Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2557
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
26 มิถุนายน 2557
 
All Blogs
 
อริยสัจจากพระโอษฐ์ ..เหตุให้เกิดอันตคาหิกทิฏฐิสิบ

"ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ!
อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดทิฏฐิมีอย่างเป็นอเนกเหล่านี้ ขึ้นมาในโลก ..
.. ว่า 'โลกเที่ยง' บ้าง
.. ว่า 'โลกไม่เที่ยง' บ้าง
.. ว่า 'โลกมีที่สุด' บ้าง
.. ว่า 'โลกไม่มีที่สุด' บ้าง
.. ว่า 'ชีวะก็อันนั้น สรีระก็อันนั้น'บ้าง
.. ว่า 'ชีวะก็อันอื่น สรีระก็อันอื่น' บ้าง
.. ว่า 'ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้วย่อมมีอีก' บ้าง
.. ว่า 'ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้ว ย่อมไม่มีอีก' บ้าง
.. ว่า 'ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้ว ย่อมมีอีกก็มีไม่มีอีกก็มี' บ้าง
.. ว่า 'ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้วย่อมมีอีกก็หามิได้ไม่มีอีกก็หามิได้' บ้าง ?"

วัจฉะ!
เพราะความไม่รู้ ..
.. ในรูป
.. ในเหตุให้เกิดขึ้นแห่งรูป
.. ในความดับไม่เหลือแห่งรูป
.. ในหนทางเครื่องให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งรูป
ทิฏฐิมีอย่างเป็นอเนกเหล่านี้ จึงเกิดขึ้นมาในโลก ..
.. ว่า "โลกเที่ยง" บ้าง
.. ว่า "โลกไม่เที่ยง"บ้าง
....ฯลฯ....
.. ว่า "ตถาคตภายหลังแต่ตายแล้ว ย่อมมีอีกก็หามิได้ไม่มีอีกก็หามิได้" บ้าง.

(ในกรณีแห่งความไม่รู้ในเวทนา ในสัญญา ในสังขาร และในวิญญาณ แล้วจึง
เกิดทิฏฐิต่าง ๆ เหล่านี้ ก็ได้ตรัสไว้โดยทำนองเดียวกันกับในกรณีแห่งความไม่รู้ในรูป.
สำหรับคำว่า "เพราะความไม่รู้" ในสูตรข้างบนนี้ ในสูตรอื่น ๆ ได้ตรัสไว้ด้วยคำว่า
เพราะไม่เห็น, เพราะไม่ถึงพร้อมเฉพาะ, เพราะไม่รู้โดยลำดับ, เพราะไม่แทงตลอด,
เพราะไม่กำหนดทั่วถึง, เพราะไม่เข้าไปกำหนด, เพราะความไม่เพ่งพินิจอย่างสม่ำเสมอ,เพราะความไม่พิจารณาโดยเจาะจง, เพราะความไม่เข้าไปกำหนดโดยเฉพาะ และเพราะไม่ทำให้ประจักษ์, อีกถึง ๑๐ คำ ซึ่งก็มีใจความอย่างเดียวกัน).

.
.
.
ขนฺธ. สํ. ๑๗/๓๑๙-๓๒๖/๕๕๔-๕๘๔.


Create Date : 26 มิถุนายน 2557
Last Update : 26 มิถุนายน 2557 6:24:08 น. 0 comments
Counter : 929 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.