่าวคือขันธ์ห้า), จิตก็ไม่แล่นไป ไม่เลื่อมใส ไม่ตั้งอยู่ ไม่น้อมไปในสักกายะ; แต่เมื่อภิกษุนั้น กระทำในใจอยู่ซึ่งความดับแห่งสักกายะ, จิตก็แล่นไป ก็เลื่อมใส ก็ตั้งอยู่ ก็น้อมไป ในความดับแห่งสักกายะ, จิตของเธอนั้น ชื่อว่าถึงดี อบรมดี ออกดี หลุดพ้นดี ปราศจากสักกายะด้วยดี; และเธอนั้นหลุดพ้นแล้วจากอาสวะทั้งหลายอันทำความคับแค้นและเร่าร้อน ที่เกิดเพราะสักกายะเป็นปัจจัย; เธอก็ไม่ต้องเสวยเวทนานั้น.
อาการอย่างนี้ นี้เรากล่าวว่า ธาตุเป็นเครื่องสลัดเสียซึ่งสักกายะ.
นันทิในกามก็ไม่นอนตาม (ในจิต) ของเธอ ; นันทิในพยาบาทก็ไม่นอนตาม (ในจิต) ของเธอ ; นันทิในวิหิงสา ก็ไม่นอนตาม (ในจิต)ของเธอ; นันทิในรูป ก็ไม่นอนตาม (ในจิต) ของเธอ ; นันทิในสักกายะก็ไม่นอนตาม (ในจิต) ของเธอ.
เธอนั้น เมื่อกามนันทิก็ไม่นอนตาม พยาปาทนันทิก็ไม่นอนตาม วิหิงสานันทิก็ไม่นอนตาม รูปนันทิก็ไม่นอนตาม สักกายนันทิก็ไม่นอนตาม ดังนี้แล้ว ;
ภิกษุ ท.! เรากล่าวภิกษุนี้ว่า ปราศจากอาลัย ตัดตัณหาขาดแล้ว รื้อถอนสังโยชน์ได้แล้ว กระทำที่สุดแห่งกองทุกข์ได้แล้วเพราะรู้เฉพาะซึ่งมานะโดยชอบ.
ภิกษุ ท.! เหล่านี้แล ธาตุที่สามารถสลัดซึ่งสิ่งที่ควรสลัด ๕ อย่าง. . . . ปญฺจก. อํ. ๒๒/๒๗๒/๒๐๐.
Create Date : 11 มิถุนายน 2558 |
Last Update : 11 มิถุนายน 2558 7:03:40 น. |
|
0 comments
|
Counter : 732 Pageviews. |
|
|
|
|
|